จำนวน 1 คาบเรียน
1. ทรัพย์สินทางปัญญา (intellectual Property) คืออะไร
2. ทรัพย์สินทางปัญญามีกี่ประเภท อะไรบ้าง
3. ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม (industrial Property) คืออะไร
4. ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม (Industrial Property) มีกี่ประเภท อะไรบ้าง
5. สิทธิบัตร (Patent) คืออะไร
6. สิทธิบัตรแบ่งออกเป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง
7. ทำไมจึงควรขอรับสิทธิบัตร
8. อายุการให้ความคุ้มครองสิทธิบัตรมีอายุความเท่าใด
9. ลิขสิทธิ์ (Copyright) คืออะไร และได้รับการคุ้มครองอย่างไร
10. การยื่นขอจดทะเบียนสิทธิบัตรต้องทำที่ใด
เมื่อนักเรียนได้เรียนรู้แนวทางการสร้างประโยชน์จากผลงานแล้ว สิ่งสำคัญที่ควรตระหนักประการหนึ่ง คือ การคุ้มครองผลงานต่าง ๆ ซึ่งจัดเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของผู้สร้างด้วย กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์จัดทรัพย์สินทางปัญญาเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม (industrial property)
2. ลิขสิทธิ์ (copyright)
ดังรายละเอียดในส่วนต่อไป อย่างไรก็ตาม นักเรียนในฐานะผู้สร้างผลงานนั้น ควรพิจารณาถึงข้อดีและข้อจำกัดของการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาเหล่านั้นด้วย
การคุ้มครองผลงานมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาสิทธิอันชอบธรรมและเป็นการตอบแทนผู้สร้าง เพื่อกระตุ้นและเป็นแรงจูงใจให้มีการสร้างผลงานใหม่ ๆ โดยเปิดเผยรายละเอียดของผลงาน กระตุ้นให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการลงทุนการผลิตเทคโนโลยี การคุ้มครองจะมีผลทางกฎหมายก็ต่อเมื่อผู้สร้างนำผลงานนั้นไปจดทะเบียนคุ้มครองกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ยกเว้นผลงานที่เป็นลิขสิทธิ์จะได้รับการคุ้มครองทันทีที่มีผู้สร้างผลงานนั้นเรียบร้อยแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องไปจดทะเบียนคุ้มครอง อย่างไรก็ตาม เจ้าของลิขสิทธิ์ควรเก็บหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องสำหรับใช้ในการพิสูจน์และแสดงความเป็นเจ้าของด้วย การคุ้มครองผลงานทรัพย์สินทางอุตสาหกรรมีหลายประเภท เจ้าของผลงานจะต้องศึกษารายละเอียดประเภทผลงาน ระยะเวลาในการคุ้มครอง และการชำระค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้เลือกจดทะเบียนให้ถูกต้อง
กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้ความหมายของคำว่า "ทรัพย์สินทางปัญญา" หมายถึง ผลงานอันเกิดจากการประดิษฐ์คิดค้น หรือสร้างสรรค์ของมนุษย์ ซึ่งเน้นที่ผลผลิตของสติปัญญาและความชำนาญ โดยไม่คำนึงถึงชนิดของการสร้างสรรค์หรือวิธีในการแสดงออก ทรัพย์สินทางปัญญา อาจเป็นสิ่งที่จับต้องได้ เช่น สินค้าต่าง ๆ หรือเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เช่น บริการ แนวความคิด กรรมวิธีและทฤษฎีต่าง ๆ ดังนั้น ทรัพย์สินทางปัญญาจึงมีความหมายครอบคลุมคำว่า ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม ซึ่งได้แก่ สิทธิบัตร (patent) การประดิษฐ์ (invention) การออกแบบผลิตภัณฑ์ (product design) อนุสิทธิบัตร (petty patent) ความลับทางการค้า (trade secret) เครื่องหมายการค้า (trade mark) ชื่อทางการค้า (trade name) แบบผังภูมิของวงจรรวม (layout-design of integrated circuit) และสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (geographical indication) นอกจากนี้ ลิขสิทธิ์ ยังจัดเป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งด้วย
