ใบความรู้ เรื่อง กทลีตานี
เนื้อเรื่องย่อ
บทเรียนนี้ กล่าวถึงเด็กหญิงคนหนึ่งที่มีชื่อเล่นว่า “กล้วยหอม” ชื่อจริงของเธอ คือ เด็กหญิง กลที วงศ์บ้านกล้วย เด็กหญิงคนนี้เข้าไปพัวพันกับเรื่องของต้นกล้วยตานีที่ชวนสยอง ดังนี้
คืนวันหนึ่ง ขณะที่ทุกคนในบ้านของ “กล้วยหอม” หรือ “หอม” กำลังหลับสนิท ก็มีรถกระบะคันหนึ่งแล่นผ่านมา แล้วมีสิ่งหนึ่งหล่นลงมาจากรถ พอรถวิ่งหายลับไป สิ่งนั้นก็ลุกขึ้นโบกสะบัดอะไรบางอย่างเหมือนไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี แต่พอดีมีลำแสงสีนวลส่องเป็นทางเข้าป่าลึก เจ้าสิ่งนั้นก็เคลื่อนตัวทันที รุ่งขึ้นเช้าตรู่ หอมกับพ่อและแม่ออกไปใส่บาตร แล้วกรวดน้ำ หอมจะเอาน้ำที่กรวดนั้นไปรดต้นมะขามที่ริมรั้ว ระหว่างทางเธอก็พบกับต้นกล้วยต้นหนึ่งที่มีริ้วรอยบอบช้ำ ใบขาดรุ่งริ่งพิงอยู่ที่รั้ว หอมจึงเอาน้ำนั้นรดที่โคนต้นกล้วยก่อนจะหันไปเรียกพ่อกับแม่ให้มาดู หอมจึงไม่ทันเห็นว่าต้นกล้วยนั้นดูดซับน้ำหายเข้าไปในลำต้น ก้านใบไหวสั่นระริกเหมือนคนที่กำลังกระหายน้ำแล้วได้ดื่มน้ำจนอิ่ม พอพ่อกับแม่มาเห็นต้นกล้วย พ่อก็บอกว่ามันคือ กล้วยตานี แล้วเย็นวันนั้นสองพ่อลูกก็ช่วยกันขุดหลุมปลูก กล้วยแล้วรดน้ำจนชุ่ม หอมบอกกับพ่อว่า เธอจะดูแลกล้วยตานีต้นนี้ให้เป็นต้นกล้วยที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลย
เวลาผ่านไปไม่ถึงเดือน กล้วยตานีต้นนี้ก็แข็งแรง เติบโตอย่างรวดเร็ว ลำต้นอวบใหญ่ ไม่มีริ้วรอยบอบช้ำหลงเหลือให้เห็น แต่กาบกล้วยแต่ละกาบมีเส้นสีแดงเข้มขนาดเท่าหัวแม่มือปรากฏตั้งแต่ปลายจนถึงโคน หอมรู้สึกสบายใจอย่างประหลาด เมื่ออยู่ใกล้ต้นกล้วย เธอจะร้องเพลงและพูดคุยให้เพื่อนกล้วยฟังแทบทุกวัน บางครั้งหอมรู้สึกว่ามีใบตองมาลูบหน้าหรือกลางหลัง บางครั้งก็หูแว่วได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงหัวเราะคิก ๆ หอมไม่กลัว แถมยังคิดว่า วันหนึ่งถ้าต้นกล้วยต้นนี้พูดได้หรือกลายเป็นเด็กผู้หญิงเธอก็จะรับเป็นเพื่อนรักต่างภพไปเสียเลย
เช้าวันอาทิตย์ ขณะที่หอมลงมาเก็บผักสวนครัวให้แม่ก็มีเพื่อนชายหญิงกลุ่มใหญ่มาตะโกนเรียกที่หน้าบ้าน เพื่อขอดูต้นกล้วยว่าจะเหมือนกับที่หอมเคยเล่าให้ฟังหรือไม่ เพื่อนบางคนเรียกหอมว่า “หัวหอม” บ้างก็เรียกว่า “บวบหอม” บางก็เรียกว่า “กล้วยหอม” หอมจึงวางตะกร้าไปหาเพื่อน ๆ พอเพื่อน ๆ กลับไปหมดแล้ว หอมก็มาหยิบตะกร้า เธอรู้สึกเหมือนถูกโอบกอดด้วยใบตอง