1.1 การต้อนรับ ทักทาย นักท่องเที่ยว

ถ้ามีใครสักคนเดินเข้ามาถามเราว่า “คุณชื่ออะไร“ เราจะรู้สึกยังไง มันก็แปลกๆ ดังนั้นตามธรรมเนียมแล้ว สิ่งแรกที่เราต้องทำ คือ การทักทายภาษาอังกฤษก็คล้ายกับไทย คือ จะทักทายกันก่อน แล้วแนะนำตัวเราก่อน แล้วคู่สนทนาก็จะแนะนำชื่อของเขาเองเหมือนกัน

บทสนทนาคำทักทายภาษาอังกฤษ

A : Hello, my name is Sam.

( เฮ็ลโล มายเนม อิส แซม ) สวัสดี ชื่อของผม คือ แซม (ผมชื่อแซม)

B : Hey, I’m Jane.

( เฮ้ ไอม เจน ) หวัดดี ฉัน คือ เจน (ฉันชื่อเจน)

A : Nice to meet you.

( ไนซ ทุ มีท ยู ) ยินดี ที่ได้ พบ คุณ (ยินดีที่ได้รู้จัก)

B : Nice to meet you, too.

( ไนซ ทุ มีท ยู ทู ) ยินดี ที่ได้ พบ คุณ เช่นกัน (ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน)

คำศัพท์ที่ใช้ในการทักทาย

การต้อนรับ ทักทาย นักท่องเที่ยว มัคคุเทศก์ควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ ศัพท์ สํานวน ประโยคที่ใช้ในการทักทาย ดังนี้

1. การกล่าวต้อนรับ ผู้ให้บริการการท่องเที่ยวต้อนรับโดยการกล่าวว่า Welcome to .....(ชื่อสถานที่ที่นักท่องเที่ยวมาเยือน) เช่น ยินดีต้อนรับสู่ ............

ตัวอย่าง : Welcome to Lampang. ยินดีต้อนรับสู่จังหวัดลำปาง

Welcome to Mueang Lampang. ยินดีต้อนรับสู่อำเภอเมืองลำปาง

2. การทักทาย การแนะนำตนเองและบุคคลอื่น (Greeting and introduce oneself and others )

2.1 Greeting (การทักทาย)

2.1.1 Informal greetings ( การทักทายอย่างไม่เป็นทางการ )

Example

A : Hi, Gordon. How are you?

B : Hi, Frank. Fine, thanks and you?

A : Good. Thanks.

Example

Tom : Good morning Mr.Thomson. How are you?

(กุด ม๊อนิง มิสเตอะ ธอมสัน ฮาว อ๊า ยู ) อรุณสวัสดิ์ คุณทอมสัน คุณเป็นอย่างไรบ้าง

Mr. Thomson : I’m very well, thank you. How are you.?

( ไอม เว๊ริ เว็ล แธ็งคิว ฮาว อา ยู ) ผม สบายดี ขอบคุณ คุณ เป็น อย่างไร บ้าง

Tom : I’m very well, thank you.

(ไอม เว๊ริ เว็ล แธ็งคิว) ผม สบายดี ขอบคุณ

Mr. Thomson : How may I help you, Tom?

(ฮาว เม ไอ เฮ็ลพ ยู ทอม ) มีอะไร ให้ ผม ช่วย คุณ ไหม ทอม

2.1.2 Formal greeting (การทักทายอย่างเป็นทางการ)

Example

A : Good morning Miss Susan. How do you do ?

B : Good morning Mr.John. How do you do ?

คำอธิบาย :

Hello แปลว่า สวัสดี ใช้ทักทายกับคนทั่วๆ ไปที่เราไม่รู้จักมักคุ้น ไม่ควรใช้คำว่า Hi หวัดดี

Nice to meet you แปลว่า ดีที่ได้พบคุณ แต่เนื่องจากเป็นสำนวน จึงแปลว่า ยินดีที่ได้รู้จัก

I’m ไอม ย่อมาจาก I am (ไอ แอม) ผม/ฉัน คือ I อ่านว่า อาย แต่เวลาพูดจริง จะเร็วจนได้ยินว่า ไอ

I’m Ted. แปลว่า ผมคือเท็ด แต่เนื่องจากใช้ในการแนะนำตัว จึงแปลว่า ผมชื่อ เท็ด ใช้ในการ แนะนำตัวทั่วไป

หรือจะใช้คำว่า My name is Ted. (กระผมชื่อเท็ด) ก็ได้ซึ่งฟังดูแล้วเป็นทางการมากขึ้น

คำทักทายภาษาอังกฤษในสถานการณ์ต่างๆ

คำทักทายแบบไม่กำหนดช่วงเวลาที่สามารถใช้ได้มีดังนี้

Hello! เฮ็ลโล แปลว่า สวัสดี เป็นคำทักทายสุภาพทั่วไป ใช้ได้กับทุกคนทุกวัย

Hi! ฮ๊าย แปลว่า หวัดดี เป็นคำทักทายที่ใช้กับคนที่เราสนิทสนมคุ้นเคย เช่น เพื่อน พ่อแม่ พี่น้องในครอบครัว

