ทั้ง 3 ตัวแปรนี้จะมีผลโดยตรงต่อรสชาติและคุณภาพของเอสเพรสโซชอต
ในการชงแบบ Espresso เราต้องการผงกาแฟที่ค่อนข้างละเอียด ( Fine ) ขนาดความละเอียดประมาณ 300- 500 ไมครอน (ขนาดไล่เลี่ยกับเกลือป่นละเอียด) จึงจะได้ชอตเอสเพรสโซที่มีคุณภาพ
หากผงกาแฟละเอียดเกินไปเล็กกว่า 300 ไมครอน (เกือบเป็นผงแป้ง) น้ำกาแฟจะไหลช้ามาก ชอตเอสเพรสโซอาจจะมีรสขมได้ แต่หากละเอียดมากจนน้อยกว่า 200 ไมครอน (ไล่เลี่ยกับผงแป้ง) จะไม่สามารถชงเป็นเอสเพรสโซได้ แรงดันจากเครื่องกาแฟจะไม่สามารถดันน้ำผ่านได้เลย
ผงกาแฟที่ใหญ่เกินกว่า 500 ไมครอนจะเหมาะกับการชงกาแฟแบบ Slow Bar ที่ต้องการเวลาและความพิถีพิถันมากขึ้น หากนำมาชงกับเครื่องชงเอสเพรสโซ น้ำกาแฟจะไหลเร็วเกินไป ทำให้กาแฟมีรสเปรี้ยวมากขึ้น
Espresso ควรบดด้วยความละเอียดประมาณ 300-500 ไมครอนกำลังดี ไม่ละเอียดเกินไป ไม่หยาบเกินไป
ผงกาแฟที่ออกจากเครื่องต้องร่วนซุย ไม่จับตัวเป็นก้อน ไม่ฟุ้งกระจาย
ปริมาณผงกาแฟที่่ใช้จะมีผลโดยตรงต่อรสชาติของกาแฟอย่างชัดเจนที่สุด ใช้กาแฟเยอะ รสชาติก็จะเข้มข้น (จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับ Brew Ratio อัตราส่วนที่เลือกใช้ด้วย) ใช้กาแฟน้อยรสชาติก็อ่อน อันนี้เป็นตัวแปรที่เข้าใจได้ง่ายสุด แต่ก็มีหลายคนที่ขี้เหนียวใส่กาแฟน้อยแต่ใช้กาแฟคั่วเข้มๆขมๆด้วยหวังจะให้กลิ่นไหม้ รสขมมาสร้างความเข้มของกาแฟซึ่งถือได้ว่าเป็นความเข้าใจผิดอย่างแรง
ปริมาณผงกาแฟที่เหมาะสมจะเป็นเท่าใดต้องขึ้นอยู่กับขนาดของตะกร้าฟิลเตอร์ของด้ามชงด้วยว่าขนาดเท่าใด แต่โดยทั่วไปแล้วขนาดที่เป็นที่นิยมคือ ตะกร้า 20 gr. (ใส่ผงกาแฟ 18 กรัม) แต่บางร้านที่ต้องการเพิ่มความเข้มข้นของเนื้อกาแฟก็จะใช้ตะกร้า 22 gr.( ใส่ผงกาแฟ 20 กรัม) เพื่อชงกาแฟเย็นให้มีความเข้มข้นมากขึ้น
โดสที่ดีต้องกระจายตัวสม่ำเสมอทั้งตะกร้า พูนตรงกลาง ปริมาณไม่มากไม่น้อย
การเกลี่ยผงกาแฟจะช่วยให้ผงกาแฟมีการกระจายตัวดียิ่งขึ้นและลดโอกาสที่จะเกิดปัญหา Channeling ทำให้ชอตเอสเพรสโซทีรสชาติที่ดีและสม่ำเสมอ
การแทมป์ ( Tamping) หมายถึงการกดผงกาแฟให้อัดตัวแน่น ภายในตะกร้าฟิลเตอร์เพื่อให้เกิดการหน่วงเวลาเมื่อน้ำร้อนแรงดันสูงไหลผ่านผงกาแฟ ในเวลาที่เหมาะสม ( 25-35 วินาที) ซึงจะมีผลกระทบต่อรสชาติของชอตเอสเพรสโซนั้นๆ
กาแฟไหลเร็วไป สีอ่อนซีด รสชาติจะอ่อนไป อาจมีรสเปรี้ยวออกมาได้
กาแฟไหลช้าไปสีเข้มคล้ำ รสชาติแก่ไป อาจมีรสขม หรือฝาดออกมา
กาแฟไหลพอดี สีน้ำตาลแดง มีลาย ( Tiger Skin) รสชาติจะเป็นไปตามคุณภาพของกาแฟ
จากการทดลองสมัยใหม่พบว่า น้ำหนักการแทมป์ไม่สำคัญเท่ากับคุณภาพการแทมป์ให้ตรงไม่เอียง มิฉะนั้นจะเกิดปัญหา Channeling ได้ (คลิกดูรายละเอียดปัญหา Channeling เพิ่มเติมได้)
Dose ผงกาแฟให้ทั่วถึงทั้งตะกร้าฟิลเตอร์
ผงกาแฟจะพูนสูงขึ้นตรงกลาง
หากDose ผงกาแฟเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง
แล้วแทมป์กาแฟโดยไม่เกลี่ยให้เรียบจะทำให้เกิด Channeling
ควรใช้อุปกรณ์เกลี่ยกาแฟ
ที่เรียกว่า Distribution Tool
ทำการเกลี่ยผงกาแฟให้เรียบ
แทมป์กาแฟให้ตรงไม่เอียงโดยใช้นิ้ว 3 นิ้วช่วยประคอง
หากการแทมป์ตรงดี น้ำกาแฟจะไหลออกมาสม่ำเสมอ
หากแทมป์กาแฟเอียงไปด้านใดด้านนึง
น้ำกาแฟจะไหลไม่ดี เกิดปัญหา Channeling