เจ้าของผลงานที่ได้รับเพื่อการคุ้มครองผลงานแล้ว สามารถดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลงานของตน เช่น การผลิตและจำหน่ายผลงาน การเก็บค่าเจ้าของสิทธิ์จากผู้ที่ต้องการใช้ผลงานนั้น หรือการโอนสิทธิ์ให้ผู้อื่น ภายในระยะเวลาที่ได้รับการคุ้มครอง แต่หากผลงานนั้นมีผู้อื่นผลิตเหมือนกันและได้จดทะเบียนไปแล้ว จะไม่สามารถจดทะเบียนคุ้มครองได้ และยังหมายรวมถึงผลงานที่พบได้ทั่วไปแม้ไม่มีผู้จดทะเบียนก็ไม่สามารถจดทะเบียนคุ้มครองได้ เนื่องจากไม่สามารถระบุผู้เป็นเจ้าของผลงานที่แท้จริงได้ หากผู้สมัครรายหลังมีการปรับปรุงแก้ไขผลงานให้มีความแตกต่างกับผลงานที่มีผู้จดทะเบียนไปแล้ว หรือมีการพัฒนาต่อยอด จึงจะสามารถจดทะเบียนได้เฉพาะส่วนที่มีความแตกต่างกับผลงานที่มีจดทะเบียนไปแล้ว หรือมีการพัฒนาต่อยอด จึงจะสามารถจดทะเบียนได้เฉพาะส่วนที่มีการปรับปรุงแก้ไขหรือพัฒนาต่อยอดเท่านั้น
ดังนั้น ผู้สร้างผลงานจึงต้องตระหนักและให้ความสำคัญในการไม่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่นด้วย
สิทธิบัตร (patent) คือ หนังสือสำคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะตามที่กฎหมายกำหนด เป็นสิทธิพิเศษที่ให้ผู้ประดิษฐ์คิดค้นหรือผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์มีสิทธิที่จะผลิตสินค้า จำหน่ายสินค้าแต่เพียงผู้เดียว ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยที่สิทธิบัตรแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
สิทธิบัตรการประดิษฐ์ และสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์
การประดิษฐ์ หมายถึง ความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับลักษณะองค์ประกอบ โครงสร้างหรือกลไกของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งกรรมวิธีในการผลิตการรักษา หรือปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น หรือทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ขึ้นใหม่ ที่แตกต่างไปจากเดิมและเน้นการประดิษฐ์ที่มีลักษณะของการแก้ปัญหาทางเทคนิคที่ไม่สามารถคิดค้นขึ้นโดยง่าย เช่น กลไกของเครื่องยนต์ ยารักษาโรค วิธีการในการเก็บรักษาพืชผักผลไม้ไม่ให้เน่าเสียเร็วเกินไป เป็นต้น
สิทธิบัตรการประดิษฐ์ (invention patent) คือ การให้ความคุ้มครองคิดค้นเกี่ยวกับ ลักษณะองค์ประกอบ โครงสร้าง หรือกลไกของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งกรรมวิธีในการผลิต การเก็บรักษา หรือการปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์
สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ (design patent) คือ การให้ความคุ้มครองความคิดสร้างสรรค์ที่เกี่ยวกับ รูปร่างลักษณะภายนอกของผลิตภัณฑ์ องค์ประกอบของลวดลายหรือสีของผลิตภัณฑ์ ซึ่งสามารถใช้เป็นแบบสำหรับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รวมทั้งหัตถกรรมได้ และแตกต่างไปจากเดิม
อนุสิทธิบัตร (Petty Patent) หมายถึง หนังสือสำคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์ จะมีลักษณะคล้ายกันกับการประดิษฐ์ แต่เป็นความคิดสร้างสรรค์ที่มีระดับการพัฒนาเทคโนโลยีไม่สูงมาก หรือเป็นการประดิษฐ์คิดค้นเพียงเล็กน้อย และมีประโยชน์ใช้สอยมากขึ้น รวมทั้งกรรมวิธีในการผลิต การรักษาโรคหรือปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น หรือทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ขึ้นใหม่ ที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น กลไกของเครื่องยนต์, ยารักษาโรค, วิธีการในการเก็บรักษาพืชผักผลไม้ไม่ให้เน่าเสียเร็วเกินไป เป็นต้น
1. ผลงานของนักเรียนสามารถมีผู้อื่นลอกเลียนแบบได้หรือไม่ ถ้ามี ผู้เรียนจะมีแนวทางในการป้องกันการลอกเลียนแบบได้อย่างไร
2. สิทธิบัตรสำหรับการออกแบบผลิตภัณฑ์ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ชนิดใดบ้าง