เคยไหม? รู้สึกเหนื่อยล้า แต่ละวันมันยากลำบากจนไม่มีแรงจะทำอะไรต่อ ทำงานก็ช้าลงกว่าเดิม สูญเสียความมั่นใจ เริ่มมีทัศนคติเชิงลบต่อที่ทำงานหรือเพื่อนร่วมงาน ตลอดจนขาดการติดต่อสื่อสารกับคนในทีม จนกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงาน
ลองสังเกตตัวเองกันดูว่ามีอาการเหล่านี้กันบ้างหรือเปล่า เพราะมันคือสัญญาณเตือนว่าเราอาจจะกำลังอยู่ใน “ภาวะหมดไฟทำงาน” หรือ “Burnout Syndrome” ซึ่งการทำงานที่บ้าน (Work From Home) มักก่อให้เกิดปัญหาเหล่านี้
สำหรับคนที่เริ่มมีสัญญาณเตือนแล้วว่าภาวะหมดไฟกำลังปะทุในใจ
ลองมาทำแบบทดสอบ “Working From Home Report” https://www.ttisi.com/wfh/
ที่ออกแบบโดย TTI SUCCESS INSIGHTS ที่จะช่วยให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น ถึงแม้จะเป็นคำถามที่ออกแบบมาสำหรับคน Work From Home แต่คนที่ทำงานแบบ Hybrid ก็สามารถลองทดสอบได้ เพื่อการปรับตัวกับการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเอาชนะภาวะหมดไฟในการทำงานได้ไปพร้อมๆ กัน
ทั้งนี้ แบบทดสอบดังกล่าวมีการถามข้อมูลส่วนตัวเล็กน้อย จากนั้นจะเข้าสู่แบบทดสอบซึ่งมีคำถามทั้งหมด 24 ข้อ ใช้เวลาทำประมาณ 10-15 นาที ผู้ทดสอบจะต้องเลือกตอบสิ่งที่เป็นตัวเองมากที่สุดโดยไม่ต้องใช้เวลาคิดหรือตัดสินใจนาน เพื่อที่จะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเมื่อทำแบบทดสอบเสร็จก็จะทราบผลว่าเราจัดอยู่ในกลุ่มใด พร้อมทั้งแนวทางในการรับมือ และ Tips ที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานที่บ้านตามสไตล์ของคนแต่ละกลุ่ม
โดยผลลัพธ์ของแบบทดสอบได้แบ่งพฤติกรรมของบุคคลออกเป็น 8 กลุ่ม แต่ถ้าหากใครยังไม่พร้อมทำแบบทดสอบ ลองมาดูคำแนะนำของแต่ละกลุ่ม และหาวิธีที่น่าจะเหมาะกับตัวเองก่อนได้
มุ่งมั่น มีความเป็นผู้นำ มีแบบแผนชัดเจน
คนกลุ่มนี้จะมุ่งมั่น มีความเป็นผู้นำ มีแบบแผนชัดเจน ตัดสินใจเร็ว แสดงออกอย่างตรงไปตรงมา ค่อนข้างใจร้อน และอาจทุ่มเทกับงานมากเกินไป จมอยู่กับงานทั้งวันโดยไม่รู้ตัว ในระหว่างวันแทบไม่มีเวลาพักให้ตัวเอง หากมีอีเมลหรือข้อความเข้ามาจะรีบเปิดอ่านและตอบกลับอย่างรวดเร็ว
แนวทางการเลี่ยงภาวะหมดไฟของกลุ่ม High D
อย่าให้งานและความเครียดมาครอบงำจนไม่มีเวลาพักให้ตัวเอง และอาจกระทบต่อคนในทีมด้วยเช่นกัน ระหว่างวันควรหาเวลาพักให้ตัวเอง และพูดคุยเรื่องเบาสมองกับคนในทีมบ้าง
ชอบช่วยเหลือ ไม่เป็นผู้นำ หลีกเลี่ยงความขัดแย้ง.
