นายเจะอามีดิน เจะดือราแม ชีวิตที่ผูกพันกับอาชีพทางด้านการเกษตร เพราะพื้นฐานครอบครัวประกอบอาชีพการเกษตรมาอย่างยาวนาน จึงเหมือนสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิต รักในเรื่องงานเกษตรเปรียบดังงานการเกษตรกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของนายเจะอาบีดีน เจะดือราแม ไปแล้ว
ในอดีตการทำเกษตรนั้นจะเน้นการปลูกพืชเพียงชนิดเดียว แต่จะปลูกในจำนวนมากบนพื้นที่เดียวกัน ส่งผลให้เมื่อมีผลผลิตออกมา เกษตรกรไม่มีตลาดที่จะรองรับผลผลิต และอีกทั้งยังมีความเสี่ยงในเรื่องผลผลิตที่จะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศและปัญหาอุทกภัยหรือภัยแล้ง ที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผลผลิตทำให้เกิดความเบื่อหน่ายในการทำการเกษตร
ในเวลาต่อมา นายเจะอามีดิน เจะดือราแม จึงมีแนวคิดเปลี่ยนปรับการปลูกพืช ด้วยการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาล ที่ 9 ในเรื่องการปลูกพืชหมุนเวียน การปลูกพืชแบบผสมผสาน หาพืชที่สามารถทนต่อสภาพภัยอุทกภัยและภัยแล้ง ทนต่อสภาพพื้นที่และสามารถอยู่รอดได้จากปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงและลดต้นทุน
และต่อมาได้มีการปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อเพิ่มธาตุอาหารในดิน จึงส่งผลให้ผลผลิตของการเกษตรที่ได้มีคุณภาพดี ตรงตามความต้องการของตลาดทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ โดยผลผลิตที่ได้รับส่วนใหญ่จะมีผู้มาติดต่อรับซื้อถึงในพื้นที่ บางส่วนก็นำไปขายเอง สามารถสร้างรายได้ให้ครัวเรือน และในส่วนที่เหลือแจกจ่ายให้กับสมาชิกที่สนใจรายอื่นๆ และเก็บไว้ทำพันธุ์ในรุ่นต่อๆไป
ในสวนเกษตรผสมผสานของนายเจะอามีดิน เจะดือราแม ปัจจุบันมีพืชหลายชนิดที่สร้างผลผลิตให้นายเจะอามีดิน เจะดือราแม ได้เก็บเกี่ยวเพื่อนำไปขายและนำรายได้มาจุนเจือครอบครัว เช่นต้นไผ่พันธ์ลืมแล้ง ซึ่งจะออกหน่อและให้ผลผลิตอยู่ตลอดทั้งปี มันสำปะหลัง มะนาว พริก ม่อนเบอร์รี่ มะพร้าว กล้วยน้ำว้า กระถิ่น ขิง ข่า ขมิ้น ซึ่งพืชเกษตรผสมผสานเหล่านี้จัดเป็นพืชที่ดูแลง่าย ให้ผลผลิตง่ายและเป็นพืชที่ทุกครัวเรือนจำเป็นต้องใช้อุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน มีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อไปขายต่อในตลาด อีกทั้งยังมีคนในชุมชนมาขอซื้อเพื่อบริโภคเองในครัวเรือนตลอดทั้งปีอีกด้วย
นายเจะอามีดีน เจะดือราแม เล่าว่าสวนเกษตรผสมผสานของเขาได้ให้ผลผลิตหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมีความต่างกันมากกับการทำเกษตรแบบสมัยก่อนที่รอเพียงผลผลิตจากพืชเกษตรเพียงชนิดเดียว ที่ต้องรอคอยให้ถึงฤดูการเก็บเกี่ยวถึงจะได้นำผลผลิตไปขายในตลาดและนำรายได้มาจุนเจือครอบครัว ซึ่งลักษณะการทำเกษตรแบบเก่านั้น เกษตรกรขาดอิสรภาพทางอีกทั้งยังมีคนในชุมชนมาขอซื้อเพื่อบริโภคเองในครัวเรือนตลอดทั้งปีอีกด้วย รายได้ เพราะนานๆจะได้เก็บเกี่ยวผลผลิต ไม่เหมือนเกษตรแบบผสมผสานที่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตหมุนเวียนตลอดเวลาทำให้สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรได้ตลอดทั้งปี
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นายเจะอามีดีน เจะดือราแม เล่าว่า ตนได้เข้าร่วมรับการอบรมความรู้เกี่ยวกับเกษตรมาจากหลายหน่วยงาน ทำให้พอมีความรู้อยู่บ้าง ประจวบกับตนเองได้ลงพื้นที่ปฏิบัติจริงอยู่อย่างยาวนาน ทำให้มีผู้คนให้ความสนใจในเกษตรผสมผสานมากขึ้น บ้างติดต่อให้ไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์และถ่ายทอดความรู้เทคนิคการทำเกษตรแบบผสมผสานให้ประสบผลสำเสร็จ บ้างติดต่อขอมาศึกษาดูงานลงพื้นที่แปลงเกษตรผสมผสาน จนปัจจุบันมีคนในชุมชนและชุมชนใกล้เคียง หันมาปรับสวนเกษตรแบบดั่งเดิมที่มีอยู่ให้เป็นสวนเกษตรแบบผสมผสานตามที่ตนได้แนะนำไป
ทุกวันนี้พื้นที่ตำบลบาราเฮาะ ไม่มีพื้นที่ใดว่างหรือปล่อยให้หญ้าขึ้นรก แต่ทุกพื้นที่จะเต็มไปด้วย แปลงพืชผลทางการเกษตรที่ชาวบ้านเกือบทุกครัวเรือนได้หันมาทำเกษตรแบบผสมผสาน บ้างบ้านปลูกเพียงเล็กน้อยไว้บริโภคในครัวเรือน บ้างบ้านปลูกมากหน่อยเหลือกินเหลือใช้ ก็ส่งขายในท้องตลาด ที่สำคัญอย่างยิ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ตายไปจากพื้นที่ของตำบล บาราเฮาะ เป็นความภาคภูมิใจของบรรพบุรุษ ที่ครั้งหนึ่งได้เคยถ่ายทอดและมอบความรู้เรื่องเกษตรให้กับลูกหลานได้นำไปใช้เพื่อจุนเจือครอบครัวให้สามารถอยู่รอดได้มาจนทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าเวลาได้เปลี่ยนรูปแบบการทำการเกษตรแบบดั่งเดิมให้เป็นการทำเกษตรแบบสมัยใหม่แต่ก็ยังคงความเป็นเกษตรกรอยู่ กลายเป็นภูมิปัญญาที่อยู่คู่กับคนในชุมชนตลอดไป