เป็นการนำเอาวิชชา อภิญญา และอิทธิฤทธิ์มาช่วยสงเคราะห์คนที่ถูกกระทำจากคุณไสยฯวิชาอาคม เดรัจฉานวิชาต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันนี้มีผู้หลงผิดเป็นจำนวนมากมายที่ไปเรียนวิชาคุณไสยฯและไปนำเอาวิชาคุณไสยฯมากระทำต่อกัน เข้าใจว่าเป็นสิ่งที่สามารถจะทำให้สำเร็จผลตามที่ตนต้องการได้ โดยปราศจากความเมตตากรุณาต่อเพื่อมนุษย์ด้วยกัน ปล่อยให้กิเลสมารครอบงำจิตใจตัวเอง
การนำอิทธิฤทธิ์มาใช้ในการปราบมารนี้ นำเอาญาณต่างๆที่เกิดจากการปฏิบัติและสำเร็จในกรรมฐาน 40 ในหลายๆกองด้วยกัน เช่น กสิณ 10 ซึ่งเป็นกรรมฐานที่ว่าด้วยรูปกสิณ (รูปธรรม) อันในโลกจักรวาลนี้ประกอบด้วย รูปแลนาม เมื่อเรามีจิตที่ผูกด้วยรูปกสิณจนเกิดเป็นอารมณ์หนึ่งเดียวเป็นเอกัคตารมณ์(อารมณ์หนึ่งเดียว) ต่อ รูปกสิณ จึงเกิดกำลังพลังอันมหาศาล
การนำเอากสิณดิน น้ำ ลม ไฟ สีเขียว สีแดง สีเหลือง สีขาว แสงสว่าง อากาศ(ช่องว่าง-สภาพว่างอวกาศ-ที่ว่าง) มาทำจนเป็นวสี(เชี่ยวชาญ) จนเกิดปฏิภาคนิมิต สำเร็จซึ่งอภิญญาจิต เนรมิต(นึกเป็นรูปสิ่งที่จะเนรมิตต่างๆให้เกิดขึ้นในใจ จนเดินกำลังนิมิตรูปนั้นจนถึง ฌานที่ 4 ) สิ่งต่างๆออกมาเป็นรูปแล้วอธิษฐานด้วยจิต เกิดเป็นรูปจิต ที่เนรมิตขึ้นตามปรารถนา เช่น ความธนู มุนุษย์หุ่นฟาง เพราะว่าในโลก จักรวาลเรา ล้วนมีรูปนาม ด้วยกันทั้งสิ้น
บุญฤทธิ์
เป็นฤทธิ์ที่เกิดจากบุญกุศลบารมีที่ได้บำเพ็ญมาเป็นระยะเวลายาวนาน หรือช่วงใดช่วงหนึ่ง แต่มากไปด้วยความมุ่งมั่นและเสียสละตัวเอง อย่างใหญ่หลวง เมื่อนำมาบวกผนวกกับกรรมฐาน ทั้ง 40 ทัศ แล้ว จึงทำให้ให้เกิดฝ่ายเทพ ขึ้นต่อสู้กับฝ่ายมาร ***(รอติดตามได้ครับ)**
การทำน้ำพระพุทธมนต์ด้วยตนเอง
วิธีทำน้ำมนต์ด้วยตนเอง
--ให้ท่านหาดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่ จัดใส่พานหรือจานก็ได้
--ไหว้พระบูชาพระรัตนตรัย ขอขมาโทษที่อาจได้ล่วงเกินทั้งทางกาย วาจา จิตใจ จะได้ไม่เป็นโทษเป็นภัยในภายหลังและพุทธานุภาพจะได้ไม่ปิดกั้น
--กล่าวอาราธนาคุณพระรัตนตรัย คุณครูบาอาจารย์ คุณบิดามารดา ให้ท่านช่วยประสิทธิประสาทน้ำมนต์เพื่อการ...(ตามต้องการ)
--คำกล่าวเพื่อประสิทธิเม(พร้อมหยดเทียนลงในขันน้ำ-/ตั้งไว้จนเทียนหมดเล่ม) // ขอพลังแห่งพระพุทธานุภาพ ขอพลังแห่งพระธรรมานุภาพ ขอพลังแห่งพระสังฆานุภาพ ขอพลังแห่งบุญคุณบิดามารดาทุกชาติทุกภพ ขอพลังแห่งบุญคุณครูบาอาจารย์ทุกชาติทุกภพ ขอพลังแห่งสมเด็จพระบรมมหาจักรพรรดิ์ ในหมื่นแสนโลกธาตุ โปรดมารวมเป็นพลังตบะเดชะเป็นปัจจัยให้น้ำพุทธมนต์นี้เป็นน้ำมนต์อันศักดิ์สิทธิ์แก้ไขป้องกัน....(เช่นคุณไสยฯ คุณผี คุณคน คุณการกระทำทั้งหลายทั้งปวง) ... เสริมพลังจิต บุญบารมีราศรีให้ปลอดภัยจากภยันอันตรายทั้งหลายทั้งด้วยเทอญ