คนกลุ่มนี้ยินดีช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ ไม่ค่อยมีความเป็นผู้นำ ใครให้ทำอะไรก็ทำได้ไม่ค่อยเกี่ยง ไม่ค่อยออกความคิดเห็น และมักจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับความขัดแย้ง การทำงานที่บ้านจึงช่วยให้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับผู้อื่นมากนัก แต่ก็อาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เช่น ความไม่เข้าใจกันในทีม การสื่อสารที่คลาดเคลื่อน
แนวทางการเลี่ยงภาวะหมดไฟของกลุ่ม Low D
ต้องรู้จักปฏิเสธคนอื่น และอย่ากลัวที่จะแสดงความคิดเห็นและพูดในสิ่งที่ต้องการพูด ทั้งในที่ประชุมหรือวงสนทนา เพราะจะทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพ ผู้อื่นรู้ไอเดีย ความคิด และความต้องการของเรา เกิดความเข้าใจตรงกัน
อัธยาศัยดี มั่นใจ ชอบทำงานเป็นทีม
คนกลุ่มนี้อัธยาศัยดี เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ชอบทำงานเป็นทีม มีความมั่นใจ อาจนิยามได้ว่า “ไม่ได้เจอผู้คน อาจไม่มีแรงทำงาน” และในตอนนี้ที่ต้องทำงานที่บ้าน คนกลุ่มนี้กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ลำบากเป็นอย่างมาก ไม่ค่อยได้พบปะผู้คน พูดคุยกับเพื่อนร่วมงานในทีมเหมือนแต่ก่อน
แนวทางการเลี่ยงภาวะหมดไฟของกลุ่ม
ต้องโฟกัสกับการทำงานมากขึ้น แล้วค่อยมาเล่นให้สุด (Work Hard, Then Play Harder) หรือ นำเทคนิคการบริหารเวลามาปรับใช้ด้วยเทคนิค Pomodoro คือ จดจ่อกับการทำงานเป็นระยะเวลา 25 นาที และพัก 5 นาที จนครบ 4 รอบ และพักอีกประมาณ 15-30 นาที จะพบว่าประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้นกว่าเดิม
ไม่ชอบเป็นจุดสนใจ ชอบความสงบ พูดน้อย.
คนกลุ่มนี้มักจะชอบความสงบ ไม่ชอบเป็นจุดสนใจ พูดน้อย อาจเรียกได้ว่าระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing เป็นพื้นที่ปลอดภัย (Safe Zone) การทำงานที่บ้านจึงตอบโจทย์คนกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก แต่มักจะเลี่ยงการเปิดกล้องเมื่อต้องประชุมทางออนไลน์ ไม่ค่อยพูดโต้ตอบ ชอบเป็นผู้ฟังมากกว่าแสดงความคิดเห็นออกไป อาจจะทำให้หลายปัญหาตามมา อย่างการขาดปฏิสัมพันธ์ในที่ทำงาน ขาดการทำงานเป็นทีม และการสื่อสารอาจผิดพลาด จนอาจทำให้เกิดผลกระทบกับงานได้
แนวทางการเลี่ยงภาวะหมดไฟของกลุ่ม Low I
แม้ว่าปัจจุบันจะมีแนวทางในการสื่อสารที่ช่วยอำนวยความสะดวกต่อการทำงานที่บ้านมากมาย เช่น Slack, Mattermost, หรือ G Chat อย่างไรก็ตาม ควรพูดคุยและแลกเปลี่ยนกับเพื่อนร่วมทีมมากขึ้น เปิดกล้องในโอกาสบางโอกาส จะช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพ เข้าใจกันมากขึ้น และยังช่วยรักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานด้วย
สุขุมใจเย็น เป็นที่ปรึกษาให้ผู้อื่น อยู่ในกฎระเบียบ.
