ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติที่อยู่รอบตัวเรามีทั้งสิ่งมีชีวิต เช่น คน สัตว์ พืช และสิ่งไม่มีชีวิต เช่น น้ำ อากาศ หิน ดิน และสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเหล่านี้มีอิทธิพลซึ่่งกันและกัน
ทรัพยากรธรรมชาติ หมายถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและมนุษย์ สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต เราสามารถแบ่งทรัพยากรออกเป็น 3 ประเภท คือ
1. ประเภทที่ใช้แล้วหมดไป ได้แก่ แร่ธาตุ น้ำมัน ก๊าซ ธาตุอาหารพืชในดิน
2. ประเภทที่ใช้ไม่หมดแต่เสื่อมคุณภาพ ได้แก่ ดิน น้ำ อากาศ
3. ประเภทที่ใช้แล้วหมดไปแต่สามารถหาทดแทนขึ้นมาได้ ได้แก่ ป่าไม้สัตว์ป่า
ทรัพยากรธรรมชาติมีความสำคัญต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์มาก ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติหลายชนิด มีปริมาณมากน้อยขึ้นอยู่กับความแตกต่างของสภาพภูมิศาสตร์แต่ละภาคมนุษย์ใช้ทรัพยากรบางอย่างเพื่อความอยู่รอดของชีวิต เช่น น้ำ อากาศ และทรัพยากรบางชนิดนำมาใช้อุปโภคหรือบริโภค เช่น พืชผัก แร่ธาตุ ป่าไม้ เป็นด้น
ประเทศไทยอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติหลายชนิด ปริมาณ และแหล่งที่ปรากฏอาจจะแตกต่างกันทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกันด้วยทรัพยากรธรรมชาติมีความสำคัญต่อชีวิต ความเป็นอยู่ของมนุษย์มาก มนุษย์ต้องใช้ทรัพยากรบางอย่าง เพื่อความอยู่รอดของชีวิต เช่น นี้า อากาศ ทรัพยากรบางอย่างเพื่อความอยู่รอดของชีวิต เช่น นี้า อากาศ ทรัพยากรบางอย่างนำมาใช้อุปโภค หรือบริโภค เช่น พืชผัก แร่ธาตุป่าไม้ เป็นด้น
ทรัพยากรธรรมชาติสำคัญในประเทศไทยที่มีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตของประชากร ได้แก่
1. ทรัพยากรดิน
ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นเมืองเกษตรกรรม เป็นแหล่งลู่ข้าว ลู่นี้าที่สำคัญของโลกทรัพยากรดิน จึงมีความสำคัญต่อประเทศเป็นอย่างยิ่ง ลักษณะของดินในประเทศไทย สรุปได้ดังนี้
1.1 ดินเหนียว พบทั่วไปในบริเวณราบลุ่มแม่นี้าสายต่าง ๆ ซึ่งมีนี้าท่วมถึงทุกภูมิภาค เนื้อดินละเอียด เหมาะจะทำนาข้าว และทำไร่ปอกระเจา
1.2 ดินร่วน พบทั่วไปในพื้นที่ลานตะพักล0านี้าของแม่นี้าสายต่าง ๆ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ห่างจากสองส่งแม่น้ำออกไป เป็นลักษณะที่ราบขั้นบันได้ และนี้าท่วมไม่ถึง เนื้อดินเป็นส่วนประกอบของดินเหนียวและดินทราย ใช้ปลูกพืชไร่ อ้อย ข้าวโพด มันสำปะหลัง ฯลฯ
1.3 ดินอินทรียวัตถุ เป็นดินที่เกิดจากการย่อยสลายของพืชและซากสัตว์ที่เน่าเชื่อยทับถมเป็นชั้น ๆ พบที่ที่เคยเป็นป่าชายเลนมาก่อน (ในปัจจุบัน คือป่าพรุ) แต่มักจะมีธาตุกำมะถันปนอยู่มาก
1.4 ดินทราย เป็นดินที่มีองค์ประกอบของเนื้อทรายมากที่สุด มีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างตํ่าพบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในบริเวณชายส่งแม่น้ำ และเชิงเขาในภาคอื่น ๆ จะพบในพื้นที่ชายส่งทะเล ใช้ทำสวนมะพร้าว และปลูกป่าเพื่อพัฒนาคุณภาพของดิน
2. ทรัพยากรน้ำ
ประเทศไทยมีปริมาณฝนอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง เฉลี่ยประมาณปีละ 1,675 มิลลิเมตร จัดได้ว่าเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรน้ำมากพอสมควร ทั่งแหล่งน้ำบนพื้นผิวดิน (แม่น้ำลำคลอง)และแหล่งน้ำใด้ดิน (น้ำบาดาล)
แต่เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศมีฝนตกไม่สม่ำเสมอตลอดปี จึงมักประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง โดยเฉพาะน้ำใช้ในการเกษตร ซึ่งประสบปัญหาเกือบทุกพื้นที่ของประเทศ
ภาคที่มีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรน้ำมากที่สุด คือ ภาคกลางเพราะมีแม่น้ำสายใหญ่มีความยาวและให้น้ำตลอดปีหลายสาย ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน และแม่กลอง ตลอดจนแหล่งน้ำใต้ดินก็นับว่ามีความอุดมสมบูรณ์มากว่าภาคอื่น ๆ เช่นกัน
ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประสบปัญหาความไม่อุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำตามธรรมชาติมากที่สุดในฤดูแล้งจะขาดแคลนน้ำใช้ในการอุปโภค บริโภค และการเพาะปลูก บางพื้นที่ได้ชื่อว่าประสบปัญหาภัยแล้งซํ้าซาก แม้จะมีแม่น้ำซี และแม่น้ำมูล ซึ่งเป็นแม่น้ำสายใหญ่และมีความยาวมากของภาค แต่ปริมาณน้ำในฤดูแล้งกลับมีน้อย ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้มากนัก ยิ่งแหล่งน้ำใต้ดินมีปัญหาด้านคุณภาพ เนื่องจากมีแร่หินเกลือ (เกลือสินเธาว์) แทรกอยู่ในชั้นหินทั่วไป จึงทำให้แหล่งน้ำบาดาลส่วนใหญ่ มีรสกร่อยเค็มใช้ประโยชน์ได้น้อย
ในปัจจุบันมีการนำน้ำมาใช้กันมากโดยเฉพาะภาคกลางกรุงเทพฯและปริมณฑลเพราะมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง เช่น บ้านจัดสรร โรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ ในขณะที่การผลิตน้ำประปาของรัฐยังกระจายไม่ทั่วถึงดีพอ
ดังนั้น เมื่อมีการขุดเจาะน้ำน้ำบาดาลมาใช้กันเพิ่มมากขึ้นทำให้เกิดปัญหาแผ่นดินทรุด เนื่องจากแหล่งน้ำใต้ดินมักอยู่ในช่องว่างหรือรอยแตกของชั้นหินใต้ดินทั้งสิ้น เมื่อน้ำน้ำมาใช้กันมาก ๆ จึงเกิดเป็นโพรงใต้ดินและเกิดการทรุดตัวลงในที่สุด
3. ทรัพยากรป่าไม้
ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าไม้เหลืออยู่เพียงร้อยละ 25 ของพื้นที่ประเทศหรือประมาณ131,485 ตารางกิโลเมตร (พ.ศ. 2547)
ลักษณะของป่าไม้ในประเทศไทย แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ตามสภาพภูมิประเทศ ดังนี้
1. ป่าไม้ไม่ผลัดใบ เป็นป่าไม้ที่ขึ้นในเขตอากาศร้อนขึ้น แบบมรสุมเขตร้อน มีฝนตกชุกเกือบตลอดปี มีความขึ้นสูง
ทำให้มีใบเขียวชอุ่มตลอดปีเหมือนไม่ผลัดเปลี่ยนใบ โดยมากจะพบในพื้นที่ภาคใต้และภาคตะวันออก
ป่าไม้ผลัดใบ แบ่งออกเป็น 5 ชนิดย่อย ๆ ดังนี้
1.1 ป่าดงดิบ มีต้นไม้ขึ้นหนาทึบทั้งไม้ยืนด้นใหญ่และไม้ยืนด้นเล็ก
1.2 ป่าดิบเขา พบในพื้นที่สูงตั้งแต่ 1,000 เมตรขึ้นไป เกือบทุกภาค เป็นป่าที่ให้กำเนิดด้นน้ำ ลำธาร
1.3 ป่าสนเขา พบในพื้นที่สูงตั้งแต่ 700 เมตรขึ้นไป เกือบทุกภาคเช่นกัน มีไม้สนนานาชนิด
1.4 ป่าพรุ เป็นป่าที่พบบริเวณชายส่งทะเลของภาคใต้ มีทั้งไม้ยืนต้นไม้พุ่มไม้เลื้อยและพืชล้มลุก
1.5 ป่าชายเลน เป็นป่าที่ขึ้นบริเวณชายทะเลที่เป็นโคลนเลนโดยเฉพาะบริเวณปากแม่น้ำมีความสำคัญต่อระบบนิเวศวิทยา หรือแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งเพาะพันธ์ของสัตว์น้ำ ไม้ที่สำคัญคือไม้โกงกาง ลำพู จาก เป็นด้น
