โลกทั้งใบ………อยู่ในมือของคนกลุ่มเดียว……!!
เบื้องหลังแนวคิด การเงินปกครองโลก ของ ตระกูล Rothschild กับ Think Tanks
การเงินและการเมืองที่น้อยคนจะได้รู้!!
# คลิปข้างล่างยาวหน่อย เพื่อเปิดโลกทัศน์ด้านการเงินของโลก ...จะได้ทราบว่าทำไมจึงได้มีความวุ่นวายในโลกนี้ไม่หยุดหย่อน ...การเมืองของโลกเป็นธุรกิจ ?
บรรดาอภิมหานายธนาคารชาวยิวแห่งตระกูล “รอธส์ไชลด์” นี่เอง ที่ถือเป็นผู้บุกเบิกก่อตั้ง “นิคมชาวยิว” ในดินแดนปาเลสไตน์ อันได้กลายมาเป็น “ประเทศอิสราเอล” ในทุกวันนี้
โลกทั้งใบ………อยู่ในมือของคนกลุ่มเดียว……!!
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนนะคะ ว่าดิฉันไม่มีเจตนาที่จะมาสร้างกระแสให้ใครเกลียดชังใคร หรือชี้เป้าว่าใครดีไม่ดี
แต่ที่จะเล่านี้ คือส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์สากล ที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้
มันเป็นวัฏจักรของ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก...คนฉลาดน้อยย่อมเป็นเหยื่อของคนที่ฉลาดกว่า……
ถ้าไม่มีตระกูลนี้……ก็คงจะเป็นตระกูลอื่น
ฉะนั้น……อ่านไว้เพื่อประดับความรู้ และ เผื่อจะได้ระวังระไว
มีผู้อ่านส่งคำถามมามากมายเกี่ยวกับ ระบบกงสีของรอธชิลด์ รวมไปถึงการแต่งงานในหมู่
ขอตอบตรงนี้นะคะ……ว่า เรื่องของเขายิ่งกว่า เลือดข้น……คนจาง
กล่าวคือ ในปี 1812 เดือนกันยายน ก่อนที่ต้นตระกูล นาย Mayer Amschel Rothschild จะถึงแก่กรรมเพียงไม่กี่วัน เขาได้เขียนพินัยกรรมชัดเจนอันเป็นเหมือนบทบัญญัติแห่งตระกูลว่า..
1. ในทุกกิจการของครอบครัว ตำแหน่งหลักจะต้องดำเนินการโดยสายเลือด……ที่เป็นผู้ชาย ต้องไม่มีการจ้างใครให้มาทำแทน
2. การแต่งงาน ต้องแต่งในกันหมู่ญาติ เพื่อไม่ให้เงินทองรั่วไหล (ข้อนี้ ได้มีการปรับเปลี่ยน เพราะหลังๆมา ก็มาเป็นลูกผู้ดีมีตระกูล มีหน้ามีตาก็เป็นที่ยอมรับ แต่ต้องเปลี่ยนมาเป็นยิว)
3. ข้อนี้……คือ ข้อห้ามเด็ดขาด ห้ามมีการเปิดเผยถึงทรัพย์สินต่อมวลชน หรือ ศาล และถ้าใครฝ่าฝืน มันผู้นั้นจะถูกตัดออกจากตระกูล
4. ลูกหรือหลานสาว หากแต่งงานออกไป จะได้รับเพียงเงินปันผล ไม่มีสิทธิเข้ามาบริหารจัดการในธุรกิจ ถ้าใครดันทุรังเข้ามาจุ้นจ้าน มันผู้นั้นจะถูกตัดออกไป (จากกองมรดก)
ซึ่งได้ถือปฏิบัติมาอย่างเข้มแข็งจนถึงทุกวันนี้
ที่เขามี
1. Rothschild Bank of London
2. Warburg Bank of Hamburg
3. Rothschild Bank of Berlin
4. Lehman Brothers of New York
5. Lazar Brothers of Paris
6. Kuhn Loeb Bank of New York (ตอนนี้คือ Shearson American Express)
7. Israel Moses Seif of Italy
8. Goldman, Sachs of New York
9. Warburg Bank of Amsterdam
10. Chase Manhattan Bank of New York
จาก 10 ธนาคารนี้ ได้แยกย่อยไปอีกเป็นหมื่นเป็นแสนบริษัททั่วโลก
เพราะนอกจากเงิน สิ่งที่ตามมาคือ อำนาจและบารมี
อย่างเช่นสื่อ Reuters ก็เป็นของเขาเช่นกัน ซึ่งรอยเตอร์ ก็เป็นเจ้าของ AP
(The Associated Press) ซึ่งหมายถึงโทรทัศน์ช่องต่างๆก็อยู่ในกลุ่มเดียวกัน
และที่สุดของที่สุด คือ เขาควบคุม LBMA (London Bullion Market Association) คือการเป็นตัวแทนค้าทองคำ รวมไปถึงจัดทำงบดุลย์ของการจัดทำเหรียญโรงกษาปณ์ ทองคำที่ผ่านเข้าออกใน Bank of London ประมาณหมื่นล้านดอลล่าร์ต่อวัน
แต่เป็นตัวกลางซื้อมา-ขายไป พวกเขามีรายได้เป็นล้านๆดอลล่าร์ต่ออาทิตย์
ยังไม่รวมกิจการที่เกี่ยวกับน้ำมันและเชื้อเพลิง Royal Dutch Shell อีก...
นี่แค่คร่าวๆนะคะ เรามาถึงว่า ทำไมเขาถึงได้หากินอย่างสะดวกสบายในอังกฤษกันเสียจริง………
ตอบค่ะ……เพราะผู้ที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการคลังและการลงทุนให้กับสมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบธ ที่สอง ก็คือ Sir Evelyn de Rothschild
ปัจจุบันอายุ 87 ปี
นอกจากทำหน้าที่ถวายงานเกี่ยวกับการลงทุนแล้ว ท่านเซอร์ยังเป็นเจ้าของกิจการสารพัด โดยเฉพาะเรื่องสื่อสิ่งพิมพ์ เป็นเจ้าของ The Economist, Daily Telegraph และเหล่าสิ่งพิมพ์ที่แยกย่อยลงไป
และนี่คือสาเหตุหนึ่ง ที่อยากให้ผู้อ่านจับตาไว้เลยว่า
ข่าวในพระราชวังต่างๆ จะเรื่องเกาเหลาหรือไม่นั้น จะมาเขียนกันชุ่ยๆไม่ได้ ท่านเซอร์(ผู้เป็นเจ้าของสารพัดสื่อในกำมือ)ย่อมมีหน้าที่รักษาพรเกียรติยศ นอกเสียจากว่า ใครคนนั้นทรงหมดพระเมตตา ก็อาจจะส่งให้สื่อเอาไปแทะทึ้งกันเล่นตามสบาย
อย่างที่เคยเกิดกับ ซาร่า ดัชเชส ออฟ ยอร์ค หรือ โซฟี เคาน์เตส ออฟ เวสเซกซ์
ส่วนในอดีต……เส้นสายโยงใยกับอเมริกานั้น ต้องย้อนไปในอดีตเมื่อครั้งอังกฤษ อเมริกา จับมือกันค้าฝิ่นเถื่อนกับจีน
อังกฤษ คือ รอธส์ชีลในนามของ บริษัท British East India Shipping ที่ได้เสนอให้หุ้นส่วนกับกลุ่มเศรษฐีอเมริกัน ใน New England ที่มีตระกูลดังต่อไปนี้ Russell, Coolidge, Delano (ตาของ ประธานาธิบดี Franklin Delano Roosevelt ในต่อมา),
Forbes และ Perkins
กิจการของพวกเขาคือ รับฝิ่นมาจากอินเดีย ไปขายในจีน
ใหม่ก็ทำตามกฏ คือ ทีละหีบสองหีบ ต่อมาขนกันเป็นพันหีบ
พอจีนจับได้ จึงมีการยึดสินค้า และเอาโทษ
อังกฤษจึงส่งเรือพร้อมปืนใหญ่ไปถล่ม เป็นการต่อสู้ที่ยาวนาน ในที่สุดจีนก็ยอมแพ้ก็ได้มีสนธิสัญญาเทียนสิน ในปี 1858 ซึ่งคราวนี้ไม่ใช่เฉพาะการนำเข้าฝิ่นตามอำเภอใจเท่านั้น แต่ จีนได้ยกท่าเรือสินค้าทั้งหมด รวมทั้งฮ่องกงให้กับอังกฤษในนามของ British East India Shipping (ของรอธส์ชีล) ดูแล
และทำมาหากินกับฝิ่นกันเอิกเกริก
...พวกกลุ่มคนรวย ตระกูลนักการเมืองดังๆ เขามีเส้นทางร่วมกันมายาวนาน จัดว่าพูดจาประสาเดียวกัน อะไรๆก็เหมือนจะง่ายไปหมด
เรื่อง Brexit ที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของกลุ่มรอธส์ชีล เพราะว่า เป็นเหตุอุบัติแบบพลิกล็อค เพราะวันหนึ่งก่อนที่จะนับโหวต เสียงของฝ่ายที่ vote yes ยังเป็นมวยรองอยู่ไกลห่าง
แต่วันประกาศผล ปรากฏว่า ฝ่าย vote yes ชนะไปอย่างเฉียดฉิว
ท่ามกลางคงามตื่นตะลึงของนักลงทุนทั้งหลาย เพราะมันหมายถึง
การสูญเสียอะไรมากมาย……มันมากขนาดที่ ตัวพ่ออย่าง Jacob Rothschild อกกมาให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่างขัดใจว่า
“อังกฤษสมควรที่จะอยู่เป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกันกับยุโรป เพื่อวันข้างหน้าที่เราจะโตไปด้วยกัน หากแยกไปอย่างนี้ ระวังเถอะ จะพบกับความลำบาก
และยุ่งยากทางค่าของเงินที่อาจส่งผลกระทบกับเงินปอนด์”
เขาออกมาให้สัมภาษณ์แค่สองวัน คนรับลูกต่อไป คือ นายโซรอส ที่ออกมาพูดอย่างเดียวกัน เหมือนกับตอกย้ำผสมขู่
เพราะเขาเคยถล่มค่าเงินปอนด์มาแล้วในอดีต
เมื่อต้นปีนี้ เขาเสนอให้เงินสนับสนุน จำนวน สี่แสนปอนด์กับกลุ่มที่ต่อต้านการออกจากยุโรปเพื่อใช้ในการรณรงค์ เพราะอาจจะต้องมีการโหวตใหม่ เนื่องจากคราวที่แล้วยังมีข้อผิดพลาดทางกฏหมายที่ยังถกเถียงกันอยู่
ซึ่งเราจะรู้ว่า ผิดหรือไม่ผิด……ก็จะมีการพิจารณาในสภาวันสองวันนี้
รอธส์ชีลสายยุโรป……กำลังดิ้นกันเต็มที่ ใช้พละกำลังทุกอย่างที่จะยื้อให้อังกฤษอยู่ เพราะผลประโยชน์ใน EU และ การผ่องถ่ายเงินที่จะไม่สะดุดด้วยกำแพงภาษี รวมไปถึงเรื่องการสนับสนุนกลุ่มประเทศในคาบสมุทรบอลข่านที่ได้ไปลงทุนไว้
แต่มีบุรุษหนึ่ง……ที่ดิฉันอยากจะเรียกเขาว่า มหาบุรุษ……เขาคนนี้ได้ประกาศก้องหลังจากที่จ่ายเงินกู้งวดสุดท้าย (IMF) ที่รัฐบาลเก่าได้ทำไว้กับรอธส์ชีล
ว่า...ประเทศนี้ขอขับไล่………ไม่ต้อนรับเงินและกิจการของตระกูล Rothschild อีกต่อไป!!!
