การบอกสถานที่ต่าง ๆที่เกี่ยวข้อง

ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน

การบริการอื่น ๆในกรณีฉุกเฉิน

การบริการอื่น ๆ ในกรณีฉุกเฉิน

ศัพท์ สํานวน ประโยค ที่ใช้ในการให้คําแนะนํา หรือความช่วยเหลือแก่นักท่องเที่ยว ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินซึ่งอาจพบได้ เป็นพื้นฐานที่จําเป็นเพื่อช่วยให้งานอาชีพการให้บริการสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ได้แก่

1.กรณีเกิดการเจ็บป่วย

1.1 การถามอาการการเจ็บป่วย ในกรณีที่สังเกตเห็นอาการเจ็บป่วยของนักท่องเที่ยว รวมทั้งอาจมีเรื่องผิดปกติ และอยู่ในวิสัยที่ผู้ให้บริการจะถามได้อาจใช้คําถามว่า

What's the matter with you ? เป็นอะไรหรือเปล่า

What's wrong with you ? มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า

Have you got any problems? มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ/คะ

What's happened ? มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า

Is something wrong ? มีอะไรผิอปกติหรือเปล่า

2.การบอกอาการเจ็บป่วย ศัพท์ สํานวน ประโยคที่ควรศึกษา ได้แก่

have a headache ปวดศีรษะ

have a stomachache ปวดท้อง

have a sor throat เจ็บคอ

have a temperature เป็นไข้

have a backache ปวดหลัง

have a toothache ปวดฟัน

have a cough ไอ

have a cold เป็นหวัด

การพูดเสนอให้ความช่วยเหลือ ผู้ให้บริการอาจพูดให้ความ ช่วยเหลือ ดังนี้

Should I bring you some medicine? ผมหายามาให้ดีไหมครับ

Should I phone the doctor? ให้ผมตามหมอให้ดีไหมครับ

Should I take you to the doctor? ให้ผมพาไปหาหมอดีไหมครับ

ตัวอย่างบทสนทนา :

Guide : What's the matter ? You look pale.

Tourist : I feel awful. I've got a headache.

Guide : Have you got a temperature, sir?

Tourist : Yes, a liltle bit.

Guide : What should I do, sir?

Tourist : May I have some medicincs, please?

Guide : A minute, please.

Tourist : Thanks.

Guide : If you don't feel better, I'll call you a doctor . O.K. Thanks.

กรณีของหาย***

การถามถึงเหตุการณ์ว่ามีอะไรเกิดขึ้นสามารถใช้โครงสร้างประโยคได้ดังนี้

1. การบอกเหตุของหาย พูดได้ดังนี้

I've lost my passport. ผมทําพาสปอร์ตหาย

I've lost my purse? ผมทํากระเป๋าสตางค์หาย

I've lost my camera. กล้องถ่ายรูปหาย

2.การพูดแนะนํา ผู้ให้บริการอาจพูดได้ ดังนี้

you should go to the office overthere. คุณควรไปแจ้งเหตุที่สํานักงานนั่น

you should go to the police station คุณควรแจ้งความที่สถานีตํารวจ

*** ถ้าเคยถูกชาวต่างชาติเข้ามาถามเส้นทางไปโน่นไปนี่ แล้วได้แต่อ้ำอึ้งถึงขั้นเดินหนี ลองศึกษาคำศัพท์ ประโยคในการถาม-บอกทาง เหล่านี้เป็นแนวทาง ซึ่งสามารถนำไปใช้เวลาเราไปเที่ยวด้วยได้

จุดสังเกตทางการจราจรที่ควรรู้

Traffic Lights = สัญญาณไฟจราจร

Zebra Crossing = ทางม้าลาย

Roundabout = วงเวียน

Sidewalk = ทางเท้า หรือ ฟุตบาท

ประโยคสำหรับการถามทาง

Excuse me, how do I get to …? (ขอโทษนะคะ/ครับ ฉันจะสามารถเดินทางไป...(สถานที่)...ได้อย่างไร?)