การสร้างกำแพงแก้ว
ให้ไหว้พระสวดมนต์ตามปกติ ขอขมากรรมพระรัตนตรัย จากนั้นจัดแต่งพานขัน 5 ซึ่งประกอบด้วย ดอกไม้ 5 คู่ เทียนเหลือง 5 คู่ วางใส่ลงไปในพานหรือจาน ให้บูชาพระ จากนั้นกล่าวคำพุทธมนต์ดังนี้
" พุทธังสัตตะ รัตนะมหาปราการัง สรณัง คัจฉามิ
ธัมมังสัตตะ รัตนะมหาปราการัง สรณัง คัจฉามิ
สังฆังสัตตะ รัตนะมหาปราการัง สรณัง คัจฉามิ "
พร้อมทั้งอธิษฐานนึกให้จิตวนรอบที่พักของเรา
การเนรมิตควายธนูและ หรือ การใช้ควายธนู
การเนรมิต หมายถึงการกำหนดนึกในใจให้ปรากฏสิ่งๆนั้นออกมาให้เสมือนจริง เมื่อเราจะเนรมิตควายธนูนั้น เราต้องนึกกสิณทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ให้ได้เป็น วสี(ชำนาญ) จากนั้นเมื่อนึกได้อย่างเป็นวสี มีอารมณ์ที่มั่นคงแน่วอแน่ในกรรมฐานนั้นๆ แล้ว นึกรูปควายให้เห็นปรากฏได้ในใจ แล้วเรียกรูป-นาม โดยบริกรรม อาการ 32 ให้มั่น แล้วจึงอธิษฐานให้ควายนั้นปรากฎขึ้น
การเลี้ยง- เมื่อควายธนู เราได้ปั้นขึ้นเป็นรูปร่างสมมติ แล้วกำกับด้วยการอธิษฐานจิตสำทับลงไปแล้วก็เป็นการสมมติขึ้นมาได้โดยอำนาจจิตที่มีอยู่นั้นปรากฎในโลกวิญญาณ สามารถมาก่อเกิดประโยชน์ให้แก่ผุ้เลี้ยงได้ในโลกมนุษย์
ในการเลี้ยงนั้นแต่ละสายครูบาอาจารย์ก็ได้มีข้อกำหนดที่แตกต่างกันไป ในส่วนของอภิญญา นั้นขึ้นรูป-นามจากกำลังอภิญญาและกรรมฐาน โดยมีครูครู พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พ่อแม่ คุณครูบาอาจารย์ จึงมีข้อกำนดส่วนใหญ่ไปในทางศีลทางธรรม มีการเลี้ยงด้วยหญ้า น้ำ โดยจัดให้ใส่ลงในถ้วยเล็กๆ อย่างๆกำมือ ก็ได้ จากนั้น อธิษฐานขอให้ครูบาอาจารย์โปรดช่วยบันดาลให้ควายธนูนั้นได้คุ้มครองป้องกันภัยจากสิ่งชั่วร้ายต่างๆ เช่น ผีร้าย วิญญาณร้าย คุณไสยฯ คุณคน คุณการกระทำต่างๆ แม้กระทั้งการเฝ้าดูแล้ เคหะสถานของเรา เมื่ออธิฐานแล้วนำน้ำมาเทใส่ลงในจานดอกไม้ ธูปเทียน (ขัน 5 ) นำน้ำที่เกิดจากการบูชานั้น ไปรดรอบบริเวณที่เราต้องการให้ควายธนูนั้นได้คุ้มครอง เป็นการแสดงซึ่งอณาบริเวณ ซึ่งตามปกติแล้วนั้นมักจะกระทำเพียงแค่วันพระก็พอ ****โปรดติดตามได้ในลำดับต่อไป มีเรื่องราวอีกมาก ซึ่งจะนำมาลงเพื่อเป็นวิทยาทาน****