เขาได้เคยทำการจับกุม นาย Mikhaïl Khodorkovsky มหาเศรษฐีคนหนึ่งของรัสเซียที่เป็นหน้าม้าตัวแทนดึงเอากลุ่มทุน รอธส์ชีล และกลุ่มทุนอเมริกันเข้ามา เข้าคุกไปหลายปีในฐานะฟอกเงิน
ค่ะ………เขาคือ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งรัสเซีย ที่กล้าประกาศออกสื่อว่า
“พวกนี้ไม่ได้ครองโลก ไม่มีสิทธิที่จะใช้เงินทำอะไรตามที่อยากจะทำบนความเดือดร้อนของคนอื่น ถ้าเราไม่ลุกขึ้นสู้ เราก็จะเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างนี้ตลอดไป”
และต่อด้วยว่า……
“ชนรุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป จะเกิดมาโดยไม่มีโซ่รอธส์ชีลมาพันธนาการ คอ มือ เท้า ……นี่คือของขวัญจากเรา”
ในหลายร้อยปีที่ผ่านมา……มีปูตินเพียงคนเดียวที่กล้าท้าทายอำนาจเงิน
ที่กำลังคลุมโลก……
ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง………แต่ดิฉันขอยกให้เขาเป็นมหาบุรุษคนที่สอง รองไปจากพระองค์ผู้ที่ให้สติปัญญาในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง...!!
สหรัฐ มีระบบที่สกปรกและเป็นอันตราย คุกคามคนไปทั่วโลก เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ(สถานฑูตสหรัฐ+NED +Usaid) ร่วมมือกับ องค์กรของ SOROS และ ไซออนิสต์ของยิว ผสานกันเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ รวมหัวกันรุมขย้ำประเทศที่เป็นเหยื่อ
ประเทศอะไรเอ่ย เป็นต้นแบบของ #ประชาธิปไตยที่ปลายกระบอกปืน แอบอ้างประชาธิปไตย แต่ใช้งบทางการทหารสูงที่สุดในโลก?
ลุงตู่ สุดยอดจอมเผด็จการ - งบทหาร 6.6%
ลุงโจ บิดาแห่งประชาธิปไตย - งบทหาร 50%
#เผด็จการจงพินาศประชาธิปไตยจงเจริญ
#ผนงรจตกม #ผู้นำโง่เราจะตายกันหมด
ลุง Joe Biden สนใจนำนโยบายของ พรรคก้าวไกล - Move Forward Party "เปลี่ยนงบกองทัพที่มากเกิน ไปเป็นสวัสดิการผ้าอนามัยให้ผู้มีประจำเดือน" ไปทดลองใช้ดูบ้างไหมครับ?
เพราะงบกองทัพของลุงโจสูงที่สุดในโลก สูงยิ่งกว่างบกองทัพของประเทศมหาอำนาจ 11 ประเทศรวมกันเสียอีก แถมยังคิดเป็นงบประมาณราวครึ่งหนึ่งของงบทั้งหมดของประเทศสหรัฐอเมริกาอีกต่างหาก และนอกจากนี้ งบกองทัพสหรัฐอเมริกาของปี 2023 ก็คาดว่าน่าจะมีจำนวนมหาศาลไม่แพ้กัน สูงถึง 770 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 25.6 ล้านล้านบาท
บางทีอาจจะไม่ใช่สวัสดิการผ้าอนามัยให้ผู้มีประจำเดือนเพียงแค่ในประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น หากแต่เพียงพอสำหรับสวัสดิการผ้าอนามัยให้ผู้มีประจำเดือนทั้งหมดบนโลก ก็เป็นได้
อ้างอิง...
https://www.pgpf.org/chart-archive/0053_defense-comparison
สหรัฐแทรกแซงการเมืองไทย หวังกำจัดสถาบันและรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เพื่อเปลี่ยนไทยเป็นสาธารณรัฐ
หวังประโยชน์ในการควบคุมผลประโยชน์ในไทย ควบคุมการเมืองไทย และเอาไทยเป็นฐานทัพต่อสู้กับจีน-รัสเซีย
#มันคือลัทธิล่าอาณานิคมแบบนีโอ
– ปลุกปั่นขบวนการคลั่งประชาธิปไตย อันมีจุดมุ่งหมายในการทำลายเอกภาพในการตัดสินใจทางด้านนโยบายการต่างประเทศ เศรษฐกิจ และพันธมิตรทางการทหาร การคลั่งประชาธิปไตยที่มีการสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างลับๆ โดยมีวัถุประสงค์แอบแฝง.....
-การประท้วงมีเป้าหมายอย่างเปิดเผยการต่อต้านรัฐบาล ทหารและสถาบันกษัตริย์ คล้ายกับเหตุการณ์ความไม่สงบที่สหรัฐฯ หนุนหลังการประท้วงในฮ่องกงเมื่อไม่นานมานี้
สหรัฐ ต้องการสร้างกองทัพในไทย ปิดล้อมจีน จึงส่งเสริมคนขายชาติ ที่สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตนแบบทักษิณ
Prachatai NED Funding
ใครให้ทุนกลุ่มล้มเจ้าในไทย? :
โดย ปราชญ์ สามสี
การเดินเกม แทรกแซงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนการรวมตัว อาเซียน โดยเฉพาะ ประเทศไทยของสหรัฐ กำลังรุนแรงขึ้นและต่อเนื่องมาหลายปี โดยการสนับสนุนเงิน ทุนให้ NGO และนักวิชาการให้กลับหลังหันทำลายประเทศของตนเองซึ่งเป็นหัวใจของอาเซียน นั่นเองจากการออกข่าวของ tony cartalucci นักวิชาการด้าน ตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ที่ได้นำเสนอข่าว เกี่ยวกับเงินทุน”ฟรีดอมเฮ้าส์ และกองทุนเพื่อประชาธิปไตย”ของสหรัฐฯ กับแนวทางการสนับสนุนเงินทุน ให้กับการเคลื่อนไหวใน ประเทศไทย เพื่อลดทอน ความมั่นคงของชนชาติตนเอง โดยเฉพาะกลุ่ม ขบวนการ นิติราษฏร์ ที่เคยต่อสู้เพื่อการแก้กฏหมายในหมวดความมั่นคง อย่าง ป.อาญา มาตรา112 ที่เกี่ยวกับการอาฆาตมาดร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยโดยมีนัยยะแอบแฝงทางการเมือง โดยสนับสนุนการเคลื่อนไหวของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ผู้ที่อยู่นอกประเทศ เพื่อเลี่ยงการจับกุมในคดี คอร์รัปชั่น …”
ยังมีข้อสังเกต และต้องตั้งคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร กับ อดีตประธานาธิบดี จอร์จ บุชและ นาย จอร์จ โซรอส (อดีตสมาชิกในคณะกรรมการของCouncil on Foreign Relationsและ เป็นผู้ก่อตั้ง Open Society Institute)ซึ่งอาจจะเป็นความเชื่อมโยงกันทางการเมือง และเงินทุนที่ไม่มีวันหมด ของ อดีตนายกฯ ของ ทักษิณ ชินวัตร ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้กับสหรัฐอเมริกาทั้งนี้ จากติดตามข้อมูลข่าว แหล่งข่าวต่างประเทศบางแห่งระบุว่า ฟรีดอมเฮ้าส์ – Open Society Institute และ องค์กรส่งเสริมประชาธิปไตยแห่งชาติ “National Endowment for Democracy” (NED) ได้มีการ สนับสนุน กลุ่มนักวิชาการที่รวมตัวอย่างชั่วคราว ในชื่อ”นิติราษฏร” – เว็บไซต์ ประชาไท และ นักกิจกรรมเยาวชนต่างๆที่เกี่ยวข้อง โดยใช้กลุ่มเงินทุน โดยกล่าวอ้างว่า สนับสนุนสิทธิมนุษยชน และ สนับสนุนประชาธิปไตย แต่แท้จริงแล้ว กลับนำไปสนับสนุน ช่วยเหลือ ทักษิณ ชินวัตร และ สนับสนุนในการลดทอนอำนาจเก่าที่เป็นศูนย์รวมความศรัทธาของประเทศไทย
http://altthainews.blogspot.com/2013/12/us-funded-pro-democracy-propagandists.html
แต่ในข้อมูลเหล่านั้นก็ไม่สามารถ ตั้งสมมุติฐานได้ว่า ทักษิณ ชินวัตร เป็น ทาสของ สหรัฐแต่อย่างใด แต่ดูเหมือนว่าเป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทน ระหว่าง สหรัฐและ อดีต นายก ทักษิณ ชินวัตร เกี่ยวกับ การแทรกแซงความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจของ “อาเซียนทั้ง10ประเทศ” ที่กำลังจะกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งเปรียบเสมือน สนามหลังบ้านของประเทศจีน ตามแนวทางของ เฮนรี คิสซินเจอร์ อดีต ที่ปรึกษาความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา (NSA) ปี พ.ศ. 2516ที่กล่าวว่า…
“ผู้ควบคุมการผลิตอาหารก็ควบคุมประชาชนได้ ผู้ควบคุมพลังงานก็สามารถควบคุมทวีปต่างๆได้ทั้งหมด ผู้ควบคุมกระแสเงินตราได้สามารถควบคุมโลกได้”
แนวคิดการบริหารการจัดการและ ควบคุมโลก เพื่อความมั่นคงของสหรัฐ โดย “ผู้นำกลุ่มทุน”
