การขึ้นกรรมฐานสิ่งของที่ต้องเตรียม
ดอกไม้สีขาวใส่ในกรวยใบตอง จำนวน 5 คู่
เทียนขี้ผึ้งแท้ น้ำหนักบาท จำนวน 5 เล่ม
ข้าวตอก (ข้าวเปลือกข้าวเจ้าคั่วเป็นข้าวตอกแตก) จำนวน 5 ถ้วย
คำสมาทานพระกรรมฐาน
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปริจจะชามิ ข้าแต่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพเจ้าขอมอบกาย อัตภาพโดยรอบนี้แด่พระผู้มีพระภาค เพื่อเรียนพระกรรมฐาน
อิมาหัง อันเต อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปริจจชามิ ข้าแต่พระอาจารย์ ข้าพเจ้าขอมอบกาย อัตภาพโดยรอบนี้แด่ พระอาจารย์ เพื่อเรียนพระกรรมฐาน ขอพระกรรมฐานทั้ง ๔๐ ทัศจงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้า ให้ข้าพเจ้าได้บรรลุถึงซึ่งพระกรรมฐานอันละเอียดสุขุม มี ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปณาสมาธิ และวิปัสสนาญาณ และญาณอันใดอันจะพึงเกิดมีแก่ข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าสำเร็จโดยพลัน กระทำได้โดยแก่จนถึงพระนิพพานในปัจจุบันชาติและอนาคตกาลอันใกล้นี้ด้วยเทอญ (เมื่อกล่าวจบแล้วให้กล่าวอธิษฐานบารมีต่อเลยเพื่อจะรับนำเอาบารมีเก่าและคุณวิเศษตาม ลำดับไป )
คำอธิษฐานบารมี
ขอพลังแห่งพระพุทธานุภาพ ขอพลังแห่งพระธรรมานุภาพ ขอพลังแห่งพระสังฆานุภาพ
ขอพลังแห่งบุญคุณบิดามารดาทุกภพ ทุกชาติ ขอพลังแห่งบุญคุณครูบาอาจารย์ ทุกภพทุกชาติ
ขอพลังแห่งบุญคุณของพระอาจารย์(ครูอาจารย์ ที่เราไปขึ้นกรรมฐาน) {ฤาษีลิงเขียวภาค 2 -(ผู้ที่มาขึ้นกรรมฐานที่วัดจันดาทอน) }
ขอพลังแห่งบุญคุณบูรพาจารย์ทุกรูป ทุกองค์ ทุกนาม มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เป็นต้น
ขอพลังแห่งบารมีของข้าพเจ้าทั้งหมด ทุกภพ ทุกชาติ จงมารวมเป็นภาวเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าถึงซึ่ง
สมาธิอันละเอียดอันสุขุม มี วิชชา ๓ วิชชา ๘ อภิญญา ๖ ปฏิสัมภิทาญาณ ๔ วิปัสสนาญาณ ๙ ญาณใดๆอันจะพึงเกิดมีแก่ข้าพเจ้า ก็ขอให้สำเร็จโดยพลัน กระทำได้โดยแจ้ง ขอให้พยากรณ์ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ได้ถูกต้องแม่นยำ ตลอดจนถึงอมตธรรมคือ มรรค ผล นิพพานในปัจจุบันชาติ และอนาคตกาลฃอันใกล้นี้ด้วยเทอญ
(**กราบลง 3 หน แล้วนั่งทำความสงบสักครู่ จะสัมผัสได้ถึงพลังงานแห่งบารมีเก่าที่เย็นชุ่มจิตใจ เกิดกำลังที่ใจเรา ให้น้อมประคองใจให้เป็นกลางจนใจได้รับบารมีเก่าอย่างเต็มที่**)
