ตำบลรูสะมิแล หมู่ที่ 2 บ้านบางปลาหมอ ชาวบ้านมีความหลากหลายในการประกอบอาชีพ และหนึ่งในนั้นคือยึดอาชีพประมงพื้นบ้าน และในบรรดาประมงพื้นบ้านมีชาวประมงจำพวกหนึ่งที่จับปลากะตักเป็นหลัก โดยมีกระบวนการตั้งแต่ออกหาปลากะตักเองและให้สมาชิกในครอบครัวส่วนที่เหลือเป็นผู้ดำเนินกระบวนการต้มและเด็ดหัวตลอดจนนำไปขายให้ผู้มาติดต่อรับซื้อ ชาวบ้านที่ยึดอาชีพเสริมต้มปลากะตักนั้นส่วนใหญ่จะทำงานหลังจากเสร็จงานประจำ เพราะยังมีเวลาว่างหลังเลิกงาน เพราะกระบวนการเด็ดหัวปลากะตักไม่ได้ยุ่งยากและไม่ต้องออกแรงมาก ทำให้ยังเหลือเรี่ยวแรงให้ได้ทำงานเสริม แต่บางคนก็สามารถยึดเป็นอาชีพหลักได้เลย มีบ้างในบางช่วงเวลาที่ประมงหาปลากะตักได้น้อยชาวบ้านที่ทำอาชีพเด็ดปลากะตักจำเป็นที่ต้องรับจ้างเด็ดปลากะตักที่ไปรับจาก อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา และอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี หรือไปรับซื้อมาเพื่อมาเด็ดและขายต่อ ในกิโลกรัมละ 11 บาท จากนั้นก็นำมาต้มโดยตั้งน้ำให้เดือดก่อนที่จะใส่ปลาลงไปและต้องใส่เกลือลงไปด้วยเพื่อเพิ่มรสชาติ (ปลาสด 25-30 กก. ต่อ เกลือ 0.5-1 กก.) จากนั้นก็นำไปตากจนแห้งสนิท แล้วใส่ถุงพร้อมสำหรับขายและนำไปเด็ดหัวออก (ปลาสด 3 กก. จะได้ปลาแห้ง 1 กก.) และจำไปขายในราคากิโลกรัมละ 35 - 40 บาท ส่วนแม่ค้าบางคนที่ซื้อมาในสภาพที่ยังไม่เด็ดหัว ก็จะนำไปจ้างฉีกพร้อมกับเด็ดหัวในราคากิโลกรัมละ 3 บาท จากกระบวนการตรงนี้ทำให้สามารถมองเห็นช่องทางการสร้างรายได้ให้คนว่างงานได้ เพราะกว่าจะได้ ปลากะตักที่ฉีกพร้อมนำไปแปรรูปนั้น ต้องผ่านกระบวนการที่หลากหลายและอาศัยกลุ่มผู้คนที่ว่างงานหรือคนที่เห็นคุณค่าในงานนี้โดยไม่ได้มองที่ผลลัพธ์หรือค่าตอบแทนเป็นหลัก
ตลาดและความต้องการในผลิตภัณฑ์ปลากะตักนั้นกว้างมาก ผู้คนนิยมบริโภคในทุกภูมิภาคของประเทศไทย วิธีการเก็บรักษาก็ง่าย นำมาปรุงอาหารก็ง่าย สะดวกและรวดเร็ว ทั้งยังมีประโยชน์ทางหลักโภชนาการมากมาย เป็นแหล่งแคลเซี่ยมของคุณแม่ตั้งครรภ์และกลุ่มผู้คนที่ดูแลสุขภาพ ด้วยการนำไปแปรรูปใส่เป็นองค์ประกอบในอาหารเพื่อสุขภาพอย่างสลัดต่าง ๆ ตามห้าง ร้านอาหารแนวหน้าในสังคม ที่ผู้คนนิยมไปนั่งกินกันในสมัยนี้ และในส่วนของการนำปลากะตักไปใช้ในประเทศเพื่อนบ้าน อย่างมาเลย์เซีย บูรไนย์ อินโดนีเซีย คนประเทศเพื่อนบ้านนิยมรับประทานมาก โดยเฉพาะประเทศมาเลเซียมีอาหารเมนูหนึ่ง ที่เป็นเอกลักษณ์ของความเป็นมาเลย์เซีย ซึ่งจะต้องใช้ปลากะตักเป็นตัวชูหลักของอาหารเมนูนี้ นั่นก็คือ นาซิลือเมาะ หรือนาซิกันดาร ซึ่งมีความสำคัญกับความเป็นมาของชาวแรงงานในประเทศมาเลย์เซียในสมัยโบราณและเชื่อมโยงกับการดำเนินชีวิตของแรงงานใน ๓ จังหวัดชายแดนใต้
ปัจจุบัน เมนูนาซิลือเมาะ คือ เป็นข้าวเจ้าหุงกับกะทิ ยังเป็นที่รู้จักและยอมรับในหมู่คน 3 จังหวัดชายแดนใต้ มีร้านอาหารบางร้าน ที่มีเมนูนี้ขายตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย มาจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นภูมิปัญญาเด็ดหัวปลากะตักจะไม่หายไปอย่างแน่นอน ตราบใดที่ยังมีคนในพื้นที่ต้องบริโภค อีกทั้งยังเป็นวัตถุดิบหลักในเมนูอาหาร ที่ยังเป็นที่นิยมของคนในพื้นที่อีกด้วย ปัจจุบันผู้รับจ้างอาชีพเด็ดหัวปลากะตักได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เป็นระยะเวลา 15 ปีมาแล้วและจะยังดำเนินการต่อไปให้อยู่คู่กับชุมชนรูสะมิแล