ทั้งนี้ ตั้งแต่ คณะคสช.ในการนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งกระทำการยึดอำนาจจาก รัฐบาลของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นน้องสาวของ อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ผู้พลัดถิ่นนอกประเทศเพื่อเลี่ยงคดีคอร์รัปชั่น แนวทางการเคลื่อนไหว ของผู้สนับสนุน ทักษิณ ชินวัตร มีท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนเพราะ ล่าสุด มีการฟอร์มทีมใหม่ ซึ่งสามารถเรียกได้ว่าเป็น “เหล้าเก่าในขวดใบใหม่” ดึงขบวนการกลุ่มอดีตนักการเมืองไกล้ตัวทักษิณ ชินวัตร และ นักวิชาการ สายการเมืองที่ต่อต้านอำนาจเก่าที่เหลือรอดออกนอกประเทศ สำเร็จ มารวมตัวกับ กลุ่ม “ผีโม่แป้ง” ในต่างประเทศ (มีอยู่หลากหลายคน เช่น อดีต แกนนำ แดงสยามที่เคลื่อนไหวใน อังกฤษ – อดีตผู้นำกลุ่มมดแดงล้มช้าง ซึ่งลี้ภัยไปเคลื่อนไหวในประเทศเยอรมัน – อดีตแกนนำกลุ่ม “คนเคยรักเจ้า”ที่เคลื่อนไหวในประเทศสวีเดน และ ดูไบ – กลุ่มนักเคลื่อนไหวต้านสถาบันเบื้องสูงของไทยในสหรัฐ และ ออสเตเลียเป็นต้น) ซึ่งทั้งหมด ล้วน เป็น NGOs ที่ไกล้ชิดกับ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งสิ้น มารวมตัว จัดตั้งแนวรบใหม่ ชื่อ “องค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษย์ชน” ซึ่งอ้างอิงมาจากแนวคิดของ ขบวนการเสรีไทยของ ปรีดี พนมยงค์ ซึ่งได้การสนับสนุนโดยสหรัฐมาตลอดนั้นเอง ทั้งนี้ บางส่วนของกลุ่มขบวนการฯ ก็ จัดตั้ง “ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษย์ชน” ซึ่งได้การสนับสนุนจากทักษิณโดยตรง โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ สหรัฐอเมริกา เพื่อชงเรื่อง “ความสั่นคลอนทางประชาธิปไตยและการริดรอนสิทธิในการประท้วง คสช.” ให้ HUMAN RIGHT WATCH และส่งลูกให้ นักล๊อบบี้ยิสต์ ชงประชาคมโลก ดำเนินการ กดดัน ประเทศไทย ซึ่ง ตรงกับ ท่าทีของสหรัฐ และท่านทูตที่ออกมากดดัน คว่ำบาตรไทย ทำให้ มิตรภาพ กว่า180ปี ระหว่างไทยและสหรัฐ อาจจะร้าวลึกถึงขั้นแตกหักได้แนวทางกลยุทธ์ ล๊อบบี้โลกโดยใช้ กลุ่ม”นักวิชาการ” เขียนประวัติศาสตร์ที่ ไม่ตรงกับความจริง ดูเหมือนว่ากำลังทยอยเริ่มขึ้น เพื่อเปิด”ทางด่วน” ให้ โลกตะวันตกที่กำลังพบกับสภาวะ ขาดแคลนอาหาร ได้เข้าแทรกแซง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อุดมสมบูรณ์ทั้งอาหารและพลังงานวัตถุดิบเพื่อระงับการเจริญเติบโตของจีนที่มีมิตรภาพอันดีกับประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทยที่เป็นหัวใจของอาเซียนในทางเศรษฐกิจ และประเทศไทยก็มีศูนย์กลางทางจิตใจของคนไทยที่มั่นคงอย่างสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกจึงไม่น่าแปลกใจ ถ้าจะมีใครเลือกจะโจมตีใส่ร้ายสถาบันเบื้องสูง เพียงเพื่อต้องการเปลี่ยนจิตใจประชาชน แทรกแซงอำนาจ เพื่อแก่งแย่งผลประโยชน์ในประเทศไทย ตาม นโยบายทางการทหาร ที่ว่า “Divide and Rule แบ่งแยกแล้วปกครอง”ต่อจากนี้จะเป็นสมมุติฐานที่น่าสนใจที่ว่า กองทุนเพื่อประชาธิปไตยของสหรัฐฯ (NED), ฟรีดอมเฮาส์ และ Open Society Institute ที่มีเบื้องลึกเบื้องหลัง กับ CIA และ พ่อมดการเงิน จะมีส่วนของการ สนับสนุนเงินทุน ให้ ทักษิณ ชินวัตร, กลุ่มขบวนการ เสรีไทย และ ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน เพื่อปลุกระดมคนไทยให้กระด้างกระเดื่องต่อรัฐบาลไทยในปัจจุบัน เกิดขึ้นจริงได้หรือไม่?!————-
ปราชญ์ สามสี
อ่านใครให้ทุนกลุ่มล้มเจ้าในไทย โดย ปราชญ์สามสี
https://m.facebook.com/nt/screen/?params=%7B%22note_id%22%3A258192882247062%7D&path=%2Fnotes%2Fnote%2F&refsrc=deprecated&_rdr
Who controls the food supplies; controls the people
who control the energy; can control whole continents
who control the money; can control the world.
Henry Kissinger, 1973
สหรัฐยืมมือองค์กรที่เหมือนจะเป็นอิสระเพื่อที่จะแทรกแซงกิจการภายในของประเทศต่างๆ แล้วเปลี่ยนรัฐบาลให้ตอบสนองผลประโยชน์ของสหรัฐ
กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ก็คือ National Endowment for Democracy (NED) เป็นองค์กรกึ่งภาครัฐที่ได้รับเงินสนับสนุนจากสภาคองเกรส...เพื่อนำเงินนั้นไปสนับสนุนองค์กรเอกเช่นเช่น เอ็นจีโอ ที่ทำงานด้านประชาธิปไตยในประเทศต่างๆ
"กลุ่มนี้มอบเงินบริจาคให้กับอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่อย่างการส่งเสริมประชาธิปไตยทั่วโลก และกองทุนนี้ยังรับประกันด้วยว่าเงินบริจาคที่ให้ไปจะไปถึงมือองค์กรที่ทรงอิทธิพลที่เป็นตัวแทนภาคธุรกิจ แรงงาน และนักการเมือง ทุกๆ คนมีส่วนกับผลประโยชน์นี้ หากมีใครคัดค้าน คนๆ นั้นจะถูกเตือนให้ระลึกถึงอุดมการณ์อันสูงส่งของกองทุนนี้"
ความจริงคือ เป็นองค์กรที่ชูธงประชาธิปไตย
ที่ฉากหน้านั้นพวกเขาอาจเรียกร้อง
ประชาธิปไตยก็จริง
แต่ในฉากหลังอาจเป็นกลุ่มผลประโยชน์
ที่หลบอยู่หลังคำว่า ประชาธิปไตย
สังกัดกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ หรือ CIA ภาคพลเรือน เพื่อภารกิจแทรกแซงการเมือง และสังคมในไทย เพื่อการควบคุม จัดการผลประโยชน์ต่างๆ ในประเทศของเรา
Think Tanks
Think-tanks ที่ควบคุมนโยบายของทั้งโลก สร้างนโยบายสมคบคิด ...ที่กำลังใช้ไทยเป็นเหยื่อ หลักๆ คือ NED+Open Society Foundations
สหรัฐคบไม่ได้
สหรัฐ มีระบบที่สกปรกและเป็นอันตราย คุกคามคนไปทั่วโลก เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
ไทยถูกคุกคามด้วยสงครามยุคใหม่ ทั้ง
1)สงครามอสมมาตร (Asymmetric Warfare)
เช่น การก่อความรุนแรงช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553
2)สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงครามทุน และ
3)สงครามไซเบอร์ สงครามทั้งสามนี้มีศูนย์กลางอยู่ที่สหรัฐ แต่มีสนามรบอยู่ทั่วโลก
ในไทย สหรัฐต้องการใช้สนามบินอู่ตะเภาเป็น Global Transpark
ตอบสนองยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคนี้
โดยเฉพาะการต่อต้าน จีน-รัสเซีย
สหรัฐ มีรายได้หลักจาก ปิโตรเลียม และค้าอาวุธสงคราม นอกจากนั้น สหรัฐยังต้องการเป็นแหล่งใหญ่ในการผลิตวัคซีน โดยโฆษณาชวนเชื่อ ว่า วัคซีน ไฟเซอร์ และโมเดนนาของตน เป็นวัคซีนเทพ และด้อยค่าวัคซีนจีน
วิธีปล้น บ่อน้ำมันของชาติแและทรัพยากรของชาติอื่น โดยการยุยงให้เกิดสงครามกลางเมือง ภายในประเทศนั้น โดยให้เงินสนับสนุนแก่พวกที่อ้างตนว่าเป็นประชาธิปไตยเข้าต่อสู้กับรัฐบาลในขณะนั้น
วลาดิเมียร์ ปูตินไม่ใช่เผด็จการ:
ถ้าวลาดิเมียร์ ปูตินเป็นเผด็จการตามคำนิยามของโจ ไบเดน
ประธานาธิบดีอเมริกาหลายคนที่ผ่านมาคือบิดาแห่งเผด็จการของแท้ ที่ส่งทหารไปรุกรานอิรัก
ลิเบีย ซีเรีย อาฟกานิสถาน เยเมน โคโซโวและประเทศอาฟริกาหลายประเทศ สังหารประชาชนหลายสิบล้านคนมาแล้ว
ไม่เพียงเท่านั้น ยังสร้างกลุ่มก่อการร้ายมูจาฮีดิน อัลกออิดะห์ ไอสิส ฯลฯ เพื่อป่วนประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลาง อเมริกาเป็นยิ่งกว่าเผด็จการเสียอีก
เหตุการณ์ในยูเครนก็เป็นผลของการวางแผนขยายอิทธิพลของนาโต้ที่รัฐบาลอเมริกาบงการทั้งนั้น
ถ้าพร้อมแล้ว เจอกับรัสเซียตัวต่อตัวสิครับ ไม่ต้องไปยุให้ประเทศอื่นรบแทน
---------------------------------------------------
“ปูตินคิดว่าชาติตะวันตกและนาโตจะไม่ทำอะไรกับเรื่องยูเครน เขาคิดว่าจะทำให้เราแตกแยกกันภายในได้ แต่เขาคิดผิด เราพร้อมแล้ว”
ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
เมื่อคนไม่เท่ากัน คนที่ระเบิดโรงพยาบาล
คนนึงจึงต้องเป็นอาชญากร
ส่วนอีกคนเป็นเจ้าของโนเบลสันติภาพ
.
