ประวัติความเป็นมาและความสำคัญของข้าว 7 สี ทุกคนที่ได้ยินชื่อข้าวเจ็ดสีมักจะเข้าใจว่าเป็นข้าวสารที่เป็นสี มีสีทั้งหมด 7 สี ซึ่งความเป็นจริงไม่ใช่และไม่ได้เกี่ยวข้องกับสีข้าวเลย นายอัสมิง บูโยะ เล่าว่าข้าว 7 สี ไม่ได้เกี่ยวกับสีข้าวแต่อย่างใด ข้าว 7 สีของตำบลปะกาฮะรังมาจากวิกฤติที่เกิดจากภัยน้ำท่วม ที่ตำบลปะกาฮะรัง เป็นพื้นที่ที่เสียสละตนเอง เพื่อเป็นที่รองรับน้ำที่ไหลมาจากเขื่อนบางลางผ่าน 7 อำเภอดังนี้ อำเภอธารโต อำเภอบันนังสตา อำเภอกรงปีนัง อำเภอเมืองยะลา อำเภอยะรัง อำเภอแม่ลานและอำเภอหนองจิก ซึ่งในฤดูฝนทำให้ปริมานน้ำในเขื่อนบางลางมีปริมาณที่สูงเกินกว่าเขื่อนจะเก็บกักน้ำได้ เพื่อป้องกันการเสียหายของเขื่อน จึงมีความจำเป็นที่ต้องระบายน้ำออกจากเขื่อน โดยอำเภอทั้ง 7 อำเภอดังกล่าวจะเป็นทางผ่านของน้ำและอำเภอเมืองปัตตานี ตำบลปะกาฮะรังจะเป็นพื้นที่รองรับมวลน้ำทั้งหมด ดังนั้นทุกครั้งที่เขื่อนบางลางปล่อยน้ำ พื้นที่ตำบลปะกาฮะรังจะเกิดวิกฤติ เพราะพื้นที่ทั้งตำบลเป็นที่ราดลุ่ม เป็นทุ่งนาแต่ในวิกฤติที่เกิดขึ้นกับพื้นที่ในตำบลก็ยังมีโอกาส พอให้ชาวนาในตำบลได้บรรเทาความยากลำบากได้บ้าง เพราะจากการไหลลงมาของมวลน้ำที่ไหลจากเขื่อนบางลางผ่าน 7 อำเภอที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ไม่ใช่เป็นการไหลลงมาแค่มวลน้ำอย่างเดียว แต่น้ำจะพัดตะกอนดิน ธาตุเหล็ก และอินทรีย์ สารอาหารที่เป็นประโยชน์ให้พืชผลและนาข้าว มาทับถมไว้ที่ปลายน้ำ นั่นก็คือทุกพื้นที่ของตำบลปะกาฮะรัง จะมีสารอาหารและธาตุในดิน จึงทำให้พืชผลและข้าวในนาของชาวนามีความอุดมสมบูรณ์ ออกรวงดกเมล็ดข้าวอวบ ต้นข้าวแข็งแรง ให้ผลผลิตที่สูงขึ้นและยังลดภาระค่าใช้จ่ายในการซื้อปุ๋ยให้ชาวนาได้อีกด้วย
พื้นที่ตำบลปะกาฮะรัง ด้วยลักษณะของภูมิศาตร์เป็นที่ลุ่ม ทำให้เหมาะแก่การทำนา ในอดีตเมื่อครั้งสมัยปูย่า ตายาย คนที่ไม่มีงานทำก็จะยึดอาชีพทำนาเพื่อเลี้ยงชีพ เมื่อกาลเวลาผ่านไปทุกอย่างเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ชาวบ้านที่ยึดอาชีพทำนาเพื่อเลี้ยงชีพเริ่มพัฒนาตนเอง จากการทำนาเพื่อเลี้ยงชีพเป็นการทำนาเพื่อนำผลผลิตมาขายต่อให้คนในชุมชนและพ่อค้าคนกลาง การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้พื้นที่ในตำบลปะกาฮะรังเกิดการพัฒนา มีการยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวนา โดยเริ่มแรกมีการจัดตั้งกลุ่มเกษตรทำนาตำบลปะกาฮะรัง ที่มียุ้งฉางใหญ่ที่สุดในจังหวัดปัตตานี มีธนาคารข้าวทำหน้าที่แจกจ่ายพันธ์ข้าวให้กลุ่มเกษตรทำนาของตำบล มีศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรให้ความรู้และแนวทางในการปลูกข้าวให้มีประสิทธิภาพตรงตามความต้องการของตลาด มีศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานมีหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ให้กลุ่มเกษตรทำนาตำบลปะกาฮะรังเกี่ยวกับการพัฒนาดินเพื่อเตรียมการปลูกและการบำรุงดินในขณะที่ว่างจากการทำนาตลอดจนการจัดการกับวัชพืชที่ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของข้าวในทุ่งนา เมื่อชาวนาในชุมชนได้รับความรู้และความช่วยเหลือจากหน่วยงานตามที่กล่าวมา ทำให้ประสิทธิภาพของข้าวตลอดจนผลผลิตสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดข้าวได้อย่างยังยืน