Hey! เฮ้ แปลว่า หวัดดี เป็นคำทักทายคล้ายกับ hi

การทักทายจะนำคำเหล่านี้ขึ้นต้น แล้วจะต่อด้วยชื่อบุคคลที่เรารู้จักก็ได้ เช่น

Hello. How are you? เฮ็ลโล ฮาว อายู (สวัสดี สบายดีไหม)

I’m OK. Thanks. ไอม โอเค (สบายดี ขอบคุณ)

Hi, Jenny. What’s up? ฮ๊าย เจ็นนิ ว็อทซ อัพ (หวัดดีเจนนี่ เป็นไงบ้าง)

Not much. How about you. (น็อท มัช ฮาว อะเบ๊ายู) ก็สบายดี แล้วเธอล่ะ

คำทักทายภาษาอังกฤษแบบกำหนดตามช่วงเวลา

คำว่าช่วงเวลา คือ เวลาเช้า บ่าย และเย็น คำทักทายตามช่วงเวลาถือว่าเป็นการทักทายที่สุภาพ และเป็นทางการ มี 3 คำที่ใช้ทักทายกันตามช่วงเวลาคือ

Good morning. ( กุดม๊อนิง ) (สวัสดีตอนเช้า – ตั้งแต่ตื่นนอนถึงเที่ยง)

Good afternoon. ( กุด อ๊าฟเทอะ นูน ) (สวัสดีตอนบ่าย – หลังเที่ยงไปจนถึงเย็น)

Good evening. (กุด อี๊ฝนิง) (สวัสดีตอนเย็น – ค่ำๆจนถึงดึก)

ส่วนคำว่า Good night ( กุดไน๊ท ) ไม่ได้แปลว่า สวัสดีตอนกลางคืน คำนี้แปลว่า ราตรีสวัสดิ์ คำว่า สวัสดีตอนกลางคืน ก็คือ

Good evening

***คำทักทายทั้งสามคำนี้ จะตามด้วยชื่อคนก็ได้ ปกติการทักทายแบบสุภาพเป็นทางการ ถ้าเราจะใช้คำเหล่านี้นำหน้านามสกุล ไม่ใช่ชื่อนะครับ คำต่อไปนี้แปลว่า “คุณ”

Mr. ( มิ๊สเตอะ) ใช้กับผู้ชาย

Mrs. ( มิสสิส ) ใช้กับหญิงที่แต่งงานแล้ว

Miss. ( มิส ) ใช้กับหญิงที่โสต

Ms. ( มิส ) ใช้กับหญิงที่เราไม่แน่ใจว่าโสดหรือแต่งแล้ว

หรือ ใช้คำแทนชื่อเหล่านี้แทนเพื่อแสดงความสุภาพก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทักทายแขกในโรงแรม หรือภัตตาคาร ร้านอาหารที่ค่อนข้างหรูหรา

ข้อควรจำ***

ข้อควรจำ***

1.Good morning is used from 05.00 a.m.- 12.00 (noon) สวัสดีตอนเช้าใช้ตั้งแต่เวลา 05.00 น.-12.00 น.

2.Good afternoon is used from 1.00 - 04.00 p.m. สวัสดีตอนบ่ายใช้ตั้งแต่ 13.00 น.– 16.00 น.

3. Good evening is used from 5 p.m. onwards (or afterwards) สวัสดีตอนเย็นใช้ตั้งแต่ 17.00 น. เป็นต้นไป

4. Good night is only used for saying goodbye, never for saying Hello. ราตรีสวัสดิ์ใช้เฉพาะในการกล่าวอำลา ไม่ใช้ในการกล่าวทักทาย

2.2 Introducing oneself and others (การแนะนำตนเองและบุคคลอื่น)

Example 1.

A : Hello. I’m Morris Kelly.

ฺB : I’m Clare Taylor. Glad to meet you.

A : I’m glad to meet you, too.

Example 2.

A : Let me introduce myself. I’m Sally Roger.

B : How are you Miss Roger. I’m Mark Jacob. It’s pleasure to meet you.

A : Nice to meet you too.

Example 3.

A : Uncle Tom. May I introduce David. David is an accountant at the bank.

B : How do you do? I’m glad to meet you.

A : How do you do? I’m glad to meet you, too.

Language Use

1. คำถามที่ควรถามหลังจากที่ได้รับการแนะนำให้รู้จักแล้ว ได้แก่

* Where are you from?

* What do you do?

* What is your job?

2. การแนะนำให้บุคคลรู้จักกัน ควรบอกชื่อ อาชีพ หรือประเทศ/บริษัทที่มาจาก ได้แก่

* This is Susan. She’s from Australia.

* This is Mr. Steve. He’s a famous journalist from the Bangkok Post.

3. เมื่อได้รับการแนะนำให้รู้จักบุคคลใดๆ ควรกล่าวแสดงความยินดีที่ได้รู้จัก ดังนี้

* It’s nice to meet you.

* It’s nice meeting you.

* I’m very pleased to meet you.

* I’m very pleased to have met you.

* I’m very pleased to have the opportunity of meeting you.

4. เมื่อต้องการให้บุคคลที่เพิ่งรู้จักหลังการแนะนำ เรียกชื่อของตนเองให้ถูกต้อง ให้ใช้สำนวน ดังนี้

* My name is Robert Jansen.

* You can call me Bob.

* Please call me Bob.