อ้างอิงจาก :
- นาโตยอมรับสหรัฐฯ “ทิ้งบอมบ์พลาด” ถูกโรงพยาบาลใน “กุนดุซ” หมอไร้พรมแดนดับ 3 ศพ
https://m.mgronline.com/Around/detail/9580000111226
.
- สหรัฐฯ สุดโหด “เพนตากอน” ยอมรับ “เล็งมิสไซล์ใส่รพ.หมอไร้พรมแดนจริง” หลังโอบามาออกคำสั่งให้ทหารอเมริกัน 5,500 นายอยู่อัฟกานิสถานยาว
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx...
.
- สหรัฐ แจง เหตุทิ้งระเบิดถล่มโรงพยาบาลอัฟกาฯไม่ถือเป็นอาชญากรรมสงคราม!!
http://www.tnews.co.th/contents/187777
.
- คุก 100 ปี "วัฒนา" อดีตวิศวะกฟผ. วางระเบิดป่วนกรุง
http://www.komchadluek.net/news/regional/309837
สรุป สหรัฐและชาติตะวันตก เอายูเครนเป็นแหล่งสร้าง อาวุธชีวภาพ"โควิด " และเป็นฐานยิ่งขีปนาวุธใส่รัสเซีย ... สหรัฐและชาติตะวันตก รุมรังแก และใส่ร้าย รัสเซียและจีน มาโดยตลอด ผ่านสื่อ ตะวันตก
#อุทาหรณ์!! เสรีภาพที่มาพร้อมกับความโง่เขลา"
...ชัย ราชวัตร ยกบทความ นศ.ลิเบียถูกอเมริกาชักใยก่อม็อบร่วมโค่นผู้นำจนทำให้ต้องประเทศพัง!!
....นายสมชัย กตัญญุตานันท์ หรือ ชัย ราชวัตร การ์ตูนนิสต์ชื่อดังได้โพสต์บทความลงในเฟซบุ๊กโดยเป็นการหยิบเอาบทความเกี่ยวกับเรื่องลิเบีย และเสรีภาพ นำมาให้สังคมการเคลื่อนไหวในประเทศไทยได้เห็นเป็นตัวอย่างว่า..ประชาธิปไตยที่บางคนโหยหา…. ตัวอย่างที่น่าคิด…….
.....ประเทศลิเบีย เสรีภาพที่มาพร้อมกับความโง่เขลา….ลิเบีย เป็นประเทศหลายชนเผ่า เป็นประเทศล้าหลัง ยากจน ถึงจะมีน้ำมันเยอะ แต่ชาติตะวันตกก็เป็นเจ้าของสัมปทาน ได้ประโยชน์ส่วนใหญ่ไป เหลือทิ้งไว้ให้คนในลิเบียนิดเดียว
....กัดดาฟี่ทำการรัฐประหาร แล้วทำการยึดสัมปทานน้ำมันจากชาติตะวันตก เอาน้ำมันเข้ารัฐ ส่งผลให้ลิเบียร่ำรวยมากขึ้น กัดดาฟี่ จึงนำเอาเงินที่ได้มาให้สวัสดิการประชาชนอย่างเต็มที่ทุกคนเรียนฟรี รักษาฟรี มีเงินสนับสนุนให้ ไม่ว่าจะแต่งงานหรือมีลูกและสวัสดิการอื่นๆอีกมากมาย รัฐมีเงินให้ จะสร้างบ้าน จะส่งลูกไปเรียนเมืองนอก รัฐให้ฟรีหมด …..
.....เกษตรกรไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำ แม้จะเป็นทะเลทราย แต่กัดดาฟี่จัดหาน้ำ และทำท่อส่งน้ำใต้ดินถึงที่ดินทุกแปลงจนประชากรลิเบียมีมาตรฐานคุณภาพชีวิตที่ดีมาก และสูงขึ้นเป็นอันดับต้นๆของโลก… กลุ่มชนเผ่าในประเทศก็เลิกตีกัน เพราะกัดดาฟี ได้จัดการแบ่งผลประโยชน์จากน้ำมันให้อย่างทั่วถึง ….มีความเป็นอยู่อย่างดีมาตลอดหลายสิบปี…..
....ถึงประชาชนจะสุขสบาย แต่ก็เริ่มเบื่อกับการปกครองของกัดดาฟี่ มหาอำนาจตะวันตก สหรัฐ กับอังกฤษ เห็นว่าคนลิเบียเริ่มเบื่อกับการปกครองของกัดดาฟี่ จึงได้โอกาสจัดอาหรับสปริง
....โดยจัดให้นักศึกษาชาวลิเบียที่ไปเรียนต่างประเทศมา…. มาเป็นแกนนำในการเรียกร้องเสรีภาพ โดยมีอเมริกาและอังกฤษเป็นอีแอบสนับสนุนอยู่ข้างหลัง เกิดม๊อบเกิดจลาจลทั่วประเทศ….. กลุ่มทหารกลุ่มหนึ่งฉวยโอกาสหักหลังกัดดาฟี่ เป็นกบฏต่อรัฐบาล สู้รบกับรัฐบาล ผลสุดท้ายฝ่ายทหารกบฏกับกลุ่มประชาชน นักศึกษาที่เรียกร้องเสรีภาพชนะฝ่ายกัดดาฟี่ ….กัดดาฟี่ตาย
.....มีข่าวว่านางฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ถึงกับบินไปดูศพของกัดดาฟี่ด้วยตัวเอง พร้อมกับพูดด้วยความสะใจว่า…. ฉันมา ฉันรู้ ฉันเห็นมันตาย …..
.....กัดดาฟี่ตาย ไม่มีผู้นำที่เป็นคนยึดเหนี่ยวกลุ่มชนไว้ด้วยกัน… กลุ่มชนเผ่าในประเทศแต่ละฝ่ายก็ตั้งตัวเป็นใหญ่ แย่งชิงอำนาจกัน ….เกิดสงครามรบพุ่งกันภายในประเทศตลอดเวลา ….ทีนี้ประชาชนก็อยู่ไม่ได้ ต่างอพยพหนีภัยสงครามกันจ้าละหวั่น ….
....ประชากรเกือบหนึ่งในสามของประเทศ ต้องอพยพหนีภัยสงครามไปต่างประเทศ ส่วนคนที่เหลือในประเทศ ก็ต้องประสบชะตากรรม บ้านแตกสาแหรกขาด อดอยาก หิวโหย วันๆ หลบแต่กระสุนและลูกระเบิด…. ผู้ชายถูกเกณฑ์ไปรบ ผู้หญิงถูกบังคับให้บริการทางเพศ ….มีข่าวว่าถูกจับไปขายเป็นทาสทั้งหญิงและชายอย่างลับๆในประเทศเพื่อนบ้าน
....ลิเบียจากประเทศที่สงบสุข ประชาชนร่ำรวย มีความสุข ปานอยู่สวรรค์ เพียงพริบตาเดียวที่กัดดาฟีตาย ……ก็กลายเป็นเหมือนตกนรกทั้งเป็น จะโทษใครเล่า ก็ต้องโทษความโง่เขลาเบาปัญญาของตัวเองที่หลงกลชาติมหาอำนาจ
....ผ่านมาจะสิบปีแล้ว นรกในลิเบียก็ยังดำเนินต่อไป และไม่มีท่าว่าจะสิ้นสุด แถมดูแล้ว ประเทศลิเบียก็คงจะไม่มีต่อไป คงสิ้นชาติ สิ้นแผ่นดินเป็นแน่แท้
.....โอ้อนิจจา…เสรีภาพที่มาพร้อมกับความโง่เขลา ประชาชนถูกปั่นหัวว่า…มันหอมหวนแสนหวานปานน้ำผึ้งนั้นมีเฉพาะในฝัน ….แต่บางครั้งมันคือน้ำกรดที่รดลงทำลายประเทศจนสิ้นทรากในพริบตา..มันคือความเป็นจริง
.....ขออย่าให้ประเทศไทยต้องเป็นอย่างประเทศลิเบียเลย..ถ้าท่านเห็นว่าบทความนี้ควรจะเผยแพร่ไปยังผู้ที่กำลังคิดจะทำให้ประเทศไทยเป็นอย่างประเทศลิเบีย..ขอโปรดแชร์บทความนี้ต่อไปยังเพื่อนของท่านด้วย…
#เรารักประเทศไทย
Cr : ชัย ราชวัตร
เพื่อใช้ไทยเป็น ฐานทัพ ทำสงครามกับ จีน-รัสเซีย
#มันคือลัทธิล่าอาณานิคมแบบนีโอ – ปลุกปั่นขบวนการคลั่งประชาธิปไตย อันมีจุดมุ่งหมายในการทำลายเอกภาพในการตัดสินใจทางด้านนโยบายการต่างประเทศ เศรษฐกิจ และพันธมิตรทางการทหาร การคลั่งประชาธิปไตยที่ซุกซ่อนด้วยการสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างลับๆ โดยมีวัถุประสงค์แอบแฝง.....
-การประท้วงมีเป้าหมายอย่างเปิดเผยการต่อต้านรัฐบาล ทหารและสถาบันกษัตริย์ คล้ายกับเหตุการณ์ความไม่สงบที่สหรัฐฯ หนุนหลังการประท้วงในฮ่องกงเมื่อไม่นานมานี้
Why is the US Funding Protesters to Attack Thailand's Military and Monarchy?