เช่น Excuse me, how do I get to the SHOW DC Shopping Mall?

(ขอโทษนะคะ ฉันจะไปห้างสรรพสินค้าโชว์ดีซีได้อย่างไรคะ?)

Excuse me, is there a … near here? (ขอโทษนะคะ/ครับ ไม่ทราบว่ามี...(สถานที่)...อยู่ใกล้ที่นี่ไหมคะ?

เช่น Exuse me, is there a bank near here?

(ขอโทษนะคะ มีธนาคารอยู่ใกล้ ๆ ที่นี่ไหมคะ?)

Excuse me, where is the …? (ขอโทษนะคะ/ครับ ...(สถานที่)...อยู่ที่ไหนคะ?)

เช่น Excuse me, where is the Novotel Hotel?

(ขอโทษครับ โรงแรมโนโวเทลอยู่ที่ไหนครับ?)

Excuse me, can you tell me the way to …? (ขอโทษนะคะ/ครับ ช่วยบอกทางไป...(สถานที่)...หน่อยได้ไหมคะ?)

เช่น Excuse me, can you tell me the way to the Dusit Zoo?

(ขอโทษนะคะ ช่วยบอกทางไปสวนสัตว์ดุสิตหน่อยได้ไหมคะ?)

ประโยคสำหรับบอกทิศทางและสถานที่

คำบุพบทที่ใช้อธิบายตำแหน่งของสถานที่

Opposite = ตรงข้าม

เช่น The bank is opposite the railway station.

(ธนาคารอยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟ)

Behind = ข้างหลัง

เช่น The Pharmacy is behind the hospital.

(ร้านขายขาอยู่ด้านหลังโรงพยาบาล)

Next to = ถัดจาก

เช่น The True Coffee is next to the Siam Square One Shopping Mall.

(ร้านทรูคอฟฟี่อยู่ถัดจากห้างสรรพสินค้าสยามสแควร์วัน)

In front of = ข้างหน้า

เช่น The Phra ram 9 MRT subway station is in front of the Fortune Town Building.

(สถานีรถไฟใต้ดินพระราม 9 อยู่ข้างหน้าอาคารฟอร์จูนทาวน์)

between = ระหว่าง

เช่น The Italian restaurant is in between the Coffee shop and KFC.

(ร้านอาหารอิตาลีอยู่ระหว่างร้านกาแฟกับร้านเคเอฟซี)

On the corner of = อยู่ที่มุมของ..... (มักใช้กับมุมถนนในการบอกเส้นทาง)

เช่น Building A is on the corner of this street.

(ตึก A อยู่ที่มุมถนนนี้)

คำศัพท์ที่ใช้บอกทิศทาง

Go straight on/ahead = ตรงไป

เช่น Go straight on till you see the hospital then turn left.

(ตรงไปจนกระทั่งเห็นโรงพยาบาลแล้วเลี้ยวซ้าย)

Turn right = เลี้ยวขวา

เช่น Turn right at the end of the road and my house is number 101.

(เลี้ยวขวาตรงสุดถนนและบ้านของฉันเลขที่ 101)

Turn left = เลี้ยวซ้าย

เช่น Turn left when you see a roundabout.

(เลี้ยวซ้ายเมื่อคุณเห็นวงเวียน)

Turn back = ย้อนกลับ, วกกลับ

เช่น Turn back, you have gone past the turning.

(ย้อนกลับไปตรงจุดเลี้ยว)

Take the third road on the left = เลี้ยวซ้ายที่แยกที่สาม

เช่น Take the third road on the left and you will see the Shopping Centre on the right.

(เลี้ยวซ้ายแยกที่สามและจะเห็นศูนย์การค้าอยู่ทางขวา)

Take the second on the right = เลี้ยวขวาที่แยกที่สอง

เช่น Take the second road on the right and you will see the bank straight ahead.

