🎁 ตอบประเด็นคำถามท้าทาย และกิจกรรมที่ 1.3 ปฏิบัติอย่างมีทักษะ ลงในสมุด
1. ความรู้และทักษะในการปฏิบัติงาน หมายถึงอะไร
2. อะไรบ้างที่ถือว่าเป็นความรู้และทักษะในการปฏิบัติงาน
3. ในการแก้ปัญหาหรือพัฒนาเทคโนโลยี เราจำเป็นจะต้องมีความรู้และทักษะในการปฏิบัติงานหรือไม่ ทำไมจึงคิดเช่นนั้น
4. จงยกตัวอย่าง ความรู้และทักษะในการปฏิบัติงานมาอย่างน้อย 1 ตัวอย่าง
เนื้อหาความรู้ที่ควรศึกษา
หนังสือเรียน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 5
หน้าที่ 8
ความรู้และทักษะในการปฏิบัติงาน
นอกจากความรู้พื้นฐานที่กล่าวมาข้างต้น ในการแก้ปัญหาใด ๆ จำเป็นต้องใช้ความรู้และทักษะในการปฏิบัติงาน เช่น ความรู้เกี่ยวกับข้อบังคับต่าง ๆ ทางกฎหมาย รวมถึงแนวปฏิบัติ คุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณในการปฏิบัติงาน และทักษะที่จำเป็น เช่น การสื่อสาร การคิดเชิงระบบ ความคิดสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การทำงานร่วมกับผู้อื่น
ตัวอย่างความรู้และทักษะในการปฏิบัติงาน เช่น ในการวิจัยและพัฒนาเครื่องเป่าความดันลมเพื่อเปิดขยายทางเดินหายใจของผู้ป่วยที่เรียกว่าชีแพป (Continuous Positive Airway Pressure: CPAP) ต้องประกอบด้วยทีมบุคลากรทางการแพทย์ ได้แก่ แพทย์ พยาบาล นักวิจัย และวิศวกรเพื่อพัฒนาเครื่องต้นแบบ จากนั้นต้องมีการทดสอบและประเมินผล การทำงานของเครื่องมือนี้กับผู้ป่วยจริง ซึ่งต้องได้รับอนุญาตจากผู้ป่วยและคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการวิจัยในคน
จริยธรรมและความรับผิดชอบ
ผู้แก้ปัญหาต้องต้องมีจริยธรรม และความรับผิดชอบในการแก้ปัญหา มีความตระหนักและปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ไม่ขัดต่อกฎหมายบ้านเมือง หลักศาสนา ศีลธรรม จารีตประเพณี บรรทัดฐานทางสังคม มีคุณธรรม และจรรยาบรรณ ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่ผู้แก้ปัญหาต้องยึดถืออยู่เสมอในการทำงาน คือ การไม่ละเมิดสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญาของผู้อื่น ทั้งนี้เพื่อความเชื่อมั่นจากประชาชนในสังคม ตลอดจนเป็นที่พึ่งพิงของผู้ที่กำลังประสบปัญหาได้
1. ทักษะความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล คือ รู้จักใช้ประโยชน์ และป้องกันตัวเองให้พ้นจากภัยจากโลกออนไลน์ได้
1.Information Literacy หรือ ความรู้ความเข้าใจข้อมูล สามารถแยกแยะข้อมูลจริงและเท็จแล้วนำไปใช้ประโยชน์ได้
2.Media Literacy หรือ ความรู้เท่าทันสื่อสารสนเทศ สามารถแยกแยะสื่อที่น่าเชื่อถือ และไม่น่าเชื่อถือได้
3.Technology Literacy หรือ ความรู้ความเข้าใจในคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง สามารถเข้าใจภาษาที่ใช้สื่อสารกับคอมพิวเตอร์ได้)
2.1.Critical Thinking คือ ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ คือ “คิดเป็น” เป็นกระบวนการจับประเด็นปัญหา หาข้อมูลอย่างไม่มีอคติ สรุปปัญหา และตัดสินใจเชื่อหรือลงมือปฏิบัติแก้ปัญหา
2.2.Collaboration คือ ทักษะในการทำงานร่วม เช่น คิดแบบ Win-Win, มี Mindset แบบ Team-Oriented ได้แก่ Inside-out เช่น การเข้าใจตนเอง และ Outside-In เข้าใจผู้อื่น ได้แก่ Empathy, Deep Listening
2.3.Creativity คือ ความคิดเชิงสร้างสรรค์ ได้แก่ Positive Thinking, Constructive Thinking และ Creative Thinking
2.4.Communication คือ ทักษะในการสื่อสารทั้งการพูด การเขียน การนำเสนอ การใช้เครื่องมือ
