วิธีการฝึกสมาธิขั้นต้น-ขั้นสูง
สมาธิคือ สภาพที่ใจตั้งมั่น หรือจิตจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนใจมั่นคงไม่วอกแวก
องค์ประกอบของสมาธิ
๑. วิตก คือ สภาพที่จิตเอาอารมณ์ยกคำบริกรรมภาวนา หรือบริกรรมนิมิตขึ้น เพื่อท่องบ่นภายในใจ
๒. วิจาร คือ สภาพที่จิตพิจารณาตรวจตาม ใจที่ยกคำบริกรรมขึ้นท่องบ่นนั้น
๓. ปิติ คือ สภาพที่กายอิ่ม หรือมีอาการปลื้มที่เกิดจากความสงบที่เนื่องจากการทำสมาธิ มีอยู่ ๕ ประการคือ ๓.๑ ขุททกาปีติ คือ กายและจิตอิ่มทำให้ขนพองชูชัน น้ำตาไหล ๓.๒ ขณิกาปีติ คือ กายและ จิตอิ่มมีแสงสว่างดังฟ้าแลบปรากฏในจักษุ ๓.๓ โอกกันติกาปีติ คือ กายและจิตอิ่มปรากฏ ดังคลื่นและละลอกให้ไหวให้สั่นไป ๓.๔ อุพเพงคาปีติ คือ กายและจิตอิ่มให้กายเบาเลื่อนลอยไปได้ ๓.๕ ผรณาปีติ คือ กายและจิตอิ่มให้เย็นสบายแผ่ซาบซ่านไปทั่วกาย
๔. สุข คือ สภาพที่ใจอิ่มสบายไม่หดหู่ ไม่เซื่องซึม
๕. เอกัคคตา คือ สภาพที่ใจเป็นหนึ่งเดียวจดจ่อในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างแน่วแน่
การบริกรรม คือ การทำให้มีให้เกิดขึ้นภายในใจเรา หรือ ท่องบ่นให้ติดในใจนั่นเอง มี ๒ ประการคือ
บริกรรมภาวนา คือ การท่องบานคำที่เป็นภาษาอักขระ เช่นคำที่เป็นพุทธคุณ ตัวอย่างคือ พุทโธ นะมะพะธะ สัมมาอะระหัง
บริกรรมนิมิต คือ การจดจำภาพที่แสดงหมายในสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นคุณ เช่น ถ้าบริกรรมนิมิตเป็นพุทธานุสสติ ก็เชิญพระพุทธรูปมาไว้ในใจ นึกภาพให้เห็นติดตาติดใจอยู่เสมอๆ
อาการของจิตที่กำลังจะเข้าสู่สมาธิ
จิตที่จะเข้าสู่สมาธิ จะมีอาการที่ดำดิ่ง หรือเพ่งอยู่ในสิ่งที่เราบริกรรม อย่างไม่ลดละ เฝ้ามองดูในสิ่งๆนั้นสม่ำเสมอ จนใจจะระลึกคำบริกรรมภาวนาและนิมิตนั้นจนขึ้นใจ โดยอาการที่ขึ้นใจก็คือใจจะท่องคำบริกรรมขึ้นมาเองอัตโนมัติได้โดยมิได้ใช้กำลังบังคับเหมือนต้องหมั่นท่องในสมับแรกเริ่ม เมื่อจิตจะรวมก็จะเกิดอาการครั่นคร้ามในตัว ซึ่งอาการนั้นก็คือปิติ ทั้ง 5 นั่นเอง บางคนแรกๆเสมือนมีมดไต่ตามตัว นั้นก็คือ อาการที่จิตต่างๆกำลังจะรวมเป็นหนึ่ง ซึ่งผู้ปฏิบัติต้องไม่ควรกังวลในอาการต่างๆ(เมื่อตรวจให้เรียบร้อยแน่แก่ใจว่าได้นั่งภาวนาในที่ที่ปราศจากสิ่งรบกวนแล้ว)