2. ป่าไม้ ผลัดใบ พบในเขตภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าเมืองร้อนที่มีฝนตกปีละ 4 เดือนในฤดูแล้งไม้ประเภทนี้จะผลัดใบพร้อมกันเกือบหมดทั้งด้น พบในพื้นที่ราบและพื้นที่สูงไม่เกิน 1,000 เมตร แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ดังนี้
2.1 ป่าเบญจพรรณ พบในเกือบทุกภาคของประเทศ ไม้สำคัญที่มีค่าทางเศรษฐกิจ ได้แก่ ไม้สัก ไม้ประดู่ ไม้แดง ไม้ยาง ฯลฯ
2.2 ป่าแดง ป่าโคก หรือ ป่าแพะ เป็นป่าโปร่งพบมากในบริเวณที่ราบหรือเนินเขาเตี้ย ๆซึ่งเป็นพื้นที่สืแดง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไม้ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ คือ ไม้เต็งรัง ไม้พะยอม ฯลฯ
4. ทรัพยากรแร่ธาตุ
ประเทศไทยมีแหล่งแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์กระจายอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะบริเวณเขตเทือกเขาสูงในภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้ในที่นี้ จำแนกแร่ธาตุได้เป็น 3 ชนิด ดังนี้
4.1 แร่โลหะ ได้แก่ ดีบุก ทังสเตน ตะกั่ว สังกะสี ทองแดง เหล็ก พลวง และแมงกานีส
4.2 แร่อโลหะ ได้แก่ ยิปซัม หินปูน ดินมาร์ล (ดินสอพอง) และรัตนชาติ
4.3 แร่เชื้อเพลิง ได้แก่ นี้ามันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน (ลิกไนต์)
5. ทรัพยากรสัตว์ป่า
สัตว์ป่าอาศัยอยู่ในป่าตามโพรงไม้ ซอกหิน ถํ้า สัตว์เหล่านี้ด้องพึ่งพาหากินด้วยตนเอง ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม เช่น เสือ ช้าง กวาง หมี แรด ลิง ค่าง เป็นด้น ปัจจุบันสัตว์ป่าถูกคุกคามมากขึ้นทำให้สัตว์ป่าบางชนิดสูญพันธ์ไป ประเทศไทยได้มีพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าขึ้น เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม2530 ดังนั้นรัฐบาลจึงกำหนดให้วันที่ 26 ธันวาคม ของทุกปีเป็น “วันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ”
ทรัพยากรและการแลกเปลี่ยนทรัพยากร
เนื่องจากประเทศไทยมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติหลายชนิดของแต่ละท้องถิ่นเมื่อมีมากในท้องถิ่นก็ดูเหมือนว่าเป็นของไม่มีประโยชน์หรือไม่มีคุณค่า แต่ในขณะเดียวกันท้องถิ่นอื่นมีความต้องการจึงทำให้มีการแลกเปลี่ยนทรัพยากรระหว่างท้องถิ่นเกิดขึ้น ตัวอย่างข้างล่างนี้เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในแต่ละภาคและนำไปสู่การแลกเปลี่ยนทรัพยากรระหว่างท้องถิ่น
ภาคเหนือ มีลิ้นจี่ ลำไย ส้มเขียวหวาน และผักผลไม้เมืองหนาว เช่น บร็อคโคลี่ เซเลอรี่ สตรอว์เบอร์รี่ ลูกท้อ ลูกพลับ สาลี่ เป็นด้น
ภาคใต้ มีทุเรียน เงาะ ลองกอง มังคุด และสัตว์นี้าเค็ม เช่น ปลา คุ้ง หอย ปลาหมึก และอื่น ๆ เช่นมะพร้าว แร่ธาตุต่าง ๆ
ภาคกลาง ปลูกข้าว ทำสวนผัก - ผลไม้ เช่น ส้มโอ ชมพู่ มะม่วง ขนุน ข้าวโพด อ้อย ผักต่าง ๆ และเลี้ยงสัตว์ เช่น สุกร เป็ด ไก่ ปลาน้ำจืด เป็นด้น
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปลูกถั่ว งา ข้าวโพดอ่อน มันสำปะหลัง ปอ ฝ้าย และสัตว์เลี้ยง เช่นโค กระบือ สุกร เป็นด้น
