การศึกษาถึงจุดมุ่งหมายว่า พระพุทธเจ้าต้องการให้เรารู้อะไร ให้เรามุ่งไปที่ใด
1. ท่านต้องการให้เรารู้จักพาตนให้พ้นจากกองทุกข์ โลกเรานี้คือกองทุกข์ โดยให้เรารู้จักปล่อยละวาง อุปาทาน(ความยึดมั่นถือมั่น ในตัวตนของเรา)
2. ให้เรามุ่งไปพระนิพพาน นั่นคือ ความเห็นถูกต้องที่สุด
วิธีเริ่มแรก
1. หาครูบาอาจารย์ที่จะอบรมความเห็นของเรา
โดยครูอาจารย์ของเราอาจเป็นตำราก็ได้ แต่ทั้งนี้เราต้องรอบคอบและรอบรู้เป็นอย่างมาก ในการมีสติสัมปชัญญะเพื่อการเดินทางจะไม่ผิดทาง
สำนักการปฏิบัติที่สามารถฝึกการปฏิบัติเบื้องต้นได้ เช่น การกราบไหว้ การสวดมนต์ทำวัตรเช้าเย็น การนั่งสมาธิ จนถึงการเจริญทางปัญญา(วิปัสสนา)
2. บ่มความรุ้ความเห็นของเราให้ตรง โดยการเรียนรู้อย่างเข้าใจและรอบรู้รอบคอบ จะได้เป็นเข็มทิศให้เราได้ศึกษาได้อย่างใจเป็นกลาง เพื่อรับเอาสิ่งที่พาให้พ้นทุกข์ได้อย่างถูกทางและไม่เนิ่นช้า
3. หาสถานที่สัปปายะในการอบรมสมาธิให้จิตสงบ เพราะจิตสงบจะเป็นพื้นฐานให้เกิดปัญญาอย่างละเอียด ในที่สัปปายะนั้นควรจะมีกัณยาณมิตร ที่พร้อมจะชี้แนะทางเดินของการปฏิบัติให้ได้ถูกทาง และสามารถชี้นำในคุณธรรมที่สูงงขึ้นไปได้
ต้องเรียนรู้หัวใจพระพุทธศาสนา
1.สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง การไม่ทำบาปทั้งปวง คือ ไม่ทำบาปทั้งทางกาย วาจา จิตใจ ให้น้อมรับถือศีล 5 ไปปฏิบัติตามเป็นปกตินิสัย
2.กุสะลัส สูปะสัมปะทา การทำกุศลให้ถึงพร้อม คือ การทำความดีงามให้บังเกิดเพรียบพร้อม กายวาจา ใจ
3.สะจิตตะปริโย ทะปะนัง การทำจิตให้ผ่องใส หรือทำจิตให้ขาวรอบ หมายถึง ทำให้จิตบริสุทธิ์ เว้นว่างจากกิเลสตัณหาอุปาทานทั้งปวง
ควรปฏิบัติตนตามไตรสิกขา
1.ศีล มีศีล 5 ประการเป็นพื้นฐาน มีศีล 8 สำหรับผู้ใฝ่เข้าถึงสมาธิขั้นสูง และศีลของพระภิกษุ 227 ข้อ สำหรับผู้ต้องการเข้าถึงพรหมจรรย์
2.สมาธิ สมาธิคือ การตั้งใจมั้น จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีองค์ประการ 5 ประการถึงจะเรียกว่าสมาธิ คือ วิตก วิจาร ปิติ สุข เอกัคคตา
3.ปัญญา คือ ความรอบรู้ พระพุทธเจ้าทรงหมายถึง การรอบรู้ในกองสังขาร (สงัขารนี้คือร่างกายและจิตใจตน สังขารคือ ความคิดที่ปรุงแต่งจิต
เข้าใจให้ถ่องแท้ในหลักธรรม มหาสติปัฏฐาน 4 มี
1.กายานุสติปัฏฐาน
2.เวทนานุสติปัฏฐาน
3.จิตตานุสติปัฏฐาน
4.ธัมมานุสติปัฏฐาน