ลักษณะจุดเด่นของข้าว 7 สี มีความหลากลายในสายพันธ์ นายอัสมิง บูโยะ ได้เล่าว่าข้าว 7 สีเดิมมี 7 สายพันธ์ด้วยกัน ซึ่งทั้ง 7 สายพันธ์จะประกอบไปด้วย ข้าวพันธ์มะมิง ข้าวพันธ์จำปากอ ข้าวพันธ์ซีบูกันตัง ข้าวพันธ์มะจานู ข้าวพันธ์ลูกสาว ข้าวพันธ์ไหมซูหรีและข้าวพันธ์กือเดาะ ในปัจจุบันบางสายได้กลายเป็นสายพันธ์ที่ไม่นิยมนำมาปลูกแล้วเช่นสายพันธ์ลูกสาว เนื่องจากจะมีลักษณะของลำต้นที่สูงยาว ซึ่งมันจะทำให้ต้นข้าวสายพันธ์นี้ล้มง่าย ชาวนาที่ปลูกข้าวจึงไม่นิยมนำมาปลูกอีกต่อไปเพราะจะดูแลยาก มีผลต่อการให้ผลผลิต และอีกหนึ่งสายพันธ์ที่ไม่มีพันธ์ให้ชาวนาได้ปลูกอีกต่อไปก็คือ ข้าวสายพันธ์ไหมซูหรี เพราะในช่วงระยะเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ชาวบ้านหาข้าวพันธ์ไหมซูหรีไม่ได้แล้ว ปัจจุบันข้าว 7 สีของตำบลปะกาฮะรัง มีสายพันธ์ที่นิยมนำมาปลูกเหลือ 5 สายพันธ์ คือ ข้าวพันธ์มะมิง ข้าวพันธ์จำปากอ ข้าวพันธ์ซีบูกันตัง ข้าวพันธ์มะจานูและข้าวพันธ์กือเดาะ ส่วนสายพันธ์ที่ได้รับความนิยมนำมาปลูกมากที่สุด คือข้าวพันธ์มะจานู เป็นสายพันธ์ที่คนในชุมชนให้การยอมรับว่าหุงง่าย ลักษณะของเมล็ดข้าวนุ่มกำลังดี รสชาติอร่อยเมล็ดข้าวมีขนาดเล็ก สั้น ทานแล้วจะเจริญอาหาร ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวพื้นเมืองจังหวัดปัตตานี
การปลูกข้าว 7 สีของตำบลปะกาฮะรัง มีการใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ในดิน เกิดจากการทับถมของสารอินทรีย์ที่ไหลมากับแม่น้ำในช่วงที่มีน้ำหลาก ซึ่งสารอินทรีย์จากแม่น้ำที่ไหลมาจากเลื่อนบางลางจะไหลลงสู่อำเภอเมืองปัตตานี ในพื้นที่ตำบลปะกาฮะรัง จากปรากฏการนี้ทำให้ข้าว 7 สีได้รับสารอินทรีย์และธาตุในดินจากการตกตะกอนของน้ำ ทำให้ข้าวเจริญเติบโต มีลักษณะของลำต้นและใบที่เขียวขจีมีความอุดมสมบูรณ์ ส่งผลให้มีผลผลิตเป็นที่น่าพอใจให้กับชาวนาในชุมชน การปลูกข้าวของชาวนาในตำบลปะกาฮะรัง มีความแตกต่างจากการปลูกข้าวในพื้นที่อื่นๆเนื่องจากการปลูกข้าวของคนในตำบลปะกาฮะรังจะรอคอยฤดูน้ำหลากที่ไหลมาจากเขื่อนบางลางและไหลลงสู่ทุ่งนาของชาวบ้านส่วนการทำนาในพื้นที่อื่นทั่วไปจะเริ่มทำนาเมื่อเข้าฤดูฝน นายอัสมิง บูโยะ ได้เล่าว่า ชาวนาในตำบลปะกาฮะรังมีความเชื่อว่า ปีไหนที่น้ำท่วมทุ่งนา ข้าวในนาจะอุดมสมบูรณ์ สวยงามและให้ผลผลิตมากกว่าปีที่ไม่มีน้ำท่วม เพราะชาวนาเชื่อว่า น้ำที่ไหลมาจากเขื่อนบางลางเป็นสายน้ำที่ส่งตะกอนดิน สารอาหาร สารอินทรีย์ที่จะเข้าไปสร้างวงจรการเจริญเติบโตของต้นข้าวในทุ่งนาให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ข้าว 7 สีของตำบลปะกาฮะรังเป็นภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษรุ่นปูย่าตายาย ทำกันมาโดยยึดเป็นอาชีพเพื่อเลี้ยงชีพ และได้มีการพัฒนาต่อยอด จากปลูกเพื่อเลี้ยงชีพมาเป็นการปลูกเพื่อธุรกิจการค้า และยังมีชาวนาบางรายมีการต่อยอดด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ข้าวด้วยการทำบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามและสร้างแบรนด์ให้เป็นสินค้าของชุมชน ครอบครัว ที่มีความเป็นเอกลักษณ์สร้างความแตกต่างจากข้าวทั่วๆไปในท้องตลาด แล้วส่งไปจำหน่ายให้พ่อค้าคนกลาง คนในชุมชนตลอดจนวางขายปลีกในโลกออนไลน์ และมีนายหน้าเข้ามาติดต่อเพื่อขอซื้อข้าวไปขายต่อในตลาดค้าขาวที่มีความต้องการข้าวในปริมาณข้าวที่มากขึ้น สร้างขวัญและกำลังใจให้ชาวบ้านที่ยึดอาชีพทำนามีความหวังที่จะผลิตข้าวที่ดี ข้าวที่มีคุณภาพเพื่อตลาดข้าวและคนในสังคมต่อไป