การบอกและต่อรองราคา

การบอกและต่อรองราคา

ในการให้บริการการท่องเที่ยวผู้ให้บริการการท่องเที่ยวควรมีความรู้เกี่ยวกับการบอกราคาและต่อรองราคาเพื่อเป็นพื้นฐานในการให้บริการการซื้อสินค้า สํานวนประโยคที่ใช้ในการถามราคา ได้แก่

How much is it ? สินค้าชิ้นนี้ราคาเท่าไร

How much is that hat ? หมวกใบนั้นราคาเท่าไร

How much are the shorts ? กางเกงขาสั้นตัวนั้นราคาเท่าไร

หรืออาจถามว่า

How much does it cost ? สินค้าชิ้นนี้ราคาเท่าไร

How much does the hat cost ? หมวกใบนี้ราคาเท่าไร

How much do the shorts cost ? กางเกงขาสั้นตัวนี้ราคาเท่าไร

สํานวน ประโยคที่ใช้ในการบอกราคา

ผู้ขายสินค้ามักบอกราคาสินค้า ต่อหน่วย เช่น บอกเป็นกิโลเมตร หลา ชิ้น โหล คู่ เป็นต้น ดังตัวอย่าง เช่น

How much is this cloth ? ผ้าชิ้นนี้ขายยังไง

It's120baht a meter. เมตรละ 120 บาท

How much do the key rings cost ? พวงกุญแจขายยังไง

They are 3 for ten baht. ขาย 3 อัน สิบบาท

How much are the tea cups ? ถ้วยกาแฟขายยังไง

สํานวน ประโยคที่ใช้ในการถามและบอกจํานวนสินค้าที่ต้องการ

ในกรณีที่ผู้ขายสินค้าต้องการทราบจํานวนที่ผู้ซื้อต้องการถามได้ ดังนี้

How many do you want? คุณต้องการซื้อจํานวนเท่าไร

How many key rings do you want? คุณต้องการซื้อพวงกุญแจกี่อัน

How many tea pots do you want? คุณต้องการซื้อหม้อกาแฟกี่ลูก คุณต้องการผ้าเท่าไร

How much paper do you want? คุณต้องการกระดาษเท่าไร

หมายเหตุ :

How many......? ใช้กับนามนับได้

How much.......? ใช้กับนามที่นับไม่ได้

They are 65 baht a pack. ขายชุดละ 65 บาท

สํานวนประโยคที่ใช้ในการต่อรองราคา

ในกรณีที่ผู้ซื้อเห็นว่าราคาที่ผู้ขายบอกแพงเกินไป หรือเป็นราคาที่สูงเกินไป (too expensive) ผู้ซื้ออาจมีการต่อรองราคาได้ ดังนี้

It's too espensive. Can you lower the price? ราคาแพงไปหน่อยลดราคาลงอีกหน่อยได้ไหม

It"s too expensive. Can you make it cheaper? ราคาแพงไปหน่อยลดราคาลงอีกหน่อยได้ไหม

และผู้ขายอาจตอบได้ดังนี้

All right, You can have it for 500 baht. ตกลง คุณสามารถซื้อได้ในราคา 500 บาท

Sorry, That is the cheapest price I can give you. ขอโทษค่ะ ลดไม่ได้อีกแล้วราคานี้เป็นราคาที่ถูกที่สุดแล้ว