กรรมฐาน 40
กสิณ ๑๐
(ปฐวีกสิณ อาโปกสิณ เตโชกสิณ วาโยกสิณ นีลกสิณ ปีตกสิณ โลหิตกสิณ
โอทากสิณ อาโลกกสิณ อากาสกสิณ)
ปฐวีกสิณ คือ การยกดินพิจารณาเป็นอารมณ์ใจ ใช้คำบริกรรมภาวนาว่า “ปฐิวีกสิณัง” ใช้ภาพดินเป็นวงกลมหรือดินปฐพีสีแดงอิฐเป็นบริกรรมนิมิต
อาโปกสิณ คือ การยกน้ำขึ้นพิจารณาเป็นอารมณ์ใจ ใช้คำบริกรรมภาวนาว่า “อาโปกสิณัง” ใช้ภาพน้ำในขันหรือพื้นท้องน้ำเป็นบริกรรมนิมิต
เตโชกสิณ คือ การยกไฟขึ้นพิจารณาเป็นอารมณ์ใจ ใช้คำบริกรรมภาวนาว่า “เตโชกสิณัง” ใช้ภาพไฟที่ลุกโชนเป็นบริกรรมนิมิต
วาโยกสิณ คือ การยกลมขึ้นพิจารณาเป็นอารมณ์ใจ ใช้คำบริกรรมภาวนาว่า “วาโยกสิณัง” ใช้ภาพอาการลมพัดยอดไม้ไหว หรืออาการแรงลมปะทะในสิ่งต่างๆ อย่างอ่อนไหว เป็นบริกรรมนิมิต
นีลกสิณ คือ การยกสีเขียวขึ้นเป็นอารมณ์ใจ ใช้คำบริกรรมภาวนาว่า “นีลกสิณัง” ใช้ภาพพื้นสีเขียวเป็นวงหรือภาพแสงสีเขียว/พื้นเขียวเป็นบริกรรมนิมิต
ปีตกสิณ คือ การยกสีเหลืองขึ้นพิจารณาเป็นอารมณ์ใจ ใช้คำบริกรรมภาวนาว่า “ปีตกสิณัง” ใช้ภาพสีเหลืองเป็นวงหรือภาพพื้นสีเหลืองเป็นบริกรรมนิมิต
โลหิตกสิณ คือ การยกสีแดงเลือดขึ้นพิจารณาเป็นอารมณ์ใจ ใช้คำบริกรรมภาวนาว่า“โลหิตกสิณัง” ใช้ภาพพื้นสีแดงเลือด เป็นวงกลม เป็นบริกรรมนิมิต
โอทากสิณ คือ การยกสีขาวขึ้นพิจารณาเป็นอารมณ์ใจ ใช้คำบริกรรมว่า “โอทากสิณัง” ใช้ภาพพื้นสีขาวเป็นบริกรรมนิมิต
อาโลกกสิณัง คือ การยกแสงสว่างขึ้นพิจารณาเป็นอารมณ์ใจ ใช้คำบริกรรมว่า“อาโลกกสิณัง” ใช้ภาพแสงสว่างเป็นบริกรรมนิมิต
อากาสกสิณัง คือ การยกอากาศ หรือช่องว่างขึ้นพิจารณาเป็นอารมณ์ใจ ใช้คำบริกรรมว่า “อากาสกสิณัง” ใช้ภาพอากาศ ช่องว่างเป็นบริกรรมนิมิต
อสุภ ๑๐
(อุทธุมาตกอสุภ วินีลกอสุภ วิปุพพกอสุภ วิฉิททกอสุภ วิกขายิตกอสุภ วิกขิตตกอสุภ หตวกขิิตกอสุภ โลหิตกอสุภ
ปุฬุวกอสุภ อัฏฐิกอสุภ)
อนุสสติ ๑๐
(พุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ สีลานุสสติ จาคานุสสติ เทวตานุสสติ
มรณานุสสติ กายตานุสสติ มรณานุสสติ กายคตานุสสติ อานาปานสติ อุปสมานุสสติ)
อัปมัมัญญาพรหมวิหาร ๔
(เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา)
อรูป๔
(อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ)
อาหารเรปฏิกูลสัญญา ๑
จตุธาตุววัตถาน ๑