3. ทักษะชีวิต คือ เข้าใจตนเองและรู้จักปรับตัวเข้ากับบริบทของสังคมที่เปลี่ยนไป ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานที่เด็กๆควรมีในการดำเนินชีวิต ได้แก่
3.1.Flexibility หรือ ความยืดหยุ่น ปรับตัว ปรับใจ ปรับวิธีการ รับมือความเปลี่ยนแปลงได้
3.2.Leardership หรือ ทักษะความเป็นผู้นำ คือ รู้จักนำ รู้จักตาม รับฟัง ประสานประโยชน์ (Synergy)
3.3.Initiative หรือ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
3.4.Productivity หรือ การใช้ชีวิตให้ได้ประโยชน์สูงสุด เช่นการมีเป้าหมาย มีวินัย และการบริหารเวลา
3.5.Social Skills หรือ ทักษะทางด้านสังคม
การเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (Social and Emotional Learning : SEL) คือ กระบวนการที่เด็กๆ สามารถเข้าใจและจัดการอารมณ์ของตน การตั้งเป้าหมายและการบรรลุเป้าหมาย เข้าใจและแสดง ความเห็นใจผู้อื่น สร้างและการรักษาความสัมพันธ์ ตัดสินใจอย่างรับผิดชอบต่อความสัมพันธ์นั้น SEL จึงเป็นความสามารถที่อยู่โดยรอบแกนของการเรียนรู้ เช่น การอ่าน การเขียน และ คณิตศาสตร์ เป็นทักษะที่ช่วยในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา การสื่อสาร และเป็นหัวใจของ การปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
SEL จึงมีความหมายที่คลอบคลุมถึงความฉลาดทางอารมณ์(emotional quotient: EQ) ด้วย
คุณสมบัติ 5 ประการ ทักษะการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคมประกอบด้วยนี้ คือ
การตระหนักรู้ในตัวเอง (Self Awareness): เข้าใจและระบุได้ว่า ความคิดและอารมณ์ที่ เกิดขึ้นคืออะไร ส่งผลต่อพฤติกรรมอย่างไร รวมทั้งรู้ข้อจำกัดในการควบคุมอารมณ์ของตัวเอง มีความ มั่นใจและมองโลกในแง่ดี
การรู้จักบริหารจัดการอารมณ์ (Self Management): ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรมของตนเองทีมีต่อสถานการณ์ต่างๆ รวมไปถึงสามารถจัดการความเครียด ควบคุมและจูงใจตนเอง ตลอดจนสามารถตั้งเป้าหมายและลงมือปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้
ความเข้าใจหรือตระหนักรู้ด้านสังคม (Social Awareness): ความสามารถในการเข้าใจและ เอาใจใส่ผู้อื่นที่มีพื้นฐานแตกต่างไปจากตนเองได้ รวมไปถึงสามารถทำความเข้าใจพฤติกรรมต่างๆ ที่ เป็นผลมาจากสังคม ค่านิยม และจริยธรรมที่แตกต่าง และสามารถรับรู้เกี่ยวกับปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ที่ ได้รับจากครอบครัว โรงเรียน และสังคม
มีทักษะด้านความสัมพันธ์ (Relationship Skills): ความสามารถในการสร้างและรักษา สัมพันธภาพระหว่างบุคคลและกลุ่มคนได้ รวมไปถึงสามารถสื่อสารได้ชัดเจน ร่วมมือกับผู้อื่น ต่อต้าน ความไม่ถูกต้องของสังคม เจรจาต่อรองเพื่อจัดการความขัดแย้ง ร้องขอและให้ความช่วยเหลือเมื่อจำเป็นได้ ทักษะด้านการสื่อสาร รับฟัง เชื่อมประสาน เป็นมิตร ประนีประนอม รู้ว่าเมื่อไรและอย่างไรจึงจะเป็น ส่วนหนึ่งของทีมหรือกลุ่ม และเป็นผู้นำได้
รับผิดชอบในสิ่งที่ตัดสินใจได้ (Responsible Decision Making): ความสามารถในการสร้างทางเลือกของการแสดงออกและการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมบนพื้นฐานของมาตรฐานทางจริยธรรม การคำนึงถึง ความปลอดภัย และบรรทัดฐานทางสังคม รวมไปถึงสามารถในการพิจารณาถึงสุขภาวะของตนเองและ ผู้อื่นได้
ให้นักเรียนสืบเสาะค้นหานวัตกรรมที่นักเรียนสนใจ แล้วหาศึกษาหาข้อมูลของนวัตกรรมนั้นว่า ผู้สร้างนวัตกรรมที่นักเรียนสนใจนั้นจะต้องมีความรู้และทักษะด้านใดบ้าง