บารมีพระเจ้าจักรพรรดิ์ มี แก้ว 7 ประการ เป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึงการบำเพ็ญบารมีญาณของจักรพรรดิ์
จักรแก้ว
ช้างแก้ว
ม้าแก้ว
ขุนพลแก้ว
ขุนคลังแก้ว
นางแก้ว
ลูกแก้ว
โดยแก้วทั้ง 7 ประการนี้จะบังเกิดเมื่อผู้บำเพ็ญปรารถนาเพื่อความเป็นจักรพรรดิ์ในไตรโลกจักรวาลถึงที่สุดแล้ว ในการที่มีผู้เข้าครอบครองเป็นเหนือกว่าเทพทั้งปวงโดยความดี ความดีนั้นการประพฤติปฏิบัติในธรรมะของพระพุทธเจ้า เข้าถึงความเป็นอมตธรรมโดยสมบูรณ์ แล้วสร้างประโยชน์อันจะพึงมีแก่เหล่าชนทั้งหลาย
ไม่เป็นผู้รู้ ไม่เป็นผู้คิด ไม่มีอะไร
คิดว่ามี ก็มี คิดว่าไม่มี ก็ไม่มีอะไร
ทำกายให้มีสองจิต แล้วสะกิดใจที่หลงให้เดินถูกทาง
จงยกจิตออกจากการข้องติดในกามคุณ โดยระลึกถึงพระพุทธตุณ
พระพุทธองค์รับสั่งว่า"สังขารทั้งหลายเสื่อมสิ้นไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด" พิจารณาให้แก่เราท่านทั้งหลายไว้แก่สรรพสัตว์ต่อไปภายภาคหน้าว่า เมื่อปัจจัยที่จะปรุงแต่งเปลี่ยนแปลงเสื่อม-และสิ้นไป แล้วการเคลื่อนภพของสัตว์ทั้งหลายนั้นอาจหยุดลงตกเป็นทาสเดรัจฉานวิชาไสยเวท ไสยศาสตร์ได้ แล้วเราจะหาวิธีหนทางไปสู่ภพที่ดีกว่าเดิมได้ยากขึ้น อาจตกเป็นทาสของมารอีกนานเท่านาน
สิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งที่มิใช่ประโยชน์ ล้วนมีในโลก หากแต่สิ่งที่ไม่มีประโยชน์ล้วนปรากฏในจิตใจของผู้สิ้นอาสวะกิเลสไปแล้ว จึงไม่ยึดติดในธรรมทั้งหลายเหล่าอื่นในโลกนี้เลย
ธรรมเหล่าใดเป็นแดนเกิด เราจักไม่ประกอบในธรรมเหล่านั้น
เมื่อเราเห็นสภาวะทุกข์ที่เป็นโทษ ที่เกิดขึ้น เราก็เอาลักษณะที่เป็นโทษภัยนั้นเป็นอุบายดับความอยากในภาวะโลกๆออก เราก็ดับสังขาร(การปรุงแต่ง)ด้วย สังขารนั้นเอง
คนเราแก่เพราะโมหะ แก่เพราะโลภ แก่เพราะหลง เพราะติดยึดในสิ่งสิ่งที่ตนไม่ได้เป็นผู้ครอบครอง หากเรายึดถือมาเป็นอารมณ์อยู่อย่างเสมอแล้ว ย่อมนำไปสู่อบายและนิสสัย
กาลเวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน สังขารเปลี่ยน สิ่งใดเปลี่ยน สิ่งนั้นเป็นโลก สิ่งนั้นย่อมทุกข์ พระนิพพานเป็นสุข เป็นสิ่งคงทน พระนิพพานเป็นสิ่งพ้นภาวะโลก หากติดโลกย่อมทุกข์ หากพ้นย่อมสุขตามภาวะนั้น
สนทนาธรรมผ่าน Google+ ได้ที่ Alongkorn Muangchan