ประเด็นท้าทายเรื่องที่ 1
เรื่อง การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาเพื่อส่งเสริมการอ่าน เพื่อเป็นวิถีในการค้นหาความรู้และต่อยอดความรู้ที่สูงขึ้น โดยใช้  Namphu Model  (รอบ 12 เดือน)

1. สภาพปัญหาการบริหารจัดการสถานศึกษาและคุณภาพของสถานศึกษา

โรงเรียนบ้านน้ำภู เป็นโรงเรียนประเภทขยายโอกาสทางการศึกษา ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ที่เป็นชุมชนขนาดกลาง ผลการประกันคุณภาพภายในปีการศึกษา 2566 สะท้อนว่า โรงเรียนต้องเร่งยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้สูงขึ้น ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่สถานศึกษากำหนด การพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะในศตวรรษที่ 21(3R8C) เน้นการอ่าน เขียน คิดคำนวณ การพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ การอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และแก้ปัญหาได้ ซึ่งการอ่านนั้น เป็นหัวใจสำคัญของการศึกษาเนื่องจากจะทำให้ผู้เรียนเกิดทักษะต่าง ๆ ตามมา ดังนั้นจึงต้องส่งเสริมและพัฒนาครูให้สามารถจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาสมรรถนะด้านการอ่านของผู้เรียน ผ่านกระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สอดคล้องกับนโยบาย ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 1 Smart Student ที่มุ่งพัฒนาคุณภาพผู้เรียน

       จากสภาพปัญหาข้างต้น โรงเรียนบ้านน้ำภู จึงมุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบด้วย Model การบริหารจัดการสถานศึกษา คือ Namphu Model โดย Namphu Model มุ่งให้ผู้เรียนมีความสามารถเบื้องต้นในการกำกับตนเอง มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น สามารถอธิบายในสิ่งที่ตนเองได้รู้มา และสามารถทำงานได้จนสำเร็จตามเป้าหมาย ซึ่งจะสามารถส่งเสริมทักษะทางด้านการอ่านของผู้เรียน รวมถึงมีสมรรถนะตามหลักสูตร

2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล

การบริหารจัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพสถานศึกษาให้มีความพร้อมในการจัดการเรียนรู้ อย่างมีคุณภาพ Namphu Model ของโรงเรียนบ้านน้ำภู เพื่อการขับเคลื่อนจุดเน้นเร่งด่วน เพื่อส่งเสริมการอ่านแก่ผู้เรียน โดยใช้ขั้นตอนการดำเนินงานตามรูปแบบ Namphu Model ซึ่งจะมีโครงสร้างหลักในการบริหารจากกระบวนการเชิงระบบ ดังนี้

1. ขั้นสร้างทีมงาน

             ร่วมประชุมวางแผนชี้แจงและนำเสนอเกี่ยวกับนโยบายและจุดเน้นของ สพฐ. สพท. และสถานศึกษา โดยมี Input เป็น ทรัพยากรทางการบริหาร 4 อย่างคือ บุคลากร งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ และการบริหารจัดการ โดยมีวัตถุประสงค์ในการแก้ปัญหาการอ่านของนักเรียน ร่วมกับครู สร้างกลุ่มของครูที่มีทักษะความรู้ในการพัฒนาทักษะทางด้านการอ่านที่จะร่วมพัฒนาทักษะทางด้านการอ่านของผู้เรียน

2. ค้นพบปัญหา

      ครูในแต่ละระดับชั้นเสนอปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการอ่านของนักเรียน รวมถึงจัดกลุ่มปัญหาจัดลำดับความจำเป็นเร่งด่วนจากนั้นร่วมกันพิจารณาข้อปัญหาที่เร่งด่วนที่สุด

3. วางแผนกระบวนการ

      ผู้อำนวยการและครูร่วมกันวางแผนกระบวนการแก้ปัญหาการอ่านแก่นักเรียน โดยเปิดโอกาสให้ครูทุกคนเสนอประสบการณ์ที่แก้ปัญหาได้สำเร็จ  ค้นหาตัวอย่างหรือรูปแบบที่ประสบความสำเร็จจากนั้น ร่วมตัดสินใจเลือกรูปแบบ/วิธีการ/นวัตกรรมในการแก้ปัญหา ออกแบบกิจกรรมการแก้ปัญหา

4. ลงมือปฏิบัติ

      นำวิธีการแก้ไขปัญหา รูปแบบที่ทำให้ประสบผลสำเร็จ หรือนวัตกรรมในการแก้ปัญหา ไปใช้ในการพัฒนาผู้เรียนในเรื่องการอ่าน

5. สะท้อนผล

               การประเมินพัฒนาการผู้เรียน โดยการสร้างและพัฒนาเครื่องมือประเมินพัฒนาการด้านการอ่านของนักเรียนในแต่ละช่วงชั้นปรับปรุงแก้ไขจุดที่บกพร่องของกิจกรรมและนำผลที่ได้ไปพัฒนาต่อยอดในการจัดกิจกรรมครั้งต่อไป

3. ผลลัพธ์การพัฒนา

3.1 เชิงปริมาณ

3.1.1 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนได้เข้าร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้นโดยใช้ Namphu Model

3.1.2 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนมีนิสัยรักการอ่าน ตามนโยบายและจุดเน้นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 1

3.1.3 ร้อยละ 90 ของครูจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านตาม Namphu Model

3.2 เชิงคุณภาพ

      3.2.1 ผู้เรียนความพึงพอใจในระดับ ดี ในกิจกรรมส่งเสริมการอ่านที่จัดขึ้นโดยใช้ Namphu Model

      3.2.2 ผู้เรียนมีพัฒนาการในด้านทักษะการอ่านอยู่ในระดับ ดีมาก

      3.3.3 ครูสามารถจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านตาม Namphu Model  ได้ใน  ระดับ ดีมาก