แล้วก็มีเสียงกระซิบถามว่า “เธอชื่ออะไรกันนี่ ตานีอยากรู้” เสียงนั้นทำเอาหอมยืนตัวแข็งไปชั่วขณะ แต่พอตั้งสติได้ หอมก็ถามว่า “ตานีเป็นผีใช่ไหม” ตานีตอบว่า “ไม่ใช่ผี แต่เป็นกล้วยพูดได้เท่านั้นเอง” พอคุยกันจนรู้ชื่อของหอมแล้ว ตานีก็อุทานออกมาด้วยความดีใจ และสะบัดใบอย่างมีความสุข พร้อมบอกกับหอมว่า “คืนพรุ่งนี้พระจันทร์เต็มดวง ให้หอมทำกระทงจากใบตองตานีแล้วใส่น้ำ นำไปวางไว้กลางแจ้ง ตาก แสงเดือน เช้ามืดก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเอากระทงน้ำนั้นมาให้ตานี แล้วหอมจะรู้เรื่องทั้งหมด”
พอถึงเวลานัด หอมก็นำกระทงมาที่ต้นกล้วยตานี ตานีบอกให้หอมทำจิตใจให้เป็นสมาธิ เอาน้ำในกระทงล้างหน้า แล้วเอามาแตะที่ต้นตานีพร้อมหลับตาด้วย หอมทำตาม ทันทีที่หอมเอามือแตะต้นกล้วย แสงสว่างพุ่งเข้าเต็มหน้า ตัวหอมลอยละลิ่ว ทั้ง ๆ ที่จิตยังเป็นสมาธิ และรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา ตานีพาหอมมาที่บ้านของเธอ พอลืมตาหอมจึงได้เห็นว่า ตานีเป็นเด็กหญิงแต่งตัวแบบไทยโบราณ เสื้อสีเขียวอ่อน โจงกระเบนสีเขียวเข้ม เธอจูงมือหอมให้เดินตามไป หอมได้เห็นต้นกล้วยมากมายหลายพันธุ์ และกล้วยแต่ละชนิดทำตัวเป็นอาหารแบบเดียวกับที่หอมเคยกิน เช่น กล้วยไข่ ปอกเปลือกตัวเอง แล้วลงไปนอนในน้ำเชื่อม พอได้ทีก็ลุกขึ้นไปนอนเป็นระเบียบในถาด ฝ่ายกล้วยน้ำว้าก็ฝานตัวเองเป็นชิ้นกระโดดลงไปชุบตัวในหม้อแป้งก่อนจะหย่อนตัวเองลงในกระทะที่มีน้ำมันเดือดพล่าน กลายเป็นกล้วยแขกแสนอร่อย หอมสงสัยจึงถามตานีว่าทำไมพวกกล้วยต้องทำแบบนั้น ตานีก็อธิบายให้ฟังว่า “พวกกล้วยต้องเรียนรู้ว่ามนุษย์ จะใช้กล้วยเป็นอาหารแบบไหน เขาจะได้ทำตัวให้ถูก เมื่อฝึกตัวเองดีแล้ว เจ้าแม่กทลีตานีก็จะส่งไปเกิดบนโลก ผุดเป็นหน่อแล้วก็ออกลูก พอหมดหน้าที่ก็กลับมาในโลกกล้วยใหม่ วนเวียนอยู่อย่างนี้”
ณ แท่นใหญ่กลางป่ากล้วย เจ้าแม่กทลีนั่งเป็นสง่า เธอมีหน้าตาสวย ห่มสไบสีเขียวอ่อน นุ่งผ้าสีเขียวแก่ คล้องสร้อยทับทิมสีแดงสะพายเฉียงไหล่เหมือนเส้นสีแดงบนกาบกล้วยสีเขียวไม่มีผิด พื้นด้านหลังมีบริวารรายล้อม ตานีน้อยและหอมพากันคลานเข้าไปกราบ เจ้าแม่ทักทายว่า “เรารอเจ้ามานานแล้ว ต่อไปนี้พวกเราชาวกล้วยคงจะพ้นภัยเสียที” เจ้าแม่ว่า “เราได้ส่งตานีน้อยไปดูแลทุกข์สุขของกล้วยทั้งหมด แต่ถูกเจ้าหมอผีปานดำจับตัวไปได้ ถ้ามัน สะกดให้ตานีน้อยอยู่ใต้อำนาจมันได้เมื่อใด