ผลกระทบที่เกิดจากการใช้ทรัพยากร
ทรัพยากรธรรมชาติเมื่อนำมาใช้มากเกินไปโดยไม่มีการสร้างการทดแทนก็จะทำให้เกิดความสูญเสียหรือถูกทำลายได้ เช่น การตัดถนนเพื่อใช้ในการคมนาคม หรือการสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำจะต้องใช้เนื้อที่บริเวณพื้นดินจำนวนมหาศาล ทำให้พื้นดินที่เป็นป่าไม้ถูกโค่นทำลายลง ทำให้ป่าไม้ลดลง สัตว์ป่าลดลงเพราะพื้นที่ป่าถูกทำลายทำให้สภาพอากาศที่ชุ่มชื้นอุดมสมบูรณ์ เกิดความแห้งแล้ง ฤดูกาลผันแปรหรือฝนตกไม่ต้องตามฤดูกาลหรือตกน้อย หรือมีการใช้พื้นดินเพื่อการเพาะปลูกมากชื้น มีการทำลายป่าเพื่อการเพาะปลูก นอกจากนี้การใช้สาร เคมีในการ เพาะปลูกเกินความจำเป็น ทำให้ดินที่อุดมสมบูรณ์เสื่อมสภาพเมื่อทรัพยากร เสื่อมลงสภาพสิ่งแวดล้อมก็เสื่อมไปด้วย
สิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อม หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ทั้งหลายที่อยู่รอบตัวเราทั้งสิ่งที่มีชีวิตและสิ่งที่ไม่มีชีวิต สิ่งที่เกิดชื้นเองตามธรรมชาติ สิ่งที่มนุษย์สร้างชื้น อาจมีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ต่อมนุษย์ก็ได้ เราแบ่งสิ่งแวดล้อมเป็น 2 ประเภทคือ
1. สิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ คือสิ่งแวดล้อมที่เกิดชื้นเองตามธรรมชาติ ได้แก่ คน พืช สัตว์ ดิน นี้า อากาศ ฯลฯ สิ่งแวดล้อมนี้แบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่
1.1 ส่ิ่งแวดล้อมที่มีชีวิต เช่น คน สัตว์ พืช ฯลฯ
1.2 สิ่งแวดล้อมที่ไม่มีชีวิต เช่น ดิน นี้า อากาศ ภูเขา ฯลฯ
2. สิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างชื้น แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ
2.1 สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างชื้นเป็นวัตถุ สามารถมองเห็นได้ ชัดเจน เช่น อาคารบ้านเรือน ยานพาหนะ เสื้อผ้า ฯลฯ 2.2. สิ่งแวดล้อมทางสังคม เป็นสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างชื้น แต่ไม่ใช่วัตถุจึงไม่อาจมองเห็นได้ แต่เป็นสิ่งที่มีผลต่อพฤติกรรมที่แสดงออก เช่น ประเพณีวัฒนธรรม กฎหมายข้อบังคับ เป็นต้น
วิธีการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
เนื่องจากมีการทำลายทรัพยากรธรรมชาติจากการกระทำของมนุษย์ และการกระทำนั้นมีความรวดเร็ว และรุนแรงเกินกว่าระบบธรรมชาติจะฟื้นฟูด้วยตัวเอง ดังนั้นเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนที่ด้องการรณรงค์ ให้ทุกคนในสังคมช่วยกันอนุรักษ์ และมีความสำนึกอย่างจริงจังก่อนที่จะส่งผลกระทบเลวร้ายไปกว่านี้โดยคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
1. ความสูญเปล่าอันเกิดจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
2. ใช้และรักษาทรัพยากรธรรมชาติด้วยความระมัดระวัง และต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและคุ้มค่าที่สุด
3. ใช้แล้วต้องมีการทดแทน
4. ต้องควบคุมอัตราการเกิดและการเปลี่ยนแปลงของประชากรให้สอดคล้องเหมาะสมกัน
5. ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและหาสิ่งใหม่ ๆ ใช้อย่างพอเพียง
6. ให้การศึกษาให้ประชาชนตระหนักและเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม