ผู้ผลิต หมายถึง ผู้ผลิตสินค้าและบริการ โดยการนำปัจจัยการผลิตมาแปรรูปเป็นสินค้า เช่น นำองุ่นมาทำเป็นไวน์ นำข้าวสาลีมาทำเป็นขนมปัง นำถั่วเหลืองมาสกัดเป็นน้ำมัน หรือสร้างบริการในรูปแบบต่าง ๆเช่น บริการขนส่ง บริการความบันเทิงต่าง ๆ เป็นต้น
ผู้บริโภค หมายถึง ผู้ใช้ประโยชน์จากสินค้าและบริการ ซึ่งอาจจะเป็นการบริโภคโดยตรง เช่นการดื่ม การรับประทาน การใช้สินค้าหรือการบริโภคทางอ้อม เช่น การใช้น้ำมันในการขับรถยนต์ การใช้ไฟฟ้าในเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ เป็นต้น
ในระบบเศรษฐกิจ บุคคลคนหนึ่งอาจทำหน้าที่เป็นเพียงผู้บริโภค เป็นเพียงผู้ผลิตเป็นเพียงเจ้าของปัจจัยการผลิต หรือเป็นทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิต เป็นทั้งผู้บริโภคและเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตหรือเป็นทั้งสามประการก็ได้ ผู้บริโภคทำหน้าที่วินิจฉัยและตัดสินใจว่าจะบริโภคสินค้าและบริการอะไรที่ด้องการ เพื่อแสวงหาความพึงพอใจให้มากที่สุด เมื่อตัดสินใจเลือกประเภทของสินค้าและบริการที่จะบริโภคหรือใช้แล้ว ผู้บริโภคก็ด้องมาคิดว่าจะมีปัจจัยทางด้านการเงินที่จะนำมาซื้อสินค้าและบริการเหล่านั้นหรือไม่ หนทางหนึ่งที่ผู้บริโภคจะได้เงินมาใช้จ่ายก็คือ จากกำไรที่ได้ในฐานที่ทำหน้าที่ผู้ผลิตสินค้าหรือจากผลตอบแทนของการเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตแล้วขาย หรือให้เช่าปัจจัยการผลิตที่ตนมีหรือครอบครองอยู่ ดังนั้น ผู้บริโภคทุกคนจึงต้องทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตหรือเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตหรือเป็นทั้งสองอย่างไปในตัว
ในฐานะที่เป็นผู้ผลิต บุคคลต้องมีหน้าที่ในการนำเอาปัจจัยการผลิตต่าง ๆ ที่อาจได้จากการครอบครองของตนหรือได้จากการหาซื้อหรือเช่าซื้อจากบุคคลอื่นมาผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปหรือบริการแล้วขายหรือมอบให้แก่ผู้บริโภค ดังนั้น หน้าที่สำคัญของผู้ผลิตก็คือ การผลิตสินค้าและบริการตามความต้องการของผู้บริโภคด้วยด้นทุนการผลิตที่ตํ่าที่สุด เพื่อให้สามารถขายสินค้าและบริการเหล่านั้นในราคาที่ตํ่ากว่าคู่แช่งขันรายอื่น ๆ การผลิตสินค้าและบริการนี้บางครั้งผู้ผลิตต้องเสี่ยงต่อการขาดทุน ล้าต้นทุนการผลิตสูงกว่ารายรับที่ได้จากการขายสินค้าและบริการนั้น ดังนั้น ผู้ผลิตจึงต้องมีการวางรูปแบบของการดำเนินการที่ดีเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนและเพื่อให้ได้กำไรคุ้มกับความเหนื่อยยากและความลำบากตลอดจนการลงทุนของตน
ในฐานะที่เป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต บุคคลจำต้องนำเอาปัจจัยการผลิต ซึ่งได้แก่ ที่ดิน แรงงาน ทุนและการประกอบการไปเสนอขายหรือให้บริการแก่ผู้ผลิต เพื่อนำไปผลิตสินค้าและบริการต่าง ๆ เมื่อผู้ผลิตตกลงรับซื้อนำเอาปัจจัยเหล่านั้นไปผลิตก็จะให้ผลตอบแทนแก่เจ้าของปัจจัยการผลิตในรูปของค่าเช่า ค่าจ้างดอกเบี้ยและกำไร ซึ่งเจ้าของปัจจัยการผลิตก็จะนำเอาผลตอบแทนซึ่งอยู่ในลักษณะต่าง ๆ กันไปใช้จ่ายหาซื้อสินค้าต่าง ๆ เพื่อการอุปโภคและบริโภค บางครั้งเจ้าของปัจจัยการผลิตอาจทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตเองโดยการนำเอาปัจจัยการผลิตที่ตนมีอยู่ไปใช้ผลิตสินค้าและบริการต่าง ๆ
ผู้ผลิตสินค้าและบริการ ควรมีคุณธรรมพื้นฐานในการดำเนินการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและเพื่อผลประโยชน์ของผู้ผลิตในระยะยาว ดังนี้
1. ผู้ผลิตต้องไม่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง การทำให้ผู้บริโภคได้รับอันตรายจากการใช้สินค้าหรือบริการของตนเองเป็นสิ่งที่น่าละอายและขาดความรับผิดชอบ ผู้ผลิตควรละเว้นและต้องไม่กระทำ
2. ผู้ผลิตต้องพัฒนาคุณภาพสินค้าอยู่เสมอ ผู้ผลิตต้องถือว่าเป็นความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาสินค้าให้ได้มาตรฐานโดยการนำสินค้าของตนไปตรวจสอบคุณภาพก่อนที่จะนำไปจำหน่ายแก่ผู้บริโภค เช่นนำสินค้าไปตรวจสอบที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เพื่อเป็นหลักประกันแก่ผู้บริโภค
3. ผู้ผลิตต้องรักษาความชื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค การผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐานเดียวกันหมดเป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาในสินค้าและถือว่าแสดงความชื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค
4. การรักษาสภาพแวดล้อม ผู้ผลิตต้องถือเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบต่อการรักษาสภาพแวดล้อมมิให้ถูกทำลาย รวมทั้งต้องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้คงอยู่ต่อไป เช่น จัดสภาพแวดล้อมโรงงานให้น่าอยู่ สะอาด และถูกสุขอนามัย จัดระบบการบำบัดนี้าเสียอย่างดี เช่น มีการปลูกต้นไม้และจัดกิจกรรมส่งเสริมการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น
คุณธรรมของผู้บริโภคเป็นหลักการในการเลือกบริโภคสินค้าและบริการต่าง ๆ ผู้บริโภคควรปฏิบัติโดยคำนึงถึงหลักการ ดังนี้
1. ความจำเป็น หมายถึง การบริโภคอุปโภคในสิ่งจำเป็น เช่น ด้านปัจจัยสี่ ซึ่งประกอบด้วยเสื้อผ้า ยารักษาโรค อาหาร ที่อยู่อาศัยในปริมาณที่พอเพียงต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ไม่ควรบริโภคอุปโภคสินค้าและบริการในปริมาณที่มากเกินไป เพราะก่อให้เกิดความสิ้นเปลืองของสังคมและเป็นผลเสียต่อสุขภาพ
2. ความมีประโยชน์และความปลอดภัย หมายถึง การบริโภคอุปโภคในสิ่งจำเป็นที่ก่อให้เกิดประโยชน์ เช่น มนุษย์ควรรับประทานอาหารเพื่อประทังชีวิตโดยต้องคำนึงถึงคุณค่าของสารอาหารด้วย ไม่ควรซื้อสินค้าและบริการด้วยเหตุผลที่ว่าราคาถูก
3. ความประหยัด หมายถึง การบริโภคอุปโภคโดยการใช้จ่ายให้เหมาะสมกับฐานะทางเศรษฐกิจของตน ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ทั้งขว้าง ไม่เลียนแบบการบริโภคของบุคลอื่น ซึ่งมีฐานะทางเศรษฐกิจดีกว่าที่อาจนิยมบริโภคอุปโภคสินค้าและบริการที่มีราคาแพงและไม่บริโภคตามการโฆษณา หลักการความจำเป็นหรือความพอเพียง ความมีประโยชน์ ความปลอดภัยและความประหยัดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน ซึ่งเป็นหลักการที่สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ล้าบุคคลใช้สติและปัญญาไตร่ตรองก่อนที่จะตัดสินใจบริโภคอุปโภคสินค้าและบริการ