(เลี้ยวขวาที่แยกที่สองแล้วจะเห็นธนาคารให้ตรงไป)

Go past = เดินผ่าน (มักใช้กับสถานที่)

เช่น Go past the post office and turn right.

(เดินผ่านที่ทำการไปรษณีย์และเลี้ยวขวา)

Cross the street/junction = ข้ามถนน/ข้ามทางแยก

เช่น Cross the street and keep going for about 500 metre.

(ข้ามถนนแล้วไปอีก 500 เมตร)

Go through = เดินผ่าน... (มักใช้กับทางแยก)

เช่น Go through the intersection to Rama l road.

(เดินข้ามสี่แยกไปยังถนนพระราม 1)

Go as far as = ไปไกลประมาณ...

เช่น Go as far as the roundabout.

(ไปไกลประมาณวงเวียนกลับรถน่ะ)

ในแต่ละวันของเราอาจมีเหตุการณ์ที่เราไม่คาดคิดเกิดขึ้น ดังนั้นการเตรียมพร้อมที่จะเผชิญเหตุการณ์เหล่านั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเราบังเอิญพบเจอสถานการณ์ไม่คาดคิดที่ต่างประเทศหรือในสถานที่ที่สื่อสารด้วยภาษาไทยไม่ได้ การสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษน่าจะเป็นสื่อกลางที่ดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยของผู้อื่นและตัวเราเอง

ในสถานการณ์ที่ต้องระวัง

เราสามารถเตือนคนอื่นได้ด้วยสองคำสั้น ๆ ง่าย ๆ ได้แก่

“Look / Watch out!” และ “Be careful!”

ซึ่งทั้งคู่แปลว่า ระวัง! นั่นเอง ตัวอย่างการใช้ เช่น

- Look out! We’re going to crash.

(ระวัง! รถเรากำลังจะชนแล้ว)

- Watch out! The tree is falling.

(ระวัง! ต้นไม้กำลังจะล้มลงมา)

- Be careful! The glass is too hot.

(ระวัง! แก้วน้ำร้อนมาก)

ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ต้องการการช่วยเหลือทางการแพทย์

สามารถใช้ประโยคเหล่านี้ในการสื่อสารเพื่อขอความช่วยเหลือได้ เช่น

“Call the doctor!”

(โทรตามหมอเร็ว!)

“Call the ambulance!”

(เรียกรถพยาบาล!)

นอกจากนี้ เรายังได้รวบรวมประโยคที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่อาจพบเจอได้ค่อนข้างบ่อยในชีวิตประจำวันของเรา เพื่อที่จะได้นำไปสื่อสารได้เมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้น

- I’ve cut myself.

(ฉันโดนมีดบาด)

- I hit myself against …(object)…

เช่น I hit myself against the wall. (หัวฉันโขกกับกำแพง)

- I’ve broken my arm/leg.

(แขน/ขาของฉันหัก)

- I feel dizzy. / I’m feeling dizzy.

(ฉันรู้สึกเวียนหัว)

- I’ve burnt myself.

(ฉันโดนน้ำร้อนลวก)

- I’m feeling a little faint.

(ฉันรู้สึกเหมือนจะเป็นลม)

เมื่อต้องการถามถึงอาการหรือช่วยบรรเทาความหวาดกลัวของผู้อื่นในสถานการณ์ฉุกเฉิน

“Are you okay?”

(คุณโอเคไหม?)

“Don’t worry. We’re taking you to the hospital.”

(ไม่ต้องกังวลนะคะ เรากำลังพาคุณไปโรงพยาบาล)

“Don’t worry. You’ll be alright.”

(ไม่ต้องกังวลนะคะ คุณจะปลอดภัย)

“Take this medicine. It should relieve the pain/discomfort.”

(ทานยานี้ก่อนนะคะ มันจะช่วยลดความเจ็บปวดได้)

ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นอาชญากรรม

ประโยคเหล่านี้สามารถช่วยคุณได้

“Help!”

“Stop!”

“Stop, theif!”

“Call the police.”