1. สภาพปัญหาการบริหารจัดการสถานศึกษาและคุณภาพของสถานศึกษา
ตามที่ สสวท. ทำหน้าที่เป็นศูนย์ดำเนินงาน PISA แห่งชาติของประเทศไทย ดำเนินงานโปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล (Programme for International Student Assessment หรือ PISA) ซึ่งการประเมินดังกล่าวริเริ่มโดยองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development หรือ OECD) มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินคุณภาพของระบบการศึกษาในการเตรียมความพร้อมให้ประชาชนมีศักยภาพหรือความสามารถพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง สำหรับประเทศไทยได้เข้าร่วมการประเมิน PISA มาตั้งแต่รอบแรก (PISA 2000) ในปี พ.ศ. 2543 จนถึงรอบการประเมินปัจจุบัน สำหรับในรอบการประเมินถัดไป คือ PISA 2025 จะเน้นการประเมินความฉลาดรู้ด้านวิทยาศาสตร์เป็นหลัก และมีการประเมินเพิ่มเติมด้านการเรียนรู้ในโลกดิจิทัล (Learning in the Digital World) โดยจะมีการจัดสอบรอบทดลองใช้เครื่องมือ (Field Trial) ในปี ค.ศ. 2024 และสอบรอบ Main Survey ในปี ค.ศ. 2025 ซึ่งผู้เรียนควรมีการเตรียมความพร้อมและสร้างความคุ้นเคยกับรูปแบบการประเมินนักเรียนนานาชาติ ที่กล่าวมาข้างต้นนี้
จากสาเหตุข้างต้น โรงเรียนบ้านน้ำภูจึงมุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบด้วย Model การบริหารจัดการสถานศึกษา คือ Namphu Model โดย Namphu Model ซึ่งจะสามารถบริหารจัดการการเรียนการสอนที่ส่งเสริมสมรรถนะตามกรอบการประเมินนักเรียนนานาชาติ PISA กระบวนการในการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ มีความสุข และ การเพื่อให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะที่จำเป็นและมีความพร้อมตามกรอบการประเมินนักเรียนนานาชาติ PISA ในปี 2025 ต่อไป
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
การบริหารจัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพสถานศึกษาให้มีความพร้อมในการจัดการเรียนรู้ อย่างมีคุณภาพ Namphu Model ของโรงเรียนบ้านน้ำภู เพื่อการขับเคลื่อนจุดเน้นเร่งด่วน เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยในสถานศึกษา โดยใช้ขั้นตอนการดำเนินงานตามรูปแบบ Namphu Model ดังนี้
1. ขั้นสร้างทีมงาน
ร่วมประชุมวางแผนชี้แจงและนำเสนอเกี่ยวกับนโยบายและจุดเน้นของ สพฐ. สพท. และสถานศึกษา โดยมี Input เป็น ทรัพยากรทางการบริหาร 4 อย่างคือ บุคลากร งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ และการบริหารจัดการ โดยมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมสมรรถนะตามกรอบการประเมินนักเรียนนานาชาติ PISAร่วมกับครู สร้างกลุ่มในการทำงานด้านการส่งเสริมและการสนับสนุนการจัดการเรียนการสอน โดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา
2. ขั้นค้นพบปัญหา
คณะกรรมการในแต่ละฝ่ายเสนอปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมสมรรถนะตามกรอบการประเมินนักเรียนนานาชาติ PISA ในสถานศึกษา รวมถึงจัดกลุ่มปัญหา จัดลำดับความจำเป็นเร่งด่วนจากนั้นร่วมกันพิจารณาข้อปัญหาที่เร่งด่วนที่สุด
3. ขั้นวางแผนกระบวนการ
ผู้อำนวยการและครูร่วมกันวางแผนกระบวนการแก้ปัญหาเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมสมรรถนะตามกรอบการประเมินนักเรียนนานาชาติ PISA โดยเปิดโอกาสให้ครูทุกคนเสนอประสบการณ์ที่แก้ปัญหาได้สำเร็จ ค้นหาตัวอย่างหรือรูปแบบที่ประสบความสำเร็จจากนั้น ร่วมตัดสินใจเลือกรูปแบบ/วิธีการ/นวัตกรรมในการแก้ปัญหา ออกแบบกิจกรรมการแก้ปัญหา และพัฒนาแนวทางการส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมสมรรถนะตามกรอบการประเมินนักเรียนนานาชาติ PISA
4. ขั้นลงมือปฏิบัติ
นำวิธีการแก้ไขปัญหา รูปแบบที่ทำให้ประสบผลสำเร็จ หรือนวัตกรรมในการแก้ปัญหา และพัฒนาส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมสมรรถนะตามกรอบการประเมินนักเรียนนานาชาติ PISA และจัดทำเป็น KM ของสถานศึกษาไว้
5. ขั้นสะท้อนผล
การประเมินความสำเร็จของการดำเนินงานส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมสมรรถนะตามกรอบการประเมินนักเรียนนานาชาติ PISA ปรับปรุงแก้ไขจุดที่บกพร่องของกิจกรรมและนำผลที่ได้ไปพัฒนาต่อยอดในการดำเนินงานในปีการศึกษาต่อไป
3. ผลลัพธ์การพัฒนา
3.1 เชิงปริมาณ
3.1.1 ร้อยละ 90 ของนักเรียนได้รับการพัฒนาสมรรถนะตามแผนการพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนตามกรอบการประเมินนักเรียนนานาชาติ PISA
3.1.2 ร้อยละ 90 ของครูผู้สอนดำเนินงานตามแผนการพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนตามกรอบการประเมินนักเรียนนานาชาติ PISA ได้
3.2 เชิงคุณภาพ
3.2.1 สถานศึกษามีแผนการพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนตามกรอบการประเมินนักเรียนนานาชาติ PISA ตามบริบทของสถานศึกษา
3.2.2 นักเรียนได้รับการพัฒนาสมรรถนะตามแผนการพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนตามกรอบการประเมินนักเรียนนานาชาติ PISA ในระดับ ดี
3.3.3 ครูสามารถจัดการเรียนการสอนที่พัฒนาสมรรถนะผู้เรียนตามกรอบการประเมินนักเรียนนานาชาติ PISA ได้ในระดับ ดี
คำอธิบาย
คำอธิบาย
