ใบความรู้ เรื่อง ละครย้อนคิด
เนื้อเรื่องย่อ
กล่าวถึงเด็กชายโอมที่มีภารกิจสำคัญในบ่ายวันเสาร์นี้ คือ ต้องไปเป็นเพื่อนคุณยายดูละครที่โรงละครแห่งชาติอย่างปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งทุกวันเสาร์โอมและเพื่อน ๆ จะมีกิจกรรมดี ๆ ทำกันอยู่เป็นประจำ เช่น สอนน้อง ๆ เล่นฟุตบอล รวมกลุ่มกันไปปฏิบัติธรรม ขี่จักรยานร่วมรณรงค์การใช้พลังงานอย่างประหยัด ดังนั้น เสาร์นี้โอมจึงต้องปฏิเสธเพื่อนที่โทรศัพท์มาหา
โอมได้บรรยายบรรยากาศที่โรงละครว่า เขากับคุณยายไปถึงก่อนเริ่มการแสดงราวครึ่งชั่วโมง ซึ่งเป็นมารยาทของการเข้าชมการแสดง จากนั้นก็เข้าแถวตามลำดับก่อนหลัง ตรงประตูทางเข้ามีนักศึกษาจากสถาบันดุริยางคศิลป์มาคอยต้อนรับด้วยกิริยามารยาทที่สุภาพ แจกสูจิบัตร แล้วพาไปนั่งตามเลขบัตร ผู้ที่เข้ามาชมการแสดงในวันนี้มีมากมาย มีทั้งที่มาเป็นหมู่คณะ มาเป็นกลุ่ม มาเป็นครอบครัว เรียกได้ว่ามีทุกรุ่น ทุกวัย เรียกว่า “รวมรุ่น” หรือ “คละรุ่น” ก็ได้ แต่ละคนแต่งกายสะอาด สุภาพ แสดงถึงความเป็นผู้มีวัฒนธรรมการแต่งกายในที่สาธารณะอีกด้วย
ภายในโรงละครมีแสงสว่างพอให้มองเห็น อากาศเย็นสบาย เพราะมีเครื่องปรับอากาศ เก้าอี้ที่นั่งดูก็จัดวาง เป็นแนวโค้งลดหลั่นจากด้านหลังสู่ด้านหน้า เวทีการแสดงจะเป็นจุดรวมความสนใจ บนเวทียังกั้นด้วยม่านกำมะหยี่สีแดง ตรงกลางปักเป็นภาพพระพิฆเนศ ทางซ้ายของเวทีมีโต๊ะหมู่บูชาประดิษฐานเศียรครูบาอาจารย์ซึ่งเป็นที่เคารพ เช่น เศียรฤๅษี เศียรพระ เศียรนาง และเศียรยักษ์ ทางขวาของเวทีเป็นที่นั่งของคณะวงปีพาทย์เครื่องใหญ่ ผู้พากย์ และผู้ขับร้องประกอบการแสดง บรรยากาศในโรงละครสงบเงียบ มีเสียงดนตรีไทยเดิมจากเครื่องเสียงเบา ๆ ปรับ อารมณ์ความรู้สึกของผู้เข้าชมให้อยู่ในความสงบ สำรวม และพร้อมที่จะเข้าสู่โลกแห่งความฝันที่เพลิดเพลินเป็นสุข โอมและคุณยายฆ่าเวลาที่รอชมการแสดงด้วยการอ่านสูจิบัตรการแสดง ซึ่งเป็นเอกสารความรู้ และ กำหนดการแสดงของโรงละครแห่งชาติ เช่น เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน พระรามตามกวาง เรื่องมโนราห์ ตอน มโนราห์ บูชายัญ เรื่อง อิเหนา ตอนอิเหนาเข้าเฝ้าเทวดา และเรื่องสามก๊ก ตอน ความรักของเล่าปี่ เป็นต้น โอมอ่านแล้วเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง แต่คุณยายของเขามีสีหน้าพอใจมาก อากาศเริ่มเย็นลง โอมจึงหยิบผ้าคลุมไหล่ออกมาจากกระเป๋าส่งให้คุณยาย คุณยายก็คลุมให้โอม และกระซิบถามเขาว่าจะเข้าห้องน้ำไหม หิวไหม โอมสั่นหน้าปฏิเสธ เพราะสำหรับเขาแล้วจะเตรียมพร้อมเสมอ เช่น รับประทานอาหารให้อิ่ม เข้าห้องน้ าให้เรียบร้อยก่อนที่จะเข้าชมการแสดง และเวลาที่ชมการแสดงเพลิน ๆ เขาก็ไม่ชอบให้ใครเดินผ่านไปผ่านมาด้วย ดังนั้นเขาจึงเตรียมตัวมาอย่างดี ก่อนที่จะออกจากบ้าน เพราะเขาคิดว่าการกระทำใดที่เขาไม่ชอบเขาก็จะไม่ทำ เพราะคนอื่นก็คงไม่ชอบเหมือนเขาด้วยเช่นกัน
ก่อนการแสดงมีเสียงประกาศทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษเตือนผู้ชมว่า ห้ามถ่ายภาพ ห้ามนำอาหารเข้ามารับประทาน ให้ปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด พอสิ้นเสียงประกาศแสงสว่างก็ค่อย ๆ ลดลงเสียงปีพาทย์บรรเลงเพลง สรรเสริญพระบารมี ทุกคนลุกขึ้นยืนตรงอย่างสงบ และถวายความเคารพก่อนนั่งลง การแสดงเริ่มขึ้นเมื่อม่านเปิด บรรดาผู้ชมพร้อมกันปรบมือต้อนรับและให้กำลังใจผู้แสดง โอมตื่นตาตื่นใจกับการร ามโนราห์ และกวางทองที่เลียนแบบกิริยาของสัตว์ได้เหมือนมาก เขาประทับใจกับความอลังการของฉาก แสง สี และเสียง เพราะมันทำให้ภาพฝันแห่งจินตนาการนั้นสมจริง และสัมผัสได้ราวกับต้องมนตร์สะกดตั้งแต่ต้นจนจบเลยทีเดียว
โอมเห็นผู้ชมทุกคนมีใบหน้าที่อิ่มเอมใจเมื่อเดินออกจากโรงละครเมื่อการแสดงสิ้นสุดลง โอมบอกกับคุณยายขณะเดินออกจากโรงละครว่า เขาจะฝึกตีกลองมโนราห์เพราะเขาชอบเสียงที่ดัง และหนักแน่น และถ้าตีกลองมโนราห์ได้ กลองชนิดอื่น ๆ ก็คงตีได้ไม่ยาก จากนั้นโอมก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรนัดหมายกับเพื่อน ๆ ในกลุ่มเพื่อรวมตัวกันสืบสานทำนองกลองไทย โอมฝันไปถึงว่าวันข้างหน้าอาจจะมีคอนเสิร์ตทำนองกลองไทยบนเวที คุณยายเองก็คิดว่าในอนาคตหลานชายคนนี้อาจเป็น “นักกลองมือทอง” ก็ได้