โดยTony Cartalucci - Lวันที่ 5 สิงหาคม 2563
วอชิงตันมองว่า ประเทศไทยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีความใกล้ชิดกับจีนมากเกินไป สหรัฐอเมริกา จึงเข้าทำการแทรกแซง โดยพยายามเปลี่ยนระบอบการปกครอง จนเกิดเป็นปรากฏการณ์ การประท้วง อย่างชัดเจน บนท้องถนนของประเทศไทยในขณะนี้
การประท้วงมีเป้าหมายอย่างเปิดเผย เพื่อทำการต่อต้านรัฐบาล ทหารและสถาบันกษัตริย์ ...มีพฤติกรรม คล้ายกับเหตุการณ์ความไม่สงบที่สหรัฐฯ หนุนหลังการประท้วงในฮ่องกงเมื่อไม่นานมานี้
#มันคือลัทธิล่าอาณานิคมแบบนีโอ( neo-colonialism ) –คือ ขบวนการการปลุกปั่น ให้เกิดการคลั่งประชาธิปไตย ที่มีจุดมุ่งหมาย เพื่อการทำลายเอกภาพในการตัดสินใจของรัฐบาลไทย ...ในด้าน นโยบายการต่างประเทศ, เศรษฐกิจ, และพันธมิตรทางการทหาร... โดยสหรัฐเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างลับๆ
แม้ผู้ประท้วงจะไม่ระบุเป้าหมายที่ชัดเจน แต่เป้าหมายที่แท้จริงของ สหรัฐฯ ในการหนุนหลังผู้ประท้วงในไทยให้สร้างความวุ่นวาย นี้ จะคล้ายกับที่สหรัฐ ได้หนุนผู้ประท้วงในฮ่องกง ให้สร้างความวุ่นวาย – เพื่อกดดันปักกิ่ง, โจมตีเสถียรภาพของจีน. ทำลายเสถียรภาพของประเทศคู่ค้า. รวมทั้งพันธมิตรทางการทหารซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย
ในปัจจุบันประเทศไทย มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองในอาเซียน และยังได้เพิ่มความสัมพันธ์กับจีนอย่างมีนัยสำคัญช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยจีนเป็นหุ้นส่วนกับไทยในการส่งออก การนำเข้าสินค้าหลักของไทย โดยให้การลงทุนโดยตรง
จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเป็นส่วนใหญ่ในไทยช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนสนับสนุนการปรับปรุงกองทัพไทยให้ทันสมัย รวมทั้งในการก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ, ระบบรถไฟความเร็วสูงที่จะขยายโครงการ One Belt, One Road (OBOR) ของจีนที่จะเจาะลึกเข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ไทยยังปฏิเสธอย่างเปิดเผยหลายครั้ง ในการเข้าร่วมกับสหรัฐฯเพื่อกดดันปักกิ่งเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ เช่นทะเลจีนใต้ สหรัฐฯจึงต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในประเทศไทย อย่างชัดเจน และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการสร้างความสับสนวุ่นวายต่าง ในไทย
สื่อตะวันตกค้นหาหาความลับเบื้องหลังของผู้ให้การสนับสนุนผู้ประท้วง
สื่อตะวันตกสนุกสนาน ในการรายงานการประท้วงในไทย ด้วย"ธีมแฮร์รี่พอตเตอร์" (แต่งกายเลียนแบบ นิยาย "แฮร์รี่พอตเตอร์") ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในกรุงเทพฯเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม โดยมีนายอานนท์ เป็นแกนนำในการประท้วง และทำการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์และกองทัพของไทยอย่างเปิดเผย
นอกจากนั้น รัฐบาลสหรัฐฯ ยังได้ให้ทุนสนับสนุน - ประชาไท - ให้กล่าวถึงการประท้วงเล็กๆ ในบทความที่ว่า "การปฏิวัติจะมีมนต์ขลัง : การประท้วงใน"ธีมแฮร์รี่พอตเตอร์" ที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์" แม้ว่าการประท้วงจะมีคนไม่ถึง 100 คนก็ตาม
สิ่งที่สื่อตะวันตกและหน่วยงานที่ได้รับเงินสนับสนุนจากสหรัฐฯ ไม่ได้กล่าวถึงคือ นายอานนท์เป็นใคร? บทบาทของเขาในการเป็นผู้นำการประท้วงมีที่มาอย่างไร? ใครเป็นทุนสนับสนุนกิจกรรมของเขา? เพราะเหตุใด? โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่มีการกล่าวถึงแรงจูงใจที่แท้จริงของคนอย่างนายอานนท์ ...ในการกำหนดเป้าหมายโจมตีทางการทหารและสถาบันกษัตริย์ของไทย
เห็นได้ชัดว่าสหรัฐฯ ต้องการให้ระบอบการปกครองของไทยขึ้นอยู่กับอำนาจวอชิงตันทั้งทางการเงินและทางการเมืองอย่างสิ้นเชิง แต่ความเข้มแข็งของกองทัพและสถาบันกษัตริย์ เป็นสิ่งที่ไม่ตอบโจทย์ของวอชิงตัน
กลุ่ม: ทนายความสิทธิมนุษยชน
ศิริกาญจน์“จูน” เจริญศิริรับรางวัลจากนางเมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา
แม้จะมีการเอ่ยชื่อนายอานนท์ นำภาและผู้นำคนอื่นๆ เป็นครั้งคราว แต่สื่อตะวันตกและสื่อในพื้นที่ก็ยืนยันว่าการประท้วงเป็นแบบ "ธรรมชาติ" และ "ไร้ผู้นำ" โดยอ้างถึง"ประชาธิปไตย" และ "สิทธิมนุษยชน" มาบังหน้า เพื่อการบรรลุเป้าหมายที่คลุมเครือ แบบมีลับลมคมใน...แต่ความจริงคือ การประท้วงไม่ได้ "ไร้ผู้นำ" นายอานนท์ นำภา อย่างที่นายอานนท์กล่าวอ้าง ทั้งนี้ นายอานนท์ นำภา เป็นทนายความและสมาชิกของ Thai Lawyers for Human Rights (TLHR) ที่ได้รับการสนับสนุนตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯผ่านทาง National Endowment for Democracy (NED) ที่มีชื่อเสียงมายาวนานในการเป็นแขนขาของ(ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ) ใน"ความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศที่เป็นเหยื่อ" ไปทั่วโลก
ศิริกาญจน์“จูน” เจริญศิริ เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Thai Lawyers for Human Rights (TLHR) ซึ่งเป็นกลุ่มนักกฎหมายที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้บริการทางกฎหมายที่เป็นประโยชน์สำหรับคดีสิทธิมนุษยชนและจัดทำเอกสารเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน
เจ้าหน้าที่ TLHR มักจะมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯ และยุโรปเป็นประจำ เพื่อให้การช่วยเหลือทางกฏหมายแก่ผู้ประท้วงที่ถูกดำเนินคดีจากการละเมิดกฏหมายไทย ทั้งนี้สหรัฐยังสนับสนุน ศิริกาญจน์ อย่างเปิดเผยโดยมอบรางวัล"2018 International Women of Courage Award" จากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ
สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงเทพฯ ยังได้ยกย่อง TLHR อย่างเปิดเผยในโพสต์ของตนเองเพื่อเฉลิมฉลองรางวัล โดยกล่าวว่า:
สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงเทพฯ ภูมิใจในผลงานของ “จูน” ศิริกาญจน์ เจริญศิริ ในฐานะทนายความและผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชน และได้รับการยอมรับจากรัฐมนตรีต่างประเทศว่าเป็นผู้รับรางวัล International Women of Courage
เป็นที่ชัดเจนว่ารัฐบาลสหรัฐฯ และพันธมิตรในยุโรปได้ลงทุนมหาศาลใน TLHR และกลุ่มประท้วงต่างๆ ในประเทศไทย
ในปัจจุบัน, เป็นที่ชัดเจนว่า TLHR และกลุ่มแนวหน้าที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังนำการประท้วงในประเทศไทย โดยสื่อตะวันตกกำลังจงใจพยายามพรรณนา ทำการโฆษณาชวนเชื่อ ว่าการประท้วงดังกล่าวว่า "ไร้ผู้นำ" โดยไม่เคยถามคำถามที่ชัดเจนเกี่ยวกับร่องรอยของเส้นทางทางการเงินที่หนุนอยู่เบื้องหลังและแรงจูงใจทางการเมืองเบื้องหลัง
The Diplomat เป็นวารสารด้านนโยบายที่สนับสนุนชาติตะวันตกอย่างชัดเจน โดยร่วมมือกับวารสารและองค์กรอื่นๆ ที่ได้รับทุนสนับสนุนอย่างเปิดเผยโดยและ/หรือร่วมกับรัฐบาลต่างๆ ในตะวันตกรวมถึงรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วย
ในบทความเรื่อง "ในขณะที่การแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ-จีนเติบโตขึ้น สหรัฐจะสามารถเปลี่ยนระบอบการปกครองไทยให้กลับมาอยู่ข้างสหรัฐได้อีกหรือไม่" นักวิชาการยอมรับว่าความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเป็นแรงจูงใจเพียงพอให้วอชิงตันดำเนินการเปลี่ยนระบอบการปกครองแบบลับๆ (ในสไตล์สงครามเย็น, the Cold War ) กับ "ระบอบที่เอียง ใกล้จีนเกินไป"
17 สิงหาคม 2020:
เหตุใดสหรัฐฯ จึงต้องการถอดรัฐบาล/สถาบัน ปัจจุบันของไทยออก และต้องการให้ใครมาแทนที่...
