ใบความรู้ เรื่อง กลอนกานท์จากบ้านไทย
เนื้อเรื่องย่อ
กล่าวถึงครอบครัวของเด็กชายไผ่งามที่มีด้วยกัน 5 คน คือ พ่อ แม่ ย่า น้องหญิง และตัวของเขา บ้านของไผ่งามเป็นบ้านจัดสรรอยู่กลางเมือง พ่อของเขาให้เหตุผลว่าที่ต้องซื้อบ้านหลังนี้ก็เพื่อจะได้ไปทำงานและรับส่งไผ่งามกับน้องไปโรงเรียนได้สะดวก การได้อยู่บ้านเรือนไทยจึงเป็นเพียงความใฝ่ฝันของไผ่งามเท่านั้น
แต่อยู่มาวันหนึ่งเมื่อ อบต. เชิญพ่อกับแม่ของไผ่งามไปเป็นคณะกรรมการจัดงานวันครอบครัวสุขสันต์ และเชิญคุณย่าเข้าร่วมพิธีรดน้ำผู้ใหญ่ในวันสงกรานต์ โดยใช้สถานที่อุทยานบ้านไทยซึ่งอยู่ในชุมชนใกล้ ๆ บ้านของไผ่งามเป็นที่จัดงาน เมื่อไปถึงบริเวณที่จัดงาน พ่อแยกไปที่กลุ่มคณะกรรมการ แม่ไปดูแลซุ้มต่าง ๆ ที่ตั้งชื่อไว้อย่างคล้องจองตาม ทิศทั้งแปดที่ซุ้มนั้น ๆ ตั้งอยู่ ได้แก่ ซุ้มที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกก็ตั้งชื่อว่า “วิถีบูรพา” ซุ้มที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ก็ตั้งชื่อว่า “อุษาอาคเนย์” นอกนั้นมี “เหมันต์ทักษิณ” (ทิศใต้) “เฉิดฉินหรดี” (ทิศตะวันตกเฉียงใต้) “อัครนีประจิม” (ทิศตะวันตก) “คิมหันต์พายัพ” (ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ) “แวววับอุดร” (ทิศเหนือ) “ประภัสสรอีสาน” (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ)
ขณะที่ไผ่งามและน้องหญิงพากันเดินไปส่งคุณย่าที่ปะรำพิธีรดน้ำผู้ใหญ่พวกเขาก็เพลิดเพลินไปกับดอกไม้สวยงามหลากหลายสีสันที่ส่งกลิ่นหอมมาตามลม เช่น โมก แก้ว ปีบ พิกุล แต่ก็มีดอกไม้บางชนิดที่อยู่ด้านหลังที่ไม่ได้กลิ่นหอม ไผ่งามจึงเกิดความสงสัยและถามคุณย่า คุณย่าจึงอธิบายให้หลาน ๆ ฟังว่า “กลิ่นของดอกไม้นั้นเราได้กลิ่น ก็ต่อเมื่อตามลมเท่านั้น ไม่มีกลิ่นหอมของดอกอะไรที่หอมทวนลมหรอก” ไผ่งามจึงถามคุณย่าว่า “ไม่มีกลิ่นอะไรที่ หอมทวนลมได้บ้างเลยหรือ” คุณย่าจึงอธิบายให้ฟังว่า “คนที่ประกอบคุณงามความดีมีศีลธรรม มีความเป็น กัลยาณมิตร มีจิตเอื้อเฟื้อ ช่วยเหลือและแบ่งปัน คนผู้นั้นก็จะเป็นที่สรรเสริญของคนทั่วไป แม้เหล่าเทวดาก็จะแซ่ซ้องสรรเสริญ เพราะถือว่าคนผู้นั้นมีกลิ่นหอมแห่งศีล กลิ่นหอมแห่งธรรม ซึ่งมีความหอมเป็นอมตะ ไม่มีวันจางหาย จะหอมได้ทั้งทวนลม และตามลม” คุณย่ายังยกกาพย์ยานี 11 จำนวน 2 บท ขึ้นมาประกอบด้วย
ขณะนั้นมีเสียงประชาสัมพันธ์แจ้งกำหนดว่า พิธีรดน้ำผู้ใหญ่จะจัดในช่วงบ่าย ต่อจากนั้นก็จะมีการประกวดนางสงกรานต์ ขอให้ผู้เข้าประกวดไปรายงานตัวด้วย ไผ่งามสงสัยว่านางสงกรานต์เกี่ยวข้องกับวันปีใหม่ของไทยอย่างไร จึงถามคุณย่า คุณย่าจึงชวนหลานทั้งสองไปนั่งที่โคนต้นทองหลาง แล้วก็เล่าเรื่องนางสงกรานต์ให้ฟังว่า ท้าวกบิลพรหมมีธิดา 7 นาง และธิดาทั้ง 7 นางนี้จะผลัดเปลี่ยนกันเชิญเศียรของท้าวกบิลพรหมบิดาผู้ล่วงลับ ไปสรงน้ำ ประพรมเครื่องหอม ด้วยความรัก อาลัย และระลึกถึงในวันที่พระอาทิตย์โคจรเข้าสู่ปีใหม่ ดังนั้น นางสงกรานต์จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความงามดุจเทพธิดา ผู้มีจิตใจงามเปี่ยมด้วยความกตัญญูกตเวที ผู้คนที่ซาบซึ้งกับการกระทำของนางสงกรานต์จึงนำมาปฏิบัติตามจนเกิดเป็นประเพณีสงกรานต์สืบมา
พอดีพ่อมารับคุณย่าไปส่งที่ปะรำพิธี น้องหญิงขอตามไปด้วย ไผ่งามจึงขอนอนเล่นอยู่ตรงนี้ก่อน แล้วไผ่งามก็ม่อยหลับไปและฝันว่าได้พบกับเด็กชายผมจุกตัวอ้วนป้อมคนหนึ่งโผล่มาทักทาย และเรียกไผ่งามว่า “พี่พลายงาม” แล้วก็ชวนไผ่งามขึ้นไปบนบ้านเรือนไทยหลังใหญ่โตมโหฬาร อลังการงานสร้างจริง ๆ ซึ่งก็คือ เรือนของขุนช้าง ไผ่งาม ได้ฟังใครคนหนึ่งขับเสภาพอย่างไพเราะ เป็นบทชมความงามของบ้านเรือนไทยว่ามีความสวยงาม มีความร่มเย็น ใครได้อยู่ก็จะมีแต่ความสุขสงบ มีความเป็นเอกลักษณ์ของไทยก่อสร้างได้อย่างวิจิตรพิสดาร แล้วไผ่งามก็ได้ยินเสียงตุ๊กแกร้อง ไผ่งามมองหา และเห็นมันเกาะอยู่ที่หัวเสา แล้วทำท่าจะกระโดดลงมา ไผ่งามจึงตะโกนร้อง อย่า! อย่า! แล้วก็ต้องตื่นขึ้นทันที เมื่อมีผู้สาดน้ำเข้ามาเต็มหน้าโครมใหญ่ ไม่ใช่ใคร น้องหญิงน้องสาวของเขานั่นเอง ที่มาตามเขาไปเล่นสาดน้ำ