อาณาจักรกล้วยก็จะตกเป็นของมัน กล้วยจะไม่ได้เกิดตามธรรมชาติอีกต่อไป และมันก็จะกลายเป็นเศรษฐีครองโลก เพราะถ้าใครอยากจะปลูกกล้วยก็ต้องไปจ่ายเงินให้มัน” หอมสงสัยว่า แล้วเจ้าแม่จะเป็นอันตรายยังไง แล้วหอมจะช่วยอะไรได้บ้าง เจ้าแม่จึงบอกว่า เส้นสีแดงที่กาบกล้วย คือสายใยที่โยงเจ้าแม่กับตานีน้อยให้เป็นหนึ่งเดียว โชคดีที่ตานีน้อยรอดมาได้ สัญลักษณ์คือชื่อทุกชื่อต้อง หมายถึงกล้วย และที่สำคัญต้องมีชื่อ กทลี หอมจะเป็นผู้ช่วยให้พวกกล้วยพ้นภัยได้ หอมรับปากเจ้าแม่ทันที เจ้าแม่จึงส่งม้วนเชือกกล้วยให้หอม แล้วบอกว่า “ขณะนี้หมอปีปานดำรู้แล้วว่าตานีน้อยอยู่ที่ไหน หอมจงใช้เชือกกล้วยนี้กำจัดอาถรรพ์ที่จะเกิดกับตานีน้อย” และเจ้าแม่ยังบอกให้หอมกลับไปได้ และระวังตัวด้วย หอมหลับตาแล้วจับมือตานีน้อย ชั่วพริบตาเดียว หอมก็กลับมายืนในสวนยืนอยู่ข้างต้นกล้วยตานี
ต่อมาหอมสะดุ้งตื่นกลางดึก เพราะได้ยินเสียงรถคันหนึ่งแล่นมาจอดหน้าบ้าน หอมลุกขึ้นจะไปดูที่หน้าต่าง แต่ต้องหงายหลังลงนอนและหลับสนิทต่อ พอรุ่งเช้าปรากฏว่า ทุกคนในบ้านหอมตื่นสายกันหมด ไม่ทันได้ใส่บาตรเช่นทุกวัน หอมฉุกใจนึกถึงตานีน้อยขึ้นมาได้ เธอรีบคว้าเชือกกล้วยวิ่งไปที่สวนทันที ภาพที่หอมเห็นคือ ต้นกล้วยตานีของเธอใบกลายเป็นสีเหลือง หักห้อย หอมคิดว่าต้องเป็นฝีมือของหมดผีปานดำแน่ ๆ ที่มาทำร้ายตานีน้อย หอมเดินดูรอบ ๆ ต้นกล้วยก็ไม่มีอะไรผิดสังเกต นอกจากรอยกลบดินใหม่ ๆ หอมใช้ไม้ค่อย ๆ คุ้ยดินออกก็พบกับลูกศรสีดำขนาดเท่าไม้กลัดเสียบอยู่ที่โคนต้นกล้วย หอมจึงใช้เชือกกล้วยทำบ่วงมัดลูกศรให้แน่นแล้วดึงออก จากนั้นก็วิ่งไปที่ครัวโยนมันลงไปในเตาไฟจนมอด หมดแล้วหอมก็ไปเอาน้ำมนต์บนห้องพระมารดที่โคนกล้วยตานี แล้วเธอก็นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นนานเท่าไรไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีเมื่อมีใบกล้วยมาระกลางหลังแล้วมีเสียงตานีน้อยพูดว่า “กล้วยหอมจ๋า กล้วยตานีกลับมาแล้วจ้ะ ขอบคุณเพื่อนรัก มากนะที่ช่วยชีวิต หยุดร้องไห้ได้แล้ว” หอมเงยหน้าขึ้น เห็นต้นกลัวยกลับฟื้นมีชีวิตเหมือนเดิม เธอจึงโอบกอดต้นกล้วยไว้แน่น “จากนี้ไป พวกกล้วย ปลอดภัยแล้ว ผู้ที่ใช้มนต์ดำทำร้ายผู้อื่น หากมนต์ดำนั้นทำอันตรายใครไม่ได้ มันก็จะย้อนกลับไปทำร้ายเจ้าของมันเอง ต่อไปนี้จะไม่มีพ่อมดหมอผีมาทำลายล้างเราได้อีกแล้ว” โลกนี้จะมีที่อยู่ส าหรับคนที่คิดดีทำดีเท่านั้น