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาผ่านการเผชิญหน้าหลายครั้ง รวมถึงในทะเลจีนใต้และผ่าน "สงครามการค้า" ที่กำลังเติบโต แต่ที่เดือดปุด ๆ มองไม่ชัดคือชุดปฏิบัติการเปลี่ยนระบอบการปกครองแบบลับๆ ที่สหรัฐฯ กำลังจัดระเบียบทั้งภายในอาณาเขตของจีนเอง และต่อต้านพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของจีนทั่วเอเชีย รวมทั้งราชอาณาจักรไทย ซึ่งมีเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีประชากรเกือบ 70 ล้านคน และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไทยได้ขยายความสัมพันธ์กับจีนผ่านข้อตกลงด้านอาวุธครั้งใหญ่ การซ้อมรบร่วม การเพิ่มขึ้นของการค้าและ การลงทุน ตลอดจนผ่านโครงการโครงสร้างพื้นฐานร่วมกันเพื่อขยายโครงการ One Belt, One Road (OBOR) ของปักกิ่งไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ประเทศไทยได้เริ่มแทนที่ฮาร์ดแวร์ทางทหารของสหรัฐฯ ที่ล้าสมัยด้วยระบบใหม่ของจีน รวมถึงรถถังหลัก VT4, รถหุ้มเกราะ, รถรบทหารราบ, เรือเดินสมุทร รวมถึงเรือดำน้ำสมัยใหม่ลำแรกของไทย ตลอดจนโครงการป้องกันร่วม เช่น เครื่องยิงขีปนาวุธนำวิถี DTI-1
จีนยังเป็นประเทศคู่ค้าส่งออกและนำเข้ารายใหญ่ที่สุดของไทย เป็นแหล่งลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุด และเป็นแหล่งนักท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนของการท่องเที่ยวมายังประเทศไทยมากกว่าจากประเทศตะวันตกทั้งหมดรวมกัน
ประเทศไทยยังเปิดเผยอย่างเปิดเผยและซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในการปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อกดดันปักกิ่งเกี่ยวกับทะเลจีนใต้ ...ประเทศไทยเองก็ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ที่จะอนุญาตให้ผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายชาวอุยกูร์เดินทางผ่านอาณาเขตของไทย และส่งพวกเขากลับประเทศจีนแทน อันเป็นผลให้เกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ในเมืองหลวงของไทยในปี 2558 โดยมุ่งเป้าไปที่นักท่องเที่ยวชาวจีน
นอกเหนือจากความสัมพันธ์ทางการทหาร เศรษฐกิจ และการเมืองที่เติบโตมากขึ้นระหว่างไทยกับจีนแล้ว ประเทศไทยกำลังร่วมกันสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเพื่อขยายโครงการริเริ่ม OBOR ของจีน...จากจีน ผ่านลาวที่อยู่ทางตอนเหนือ... ผ่านไทย... ไปจนถึงมาเลเซียและสิงคโปร์ทางใต้... ทำให้การขนย้ายทั้งผู้โดยสารและสินค้า ทำได้ในอัตราและปริมาณที่มาก อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน... บนเส้นทางบก... ทั้งไปและกลับ... จากจีน อันเป็นการยึดจุดยืนของจีนในฐานะที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาค ที่เข้ามาแทนที่สหรัฐฯที่อยู่ห่างไกล ...อย่างถาวร เนื่องจากสหรัฐไม่สามารถแข่งขันในเงื่อนไขที่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจกับจีนได้ ....สหรัฐฯ จึงทำสงครามเย็นในการโค่นล้มทางการเมืองของไทยแทน...โดยสหรัฐได้รับการสนับสนุนจากพรรคฝ่ายค้านทางการเมืองของไทย (พรรคเพื่อไทยที่นำโดยมหาเศรษฐีผู้หลบหนีคดีคือ ทักษิณ ชินวัตร และพรรคอนาคตใหม่ ที่นำโดยธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ) ในความพยายามที่จะทำลายความสัมพันธ์ไทย-จีน เพื่อให้ไทยกลับมาเชื่อฟังวอชิงตัน (สหรัฐ) อีกครั้ง
ธนาธร หากินกับสหรัฐ โดยทำตัวเป็น นายหน้า สนับสนุน ผลิตภัณท์ จากสหรัฐ และด้อยค่าผลิตภัณท์ จากจีน มาโดยตลอด เช่นต้านรถไฟไทยจีน โดยเสนอ เทคโนโลยี "รถไฟไฮเปอร์ลูบ" ของสหรัฐ แม้ว่าเทคโนโลยี นี้ ยังเป็นเพียงแค่รถไฟต้นแบบ ที่ร่างขึ้นมาคร่าวเท่านั้น... ซึ่งต่างจากรถไฟฟ้าจีนที่ทำงานได้จริง....นอกจากนั้น ธนาธรและแก๊งส์ ยังใส่ร้ายวัคซีนจีน โดยเสนอว่า วัคซีน ไฟเซอร์ของสหรัฐเป็นวัคซีนเทพ ทำให้บรรดา 3 กีบออกมาต่อต้านวัคซีนจีนกันเป็นแถว....และยังรวมหัวกับฝ่ายค้าน ในการต่อต้าน การซื้อเรือดำน้ำจีน และแสดงเจตนาที่ต้องการล้มการจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีนอีกด้วย
ความสัมพันธ์ที่เติบโตขึ้น อย่างชัดเจน ระหว่างไทยกับจีน และการเติบโตของจีนทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ทำให้สหรัฐไม่พอใจอย่างรุนแรง ...วอชิงตัน (สหรัฐ) ต้องการ ดำรงค์ คงความเป็นมหาอำนาจในเอเชียแปซิฟิกอย่างชัดเจน....สหรัฐฯ จึงได้ทำการแทรกแซง ฮ่องกง ซินเจียง และประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่นไทย พม่า เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองให้มาอยู่ข้างสหรัฐ
"วอลล์สตรีทและวอชิงตัน เท่านั้นที่จะชนะ"
เนื่องจากโอกาสทางเศรษฐกิจจำนวนมหาศาลที่จีนเสนอให้ประเทศไทยในปัจจุบัน
ทำให้ สหรัฐอเมริกาและแกนนำการประท้วงในประเทศไทย...ไม่มีทางเลือกอื่น ...นอกจาก เป้าหมายในการตัดจีนออกไปจากภูมิภาคนี้ เท่านั้น "ไม่ได้มีเป้าหมายในการสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันหรือมากกว่า ให้เกิดขึ้นในไทย แต่อย่างใด"
ดังนั้นในขณะที่ผู้ประท้วง "นักศึกษา" บ่นเรื่องเศรษฐกิจ ความจริงคือพวกเขากำลังเอามีดจ่อที่คอของอนาคตเศรษฐกิจของประเทศไทย
ความไม่มั่นคง ความไม่สงบที่ผู้ประท้วง พยายามสร้างขึ้น ล้วนส่งผลกระทบต่อประเทศ และทำลายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีน เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ของฝ่ายที่ต้องการยึดอำนาจ
บรรดา ต่างชาติ จากประเทศต่างๆ ที่สุมหัวเข้ามา ก้าวก่ายการเมืองไทย ด้วยจุดประสงค์ร้าย
เจาะลึกความเชื่อมโยง กลุ่มเคลื่อนไหวปลดแอกไทยและกลุ่มทุนต่างชาติ ที่หวังครอบงำไทย
CIA ภาคพลเรือน
เครือข่าย ที่ติดต่อกับ สถานฑูตสหรัฐ นาย Heenry Rector....ชลธิกา แจ้งเร็วและแกนนำม๊อบ 3 นิ้ว
เบื้องหลังม๊อบที่ยังมีบทบาทต่อเนื่อง คือ ชลธิชา แจ้งเร็ว, ปอ(กรกช) และ ธนพล พันธ์งาม ซึ่งล้วนเป็นก๊วนเดียวกันหมด
นายเดวิด สเตร็ตฟัสส์ กับเครือข่ายสิทธิมนุษยชนอิสาน ด้วยเงินอุดหนุนจาก NED + ไผ่ ดาวดิน แกนนำม๊อบ ทะลุฟ้า+ส. ศิวะลักษณ์ และ อาจารย์ 3 นิ้วแห่ง มหาวิทยาลัยขอนแก่น
สหรัฐ อยู่เบื้องหลัง ฮ่องกงโมเดล และม๊อบคณะราษฏร์(ม๊อบปลดแอก หรือม๊อบ 3 กีบ ในชื่อต่างๆ)
ถึงอุปทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย
ในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่เคารพกฎหมายตลอดถึงวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามและสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติเราขอบอกว่า
การที่ท่านไปเยี่ยมจำเลยในคดีอาญามาตรา 112 และให้ความเห็นใจสนใจถึงกับได้ปรึกษาหารือกับครอบครัวของจำเลยนั้น เราถือว่าท่านในฐานะตัวแทนของสหรัฐได้ใช้อิทธิพลแซกแทรงกิจการภายในของประเทศไทย
ท่านเองอยู่เมืองไทยมานานพอที่จะเข้าใจวัฒนธรรมประเพณีของไทย และ ท่านเองก็มีสายข่าวอยู่ทั่วไปรวมทั้งซีไอเอ ท่านต้องรู้ดีว่าจำเลยที่อยู่ในคุกโดยที่ศาลไม่อนุญาตให้ตัวปล่อยนั้น เป็นเพราะจำเลยเหล่านั้นได้ทำผิดกฏหมายร้ายแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายครั้งหลายหน
ท่านอย่าทำตัวเป็นคนไร้มาตรฐานหรือสองมาตรฐานเพราะในสหรัฐฯ ผู้ต้องหาเพียงแต่โทรศัพท์ไปขุ่มขู่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนถูกจับได้
เมื่อวันที่ 5 ก.พ.วันที่ 20 ก.พ. ผู้พิพากษาสั่งให้ขังจำเลยคนนั้นไว้จนกว่าจะพิจารณาคดีเสร็จ
