วันที่โพสต์: 17 เม.ย. 2013, 11:29:08
วันนี้วันที่ 17 เมษายน พ.ศ.2556 เวลา 13.30 น. พระอาจารย์ได้รับนิมนต์ไปแสดงพระธรรมเทศนาในงานฌาปนกิจศพ ของโยมคุณพ่ออุ้ย งามเจริญ ณ เมรุวัีดบ้านหนองคู ตำบลเป๊าะ อำเภอบึงบูรพ์ จ.ศรีสะเกษ
เนื้อความของธรรมะดังนี้
ยังกิญจิ สุมทยธมฺมํ สพฺพนฺตํ นิโรธธฒฺมํ ติ : สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา ได้วิสัชนาพระพุทธสุภาษิตเป็นดังนี้ สิ่งใดเกิด สิ่งใดดับ สิ่งหนึ่งสิ่งใดนี้ ในความหมายนั้นหมายถึงสังขาร โดยสังขารมีความหมายอยู่ 2 นัยประการในที่นี้ก็คือ สังขารที่เป็นสภาพปรุงแต่ง สภาพที่ถูกปรุงแต่งมาแล้ว เป็นรูปขันธ์ ที่ประกอบไปด้วย ดิน น้ำ ไฟ ลม และสังขารคือความคิดปรุงแต่ง เมื่อได้มีปัจจัยหลายๆอย่างมาปรุงแต่งให้เกิดเป็นรูปธรรม ตั้งแต่ เราเกิด จนโต ขึ้น จนกระทั่งตายลงไป ในรูปแลนามนั้น มีอะไรที่ประกอบเป็นตัวตนของเราตามสมมติบัญญัติ ตัวตนเราเขานั้นที่แท้ไม่ใช่ตัวตนเลย เราจะกล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร จะกล่าวได้ว่า ขันธ์ 5 นั้น เป็นรูป นาม แล้วจะเป็นตัวตน เราได้อย่างไร รูป ก็เกิดจาก ดิน น้ำ ไฟ ลม เมื่อมีชีพ คือ สังขารที่มีวิญญาณครอง ก็เกิดจากรูปและนาม มีวิญญาณเข้าปฏิสนธิจิต เกิดเป็นสิ่งมีชีวิตขึ้น มี รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ เมื่อธาตุทั้ง 4 ประชุมรวมกันซึ่งมาบวกกับ อากาศธาตุ และวิญญาณธาตุ ก็เกิดเป็นธาตุทั้ง 6 ในใจเมื่อจิตเข้าปฏิสินธิ ก็เกิดเป็นสังขารที่มีวิญญาณครอง เราอาจจะไม่เห็น วิญญาณขันธ์ของท่านผู้ล่วงลับไป แต่ท่านก็ยังคงรับรู้ในกุศลเจตนาที่ท่านผู้มีศรัทธานิมนต์อาตมภาพมาเจริญพระธรรมเทศนาฉลองศัทธาเป็นธรรมทานให้แก่ท่านผู้มีเกียรติ และยังได้เอาร่างกายของท่านให้ได้มาเป็นครูสอนธรรมะ พระกรรมฐานให้พวกเราได้รู้จัก สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดเป็นธรรมดาสิ่งนั้นล้วนดับไปเป็นธรรมดา อันธรรมดานี้แลเป็นการให้เราพิจารณาถึงกฏพระไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ความไม่เที่ยงแท้ ทุกขัง คือความเป็นทุกข์ ทนอยู่ในสภาวะเดิมไม่ได้ เมื่อทนในสภาวะเดิมไม่ได้ แปรปรวนไปแล้ว ก็ย่อมมิใช่ตัวตนเราเขา นั้นคือ สัจจธรรม ความเป็นจริง เมื่อเราไม่ยึดมั่นในสิ่งที่เกิด ดับแล้ว เราย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงไปได้