1. สภาพปัญหาการบริหารจัดการสถานศึกษาและคุณภาพของสถานศึกษา
ตามนโยบายของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 1 ที่ส่งเสริม สนับสนุนการจัดการศึกษาโดยน้อมนำศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน และพระบรมราโชบายด้านการศึกษาตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการสร้าง Soft Power นั้น โรงเรียนบ้านน้ำภูตระหนักดีว่าการศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาความรู้ความคิดคุณธรรมของเด็กและเยาวชนให้เป็นพลเมืองที่ดีมีคุณภาพ นอกจากนี้ การศึกษายังเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การประกอบอาชีพ การมีรายได้ เพิ่มประสิทธิภาพของการทำงาน และการพึ่งพาตนเองได้ในที่สุด อย่างไรก็ตามปัญหาความยากจนยังเป็นอุปสรรคที่ทำให้นักเรียนส่วนหนึ่งขาดโอกาสทางการศึกษา ต้องออกจากโรงเรียนกลางคันหรือไม่ได้ศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น และเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ เสริมสร้างทักษะ มองหาความถนัด ที่จะพัฒนาเป็นอาชีพต่อไปในอนาคต
จากสภาพปัญหาข้างต้นโรงเรียนบ้านน้ำภู จึงมุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบในการบริหารจัดการสถานศึกษาด้วย Model การบริหารจัดการสถานศึกษา คือ Namphu Model โดย Namphu Model ซึ่งจะสามารถบริหารจัดการการส่งเสริมให้นักเรียนได้มีอาชีพระหว่างเรียนเพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัวและได้ส่งเสริมให้นักเรียนได้มีความรู้ด้านวิชาชีพติดตัวไปเมื่อจบการศึกษา และสามารถนำไปประกอบอาชีพได้
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
การบริหารจัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพสถานศึกษาให้มีความพร้อมในการจัดการเรียนรู้ อย่างมีคุณภาพ Namphu Model ของโรงเรียนบ้านน้ำภู เพื่อการขับเคลื่อนจุดเน้นเร่งด่วน เพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมทักษะอาชีพของผู้เรียนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยใช้ขั้นตอนการดำเนินงานตามรูปแบบ Namphu Model ดังนี้
1. ขั้นสร้างทีมงาน
ร่วมประชุมวางแผนชี้แจงและนำเสนอเกี่ยวกับนโยบายและจุดเน้นของ สพฐ. สพท. และสถานศึกษา โดยมี Input เป็น ทรัพยากรทางการบริหาร 4 อย่างคือ บุคลากร งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ และการบริหารจัดการ โดยมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมทักษะอาชีพของผู้เรียนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง( การทำไม้กวาดจากขวดน้ำพลาสติก ) ร่วมกับครูสร้างกลุ่มในการทำงานด้านการส่งเสริม การใช้ชีวิตโดยน้อมนำศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
2. ขั้นค้นพบปัญหา
คณะกรรมการในแต่ละฝ่ายเสนอปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับความประพฤติของนักเรียนรวมถึงปัญหาที่เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมทักษะอาชีพของผู้เรียนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ( การทำไม้กวาดจากขวดน้ำพลาสติก ) จัดลำดับความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหา จากนั้นร่วมกันพิจารณาข้อปัญหาที่เร่งด่วนที่สุดก่อน
3. ขั้นวางแผนกระบวนการ
ผู้อำนวยการและครูร่วมกันวางแผนกระบวนการแก้ปัญหาเกี่ยวการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมทักษะอาชีพของผู้เรียนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ( การทำไม้กวาดจากขวดน้ำพลาสติก ) โดยเปิดโอกาสให้ครูทุกคนเสนอประสบการณ์ที่แก้ปัญหาได้สำเร็จ ค้นหาตัวอย่างหรือรูปแบบที่ประสบความสำเร็จจากนั้น ร่วมตัดสินใจเลือกรูปแบบ/วิธีการ/นวัตกรรมในการแก้ปัญหา ออกแบบกิจกรรมการแก้ปัญหา และพัฒนาแนวทางการส่งเสริมด้านอาชีพและการมีรายได้เสริมในระหว่างเรียน
4. ขั้นลงมือปฏิบัติ
นำวิธีการแก้ไขปัญหา รูปแบบที่ทำให้ประสบผลสำเร็จ หรือนวัตกรรมในการแก้ปัญหา และพัฒนาส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมทักษะอาชีพของผู้เรียนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ( การทำไม้กวาดจากขวดน้ำพลาสติก ) และจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมทักษะอาชีพและรายได้เสริมในระหว่างเรียนให้แก่นักเรียน
5. ขั้นสะท้อนผล
การประเมินความสำเร็จของการดำเนินงานส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมทักษะอาชีพของผู้เรียนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ( การทำไม้กวาดจากขวดน้ำพลาสติก ) ปรับปรุงแก้ไขจุดที่บกพร่องของกิจกรรมและนำผลที่ได้ไปพัฒนาต่อยอดในการดำเนินงานในปีการศึกษาต่อไป
3. ผลลัพธ์การพัฒนา
3.1 เชิงปริมาณ
3.1.1 ร้อยละ 90 ของผู้เรียนได้รับการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมทักษะอาชีพและการมีรายได้
3.1.2 ร้อยละ 90 ของครูผู้สอนดำเนินงานด้านการส่งเสริมทักษะอาชีพให้แก่ผู้เรียน
3.2 เชิงคุณภาพ
3.2.1 ผู้เรียนมีทักษะทางอาชีพ และการสร้างรายได้เสริม อยู่ในระดับดี
3.2.2 ครูมีแผนการจัดการเรียนรู้ที่ประยุกต์ด้านการส่งเสริมทักษะอาชีพให้แก่ผู้เรียน อยู่ในระดับดี
3.3.3 ผลการดำเนินงานด้านการส่งเสริมทักษะอาชีพของผู้เรียน อยู่ในระดับดี