จำเลยชาวอเมริกันคนนั้นทำผิดครั้งเดียวศาลยังสั่งขังจนพิจารณาคดีเสร็จ ที่ในเมืองไทย จำเลยทั้งหลายแสดงความอาฆาตพยาบาทมาดร้าย ดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า #ท่านดัดจริตแสดงความเห็นใจ แสดงว่าท่านเป็นคนไม่มีมาตรฐาน ผลักไสมิตรไทยให้เป็นศัตรูกับอเมริกาและหันไปคบหากับคู่แข่งของอเมริกามากขึ้น
ด้วยความไม่เคารพ
สุทิน วรรณบวร
21 มี.ค 2564
โปรดส่งต่อออกไปให้มากที่สุด เพื่อแสดงจุดยืนของไทย และแสดงความไม่พอใจที่มิตรประเทศอย่าง ‘สหรัฐอเมริกา’ส่งเสริมการลบหลู่สถาบันฯสูงสุดของประเทศไทย
เมื่อครั้งที่เกิดสงครามเผาบ้านเมือง...ในปี 2554 กำลังนาวิกโยธินของสหรัฐ เตรียมยกพลขึ้นแทรกแซง จัดการปกครองใหม่และจัดการเลือกตั้ง โดยรัฐบาลใหม่ ต้องทำตามนโยบายสหรัฐ ที่ใช้ไทยเป็นฐานทัพ ปิดล้อมจีน โดยใช้กำลังพล 100,000 คน....ฝ่ายทหารของไทยในยุคนั้น รับรู้พิษสง ตอนที่สหรัฐเทไทย..และถอนตัวกลับประเทศ โดยไม่บอกกล่าว ในสมัยสงครามเวียตนาม (สงครามอินโดจีน)....เวียตนามเข้ายึด กัมพูชา และสถาปนาแนวรบของโซเวียตเพื่อปิดล้อมจีน และมีแผนจะโจมตีไทย ด้วยกองกำลังรถถังขนาดใหญ่...แต่ไทยไหวตัวทันและไปขอร้องจีนให้ช่วย ...จีนจึงเปิดศึกชายแดนกับเวียตนาม เรียกว่า "สงครามสั่งสอนเวียดนามที่ชายแดนเวียดนามจีน" ทำให้เวียตนามต้องหันไปทำสงครากับจีนแทน
สหรัฐ สหรัฐ สหรัฐ จะล้มไทยเพื่อประโยชน์ตนเอง ต่อสู้กับจีน ขณะนี้รัฐบาลมีศึกหลายด้าน ขอให้ประชาชนผู้รักชาติ ช่วยดูแลชาติบ้านเมืองด้วยนะครับ ถ้าติดตามใกล้ชิด กองเรือรบสหรัฐ และพรรคพวก เข้ามาในทะเลจีนใต้ ขณะที่ลาว กำพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซียอยู่ข้างจีน ไทยเองก็ดำเนินนโยบายที่ค่อนข้างเป็นกลาง
สหรัฐพยายามโค่น รบ.ประยุทธ เพราะไม่เล่นด้วยกับการต่อต้านจีนและอนุญาตให้สหรัฐสร้างฐานทัพ หรือฐานยิงจรวด ของสหรัฐในประเทศไทย
การเคลื่อนไหวของนักศึกษา พวกเสื้อดำและพรรคการเมืองบางพรรค เป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติการโค่น รบ.ประยุทธ์ ในครั้งนี้
สิ่งที่อเมริกา ต้องการก็คือเปลี่ยนรัฐบาล เพื่อเอารัฐบาลที่ตัวเองสั่งการได้ขึ้นมาแทน แต่เพราะสถาบันกษัตริย์และราชวงศ์ ยังเป็นหลักของประเทศ ถ้าไม่มีก็ง่ายขึ้น
ดังนั้น ผู้ชุมนุมประท้วงจึงมุ่งโจมตีสถาบันกษัตริย์ เพื่อให้คนไทยสังคมไทย เกิดการแตกแยก จนอาจลุกลามไปเป็นสงครามกลางเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่เมกาต้องการ ที่เรียกว่า
Hybrid Warfare
1) ยุยงให้เกิดความแตกแยกในประเทศ เป้าหมาย (เชื้อชาติ ศาสนา การเมือง สถาบันพระมหากษัตริย์)
2) ทำลายสถานะทางเศรษฐกิจ ด้วยการแซงชั่น ตัด GSP กฏระเบียบทางการค้าระหว่างประเทศ ข่าวให้ร้ายของสื่อหลักอเมริกาและชาติตะวันตก
3) สนับสนุนฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลของประเทศเป้าหมาย เพื่อแสดงให้ชาวโลกเห็นว่า ฝ่ายชุมนุมได้รับการยอมรับในเวทีโลก ผ่านข่าวสื่อหลักของโลกตะวันตก, อีกทั้งให้การสนับสนุนด้านเงินทอง การข่าว คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งอาวุธ)
4) สนับสนุนการชุมนุมประท้วง การจลาจล ความรุนแรง จนถึงสงครามกลางเมือง ในประเทศเป้าหมาย เพื่อล้มล้างรัฐบาล
5) ส่งกำลังทหารเข้าประเทศเป้าหมาย
ผมวาดภาพนี้ออกแล้วตั้งแต่อเมริกาไม่ประสบความสำเร็จที่ฮ่องกง ว่าเป้าหมายต่อไปคือเมืองไทย แล้วก็เริ่มจะเห็นเป็นรูปเป็นร่างจริงๆแล้ววันนี้
ถ้าคุณรักชาติ ต้องช่วยส่งคลิปนี้ไปให้เพื่อนๆดู คนดูยิ่งเยอะยิ่งดี แล้วบอกเพื่อนส่งต่อไปด้วย ให้คนไทยทุกคนรู้ถึงความเลวระยำของอเมริกา และรู้ว่าในใจลึกๆของอเมริกาคืออะไร
*** กรุณาช่วยกันส่งต่อออกไป แชร์ออกไปให้มากที่สุด ให้คนไทยต้องสามัคคีกัน
ร่วมกันต่อสู้การรุกรานจากต่างชาติ โดยมีเป้าหมายล้มล้างสถาบันสูงสุดแล้วก็เปลี่ยนรัฐบาล โดยมีคนพร้อมที่จะขายชาติ ร่วมมือกับต่างชาติ
โปรดกรุณาแชร์ต่อออกไปให้ มากที่สุด
สหรัฐ ยึดทรัพย์ อาฟกานิสถาน อ้างว่า ไม่ต้องการให้ ตาลีบันเอาไปใช้ ...หลังจาก สหรัฐยกกองทัพออกจากอาฟกานิสถาน
ในช่วงที่สหรัฐยึดครองอาฟกานิสถาน ได้ส่งนักธรณีวิทยาเข้ามาสำรวจทรัพยากรที่นั่น และพบว่า อาฟกานิสถานเป็นแหล่งที่มีทรัพยากรมหาศาล เช่น นำ้มัน เหล็ก ทองคำ ทองแดง ลิเทียม และ rare earth จำนวนมหาศาล รวมแล้วมีราคาหลายล้านล้านเหรียญสหรัฐ ....แต่สหรัฐเข้าไปขุดไม่ได้ ในตอนนั้น ...เนื่องจาก คาลีบัน เข้าคุมพื้นที่ และลอบฆ่าตลอดเวลา แมัว่ารัฐบาลอาฟหานิสถานเดิม ได้ให้สัมปทานแก่จีน30ปี ก่อนแล้วก็ตาม แต่จีนเอง ก็เดินหน้าในการขุด ไปได้ช้ามากเพราะถูกตาลีบัน ก่อกวนเช่นกัน....สหรัฐเองทีตอนนี้มีหนี้สินมาก แม้จะยึดทรัพย์ของรัฐบาลอาฟกานิสสถานในสหรัฐไปได้ มากกว่า 3 แสนล้านบาท แต่ยังต้องการทรัพยากรเหล่านี้อยู่ ทำให้สหรัฐไปขอเจรจากับ ตาลีบัน เพื่อขอเอี่ยวผลประโยชน์ในทรัพยากรเหล่านี้ และทอดทิ้งรัฐบาลเดิมของอาฟกานิสถาน อย่างไม่ใยดี
สุดซวย... ไม่ว่า จะเป็นศัตรู หรือเป็นพันธมิตร กับสหรัฐ
เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ พูดประโยคอมตะอีกประโยคหนึ่งคือ การเป็นศัตรูกับอเมริกาเป็นเรื่องที่อันตราย แต่การเป็นพันธมิตรของอเมริกาอาจจะตายได้เหมือนกัน
ดูชะตากรรมของซัดดัม ฮุสเซนแห่งอิรัค มวมมาร์ กัดดาฟี่แห่งลิเบีย บัลซาร์อัล อาซซาดแห่งซีเรีย พวกตอลิบันแห่งอัฟกานิสถานว่าการเป็นศัตรูของอเมริกาต้องโดนถล่มจนเสียชีวิต หรือเจอภัยของสงครามแบบสาหัสสากรรจ์อย่างไรบ้าง
ส่วนซาอุดิ อาราเบียที่เป็นมิตรกับอเมริกาก็อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนกัน เพราะว่าต้องซื้ออาวุธจากสหรัฐเป็นเงินจำนวนมากทุกปีจนแทบล้มละลาย เพื่อแลกกับการคุ้มครองความมั่นคง ต้องขายน้ำมันเป็นดอลล่าร์ หรือทำตัวเป็นเสาค้ำเปโตรดอลล่าร์ ต้องดำเนินนโยบายเป็นปฏิปักษ์กับอิหร่าน หรือเป็นด่านหน้าให้อิสราเอล และสหรัฐที่เป็นศัตรูของอิหร่านอีกต่อหนึ่ง ทรัมป์ขู่ว่าถ้ากองทัพสหรัฐไม่หนุนซาอุดิ ซาอุดิจะล่มสลายภายในสองสัปดาห์
ล่าสุดสหรัฐประกาศถอนกองทัพออกจากอัฟกานิสถาน ปล่อยให้รัฐบาลอัฟกันที่เป็นมิตรกับอเมริการบกันเองกับพวกตอลิบัน ปรากฎว่ารัฐบาลอัฟกันล่มภายใน11วัน รัฐบาลอัฟกันเรียนรู้บทเรียนแพงว่าการเป็นมิตรกับอเมริกาอาจจะตายได้เหมือนกัน
สำหรับซาอุดิ การเป็นมิตรกับอเมริกาและต้องดำเนินนโยบายที่รับใช้ประโยชน์ของอเมริกาต่อเนื่องที่ยาวนานจะไม่ยั่งยืนต่อความมั่นคงของซาอุดิเอง เพราะว่าถ้าต้องเผชิญหน้ากับอิหร่านจริงๆจะเอาตัวไม่รอด แค่สงครามเยเมนยังอ๊วกอยู่เลย
คิสซิงเจอร์พูดถูกการเป็นมิตรกับอเมริกาก็ตายได้เหมือนกัน
นี่คือทฤษฎีพื้นฐานของจักรวรรดินิยมที่ "ออกหัวกูกิน ออกก้อยมึงเสีย" ซึ่งไม่ค่อยมีการเรียนการสอนกันในตำรา มีแต่ตำราหลอกเรื่องเสรีภาพ เสรีนิยมประชาธิปไตย ความเท่าเทียมกัน
ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ นาย ดูเทอร์ กล่าวเปรียบเทียบ อเมริกากับประเทศจีนไว้อย่างตรงเป้าว่า
--เมื่อท่านเลือกอเมริกา ท่านก็เลือกสงคราม หากท่านเลือกประเทศจีน ท่านก็เลือกสันติภาพ
--สินค้าสำคัญเพียงหนึ่งเดียวที่อเมริกาขายแก่ฟิลิปปินส์ ก็คือ อาวุธ ราคาแพงลีบลิ่ว อีกทั้งเป็นของเน่าๆ ที่คนอื่นทิ้งแล้ว
--สินค้าส่งออกของจีนล้วนเป็นธัญพืช โครงสร้างพื้นฐาน และสินค้าประจำวันหลากสีสัน มีแต่คนโง่และคนไร้ระดับเท่านั้นที่มองไม่เห็น
--อเมริกาชอบสร้างความเกลียดชัง ความวุ่นวาย สงคราม และการลงทุนหลอกๆ จากนั้นนำโภคทรัพย์จำนวนมหาศาลกลับอเมริกา สร้างความเกลียดชังสามารถทำให้ผู้คนสั่งซื้ออาวุธจากอเมริกาได้มากขึ้น