คนกลุ่มนี้เป็นคนสุขุม ใจเย็น รอบคอบ ทำงานอย่างเป็นระบบ ทำตามกฎระเบียบ ให้ความร่วมมือกับผู้อื่นได้ดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เวลาทำงานจึงไม่ค่อยมีความยืดหยุ่น ต้องทำตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด จนอาจจะทำให้กดดันเกินไป เพราะสภาพแวดล้อมในการทำงานไม่ค่อยเอื้ออำนวย
แนวทางการเลี่ยงภาวะหมดไฟของกลุ่ม High S
ควรผ่อนคลายความกังวลในเรื่องต่างๆ ออกจากแบบแผนบ้าง ไม่ควรกดดันตัวเองจนเกินไป การแชร์ความคิดเห็นกับผู้อื่นก็เป็นเรื่องที่ดี ช่วยเสริมสร้างการทำงานเป็นทีมและเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น อาจเพิ่มการจดบันทึกเกี่ยวกับงานที่ทำสำเร็จตามเป้าหมาย เพื่อเป็นการสร้างพลังให้ตัวเอง
ร่าเริง กระตือรือร้นตลอดเวลา สมาธิสั้น
คนกลุ่มนี้มักจะกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา ร่าเริง เวลาในการทำงานยืดหยุ่นได้ ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ เบี่ยงเบนความสนใจได้เป็นอย่างดี แต่ลักษณะของคนกลุ่มนี้อาจทำให้พวกเขาไม่ค่อยมีสมาธิในการทำงาน จดจ่อนานๆ ไม่ค่อยได้
แนวทางการเลี่ยงภาวะหมดไฟของกลุ่ม Low S
ควรตระหนักเสมอว่าแนวโน้มการทำงานในอนาคตอาจจะเปลี่ยนไป การทำงานที่บ้านอาจไม่ใช่ระยะสั้นแต่เป็นระยะยาว ดังนั้น จึงจำเป็นต้องค้นหาเครื่องมือที่จะช่วยให้ตัวเองสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม และมีสมาธิมากขึ้น
มีเหตุมีผล ชอบวิเคราะห์ ทำงานอย่างมีขั้นตอน
คนกลุ่มนี้ช่างสังเกต ชอบคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล มีวินัย ทำงานตามขั้นตอนและแบบแผนที่วางไว้ มุ่งมั่นตั้งใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง ผลลัพธ์ต้องดีและมีประสิทธิภาพแต่ความเสี่ยงก็คือชอบทำงานทั้งวันแบบไม่มีหยุด กลัวทุกอย่างจะผิดพลาดไม่เป็นไปตามตารางที่วางไว้
แนวทางการเลี่ยงภาวะหมดไฟของกลุ่ม High C
ควรกำหนดตารางในวันทำงานใหม่ แบ่งเวลาพักให้ตัวเอง และไม่ใช่เรื่องผิดที่จะปฏิเสธสายเรียกเข้าบ้างก็คงไม่เป็นไร
รักอิสระ ไม่ชอบอยู่ในกรอบ ชอบความท้าทาย
คนกลุ่มนี้ชอบความเป็นอิสระ ระบบการทำงานไม่อยู่ในกรอบแบบแผนเดิมๆ มีความคิดเชิงวิสัยทัศน์ (Visionary Thinking) ไม่ชอบอะไรที่เอื่อยเฉื่อย ต้องการทำโปรเจคใหม่ๆ หรือขั้นตอนใหม่โดยเร็ว จนเกิดความเหนื่อยล้า เครียด และกดดัน และอาจทำให้มีจำนวนงานที่ต้องเคลียร์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่งานเดิมยังไม่เสร็จ
แนวทางการเลี่ยงภาวะหมดไฟของกลุ่ม Low C
ควรมีความอดทนต่อสิ่งต่างๆ มากขึ้น ควรจัดตารางงานในแต่ละวัน และทำงานให้เสร็จเป็นอย่างๆ จะช่วยปริมาณงานที่ค้างได้อย่างดี