--อเมริกาเป็นประเทศที่ชั่วร้ายที่สุดในโลก มันจะทำให้ดอลล่าร์สหรัฐเป็นเงินตราเพียงหนึ่งเดียวที่ใช้หมุนเวียนทางสากล เพื่อคนอเมริกาจะได้เสพสุขอย่างไม่สิ้นสุด
--เพื่อดูดเงินดอลล่าร์สหรัฐกลับอเมริกาอย่างไม่ขาดสาย ดังนั้นอเมริกาจำต้องสร้างความวุ่นวาย ความขัดแย้งชนิดต่างๆ ในโลก เพื่อให้เกิดการปะทะ แล้วอเมริกาก็มีโอกาสได้ขายอาวุธ
--ในประวัติศาสตร์ 239 ปีของอเมริกา ได้ทำสงครามรวม 222 ครั้ง สองมือของพวกเขาเปรอะ เปื้อนไปด้วยเลือดสดๆ ของผู้เคราะห์ร้าย
--คนอเมริกันชอบโฆษณาเผยแพร่ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนของพวกเขาไปทั่ว แต่แท้ที่จริง อเมริกาเองนั่นแหละเป็นประเทศชั่วร้ายที่เป็นปฏิปักษ์กับมนุษยธรรม และเป็นปฏิปักษ์กับประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่รู้ว่าขีปนาวุธของพวกเขาได้ฆ่าคนในโลกนี้ตายไปเท่าไร มันเป็น “ประเทศกินคน” สมชื่อ
--จนถึงเวลานี้ ทุกคนต่างก็ทราบดีแล้วว่าเหตุใดอเมริกากับประเทศจีนจึงอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้
--อเมริกาป่าวร้องสันติภาพกับการสร้างสรรค์ ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องโกหกพกลม
--ประเทศจีนจึงเป็นประเทศที่ต้องการสร้าง “ชุมชนร่วมโชคชะตา” เป็นประเทศที่สันทัดในการยกระดับพลังรวมของประเทศ ใช้เทคโนโลยี การทหาร และพลังทางเศรษฐกิจไปพิทักษ์รักษาสันติภาพของโลก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้อเมริกาเป็นเดือดเป็นแค้น
--โลกแท้จริงแล้วควรจะสันติ เหตุใดอเมริกาจึงชอบสร้างความวุ่นวาย ประเทศจีนเพียงต้องการพัฒนาตนเองเป็นประเทศมหาอำนาจทางเทคโนโลยี ซึ่งทำให้อเมริการู้สึกไม่พอใจมาก
--ดังนั้นในการต่อสู้ระหว่างจีนกับอเมริกาในอนาคต ทางเดินของจีนคือ มีผลประโยชน์ร่วมกัน ชนะด้วยกัน ส่วนอเมริกานั้นยังคงเดินทางที่ตนชอบต่อไป
--ผมเชื่อว่า จีนมีความสามารถสร้างความเป็นธรรมและมโนธรรมของมนุษยชาติ สร้างไฮเทคโนโลยีและ สินค้าคุณภาพสูงอุทิศแก่ “ชุมชนร่วมโชคชะตาของมนุษยชาติ”
สหรัฐ เรียกค่าคุ้มครอง จาก ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ อย่างสุดโหด
มะกันถังแตกเงินหมดคลัง จีนก็ใจร้ายไม่ยอมซื้อเครื่องบินกันบ้างเหรอ
ปัจจุบัน รัฐบาลมะกันหนี้สินท่วมกว่า 1,000 ล้านล้านบาท หมดปัญญาใช้หนี้เจ้าหนี้ต่างชาติรายใหญ่ ญี่ปุ่น , จีน, รัสเซีย ฯลฯ จ่ายให้เพียงดอกเบี้ยเท่านั้น อเมริกามีหนี้รัฐบาล 120% ของ GDP และไม่มีทองคำสำรองเหลือเลย เวลาจะพิมพ์เงินใหม่ต้องละเมิดกฎนานาชาติ โดยออกเอกสาร QE รับรองประเทศตนเอง ทำมา 4 ครั้งแล้ว
ล่าสุด รัฐมนตรีคลัง มะกัน ยอมรับสารภาพว่ารัฐบาลใช้เงินจำนวนมากไปทำสงครามจนถังแตก เงินสดในคลังของรัฐบาลจะหมดลงในวันที่ 18 ต.ค.64 นี้ ยังไม่แน่ใจว่ารัฐบาลมะกันจะสามารถดำเนินการตามพันธกรณีทั้งหมดของประเทศต่อไปได้หรือไม่หลังจากวันนั้น ส่งผลให้รัฐบาลไม่สามารถชำระหนี้ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ
และยังจะกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง กระตุ้นให้อัตราดอกเบี้ยพุ่งสูงขึ้น ราคาหุ้นร่วงหนัก เกิดความปั่นป่วนทางการเงิน รัฐบาลจะไม่มีเงินสดสำหรับจ่ายให้แก่บรรดาข้าราชการ เสี่ยงที่จะต้องชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาล และเงินสำหรับผู้สูงอายุ หรือทำให้ชาวอเมริกันหลายล้านคนขาดแคลนเงินสด
และรัฐบาลมะกันออกมาโวยหนัก ที่รัฐบาลจีนสั่งไม่ให้สายการบินของจีนซื้อเครื่องบินพาณิชย์จากอเมริกา ทำให้รายได้ของมะกันหายวับไปมหาศาล แต่ฝ่ายมะกันเองก็ไม่ให้วัคซีนเชื้อตาย หรือชุดตรวจ ATK ของจีน ไปขายในอเมริกาเช่นกัน แม้ว่าพลเมืองมะกันอีก 45% กว่า 100 ล้านคน จะไม่ยอมฉีดวัคซีนเทพ และเรียกร้องฉีดวัคซีนเชื้อตายก็ตาม
😅😅😅
สงครามโรค สาเหตุมาจากไอ้กันมันเป็นหนี้รอบโลก มันจึงคิดสารเลวจะลดจำนวนประชากรที่วัยเกษียณในประเทศของมัน เพราะค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนที่จะต้องจ่ายให้คนเหล่านี้มหาศาล แต่ด้วยความทึ่มันมีสงครามการค้ากับจีน และขาดดุลทางการค้ากับจีนอย่างมหาศาลเช่นกัน มันจึงนำชื้อไวรัสไปปล่อยที่เมืองอู่ฮั่นเพื่อใส่ร้ายจีน ผลคือคนติดเชื้อไวรัสไปทั่วโลก ไอ้สารเลว.
คนไทยต้องเร่งศึกษาบทเรียนของชาติต่างๆที่ยืนหยัดในเอกราช อธิปไตย ไม่ยอมให้ต่างชาติมาชี้หน้าบงการ แม้ถูกกลั่นแกล้ง กดดัน แซงชั่นอย่างไรก็ตั้งใจร่วมต่อสู้จนถึงที่สุด
บทเรียนของอิหร่าน คิวบา เกาหลีเหนือ มาเลย์เซีย กัมพูชา เวียตนาม คิวบา เวเนซูเอร่า และอีกหลายประเทศ มีค่าควรแก่การศึกษายิ่งนัก
พวกที่ชอบกลั่นแกล้งแซงชั่นชาติต่างๆมากที่สุดคือ อเมริกาและอียู
ทว่าวันนี้โลกเปลี่บนแปลงไปแล้ว
1 มีกลุ่มประเทศg77 จำนวน134 ประเทศที่ไทยเป็นประธาน
2มีกลุ่มประเทศองค์การความความมือแห่งเซี่ยงไฮ้ที่เป็นมิตรกับไทยและจะไม่แซงชั่นเราอย่างเด็ดขาด ทั้งพร้อมร่วมมือกับไทยอย่างเต็มที่ด้วย
3กลุ่มประเทศbricsที่ร่ำรวยที่สุดของโลกและเป็นมิตรกับไทยที่ไม่มีวันแซงชั่นเราเด็ดขาด
มิตรประเทศเหล่านี้ร่ำรวยที่สุดในโลก มีประชากรถึง70%ของโลก
ผลิตผลจากคน70ล้านคนของไทบ ไม่พอขายหรอก
นักท่องเที่ยวจากมิตรประเทศเหล่านี้มากมายพอที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยก้าวไปได้ดี (ข้อเขียนนี้มันเกี่ยวเนื่องกับแก๊งค์NGO ที่เข้ามาป่วนเมืองไทยเราเลยละนะ)
เราพึงยกระดับความร่วมมือกับเพื่อนใหม่-เก่า เหล่านี้ แต่เราก็ไม่ต้องเป็นศัตรูกับใคร เพียงแต่เราไม่ยอมเป็นเมืองขึ้นใครเท่านั้น
และเราพึงเข้าใจว่าวันนี้ทั้งอเมริกาและอียูล้วนถังแตกและในทางแสนยานุภาพก็ห่างชั้นกับกลุ่มองค์การความร่วมมือแห่งเซี่งไฮ้มากแล้ว
เลิกหลงอดีตได้แล้ว
ความสัมพันธ์ระหว่าง พรรคอนาคตใหม่ ทักษิณ ชินวัตร(Tont Woodsome) และ โซรอส(อาชญากรทางการเงินระดับโลก ผู้หากินในทางมิชอบ ที่พรางตัวในคราบนักบุญ)
“นักเคลื่อนไหวในไทย” ได้รับทุนสนับสนุนจากสหรัฐและโซรอส
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ก่อตั้ง พรรคอนาคตใหม่ ยอมรับว่าเคยสนับสนุนพรรคการเมืองของทักษิณ ชินวัตร ในอดีต รวมทั้งเข้าร่วมกลุ่มคนเสื้อแดงที่ก่อความรุนแรงในปี 2553
ปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ เคยเป็นล๊อบบี้ยิสต์ ให้กับทักษิณ ชินวัตร ในการจัดชุมนุม "คนเสื้อแดง" ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมี ทนายของทักษิณ คือ โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม เข้าร่วมงานหลายครั้ง
ผู้ร่วมก่อตั้งรายอื่นๆ ของ พรรคอนาคตใหม่ ได้แก่
นัทธพร ไกรฤกษ์ (Nalutporn Krairiksh)ซึ่งทำงานให้กับ NED ของสหรัฐฯ
และสื่อประชาไทที่ได้รับทุนสนับสนุนจากโซรอส
ชำนาญ จันทร์เรือง ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง พรรคอนาคตใหม่ เคยเป็น “ประธาน” ของ Amnesty International ที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก Soros (ตามประวัติของเขาเองบนเว็บไซต์ของ พรรคอนาคตใหม่)
รังสิมันต์ โรม ได้เข้าร่วมกลุ่ม พรรคอนาคตใหม่ ด้วย
โรมเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง “กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย” และจัดการประท้วงอย่างสม่ำเสมอกับอานนท์ นำภา ที่เป็น สมาชิก TLHR ของสหรัฐฯ และ NED ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากโซรอส เช่นกัน
รวมถึง 'โบว์' มหัทธนะ ผู้ซึ่งถูกจับว่าขึ้นเตียงกับ นายวัฒนา เมืองสุข ที่เป็นสมาชิกอาวุโสของพรรคเพื่อไทยของทักษิณ ชินวัตร โดยพัวพันกับคดีทุจริตบ้านเอื้ออาทร