หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (นายปรีดี พนมยงค์) แกนนำคนสำคัญของคณะราษฏร์ แต่งงานกับนางสาว พูนศุข ณป้อมเพชร,...ท่านเป็นผู้นำคนแรกของไทย ที่มีความปรารถนาจะเป็นประธานาธิบดี ครั้งที่ทำการปฏิวัติฯ ท่านเคยใช้ถ้อยคำรุนแรง กล่าวจาบจ้วงโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์,...
ครั้งหนึ่งเคยมีโอกาสเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗
พระองค์ทรงตรัสถามว่า "ใครในคณะราษฏร์ เป็นผู้เขียนข้อความปราศรัยโจมตีเรา"?,...
> นายปรีดี มีความเป็นลูกผู้ชายพอ,... ถวายบังคมทูลว่า "ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะฯ ข้าพระพุทธเจ้าเป็น ผู้เขียนบทความเองพระพุทธเจ้าข้า" ,...
รัชกาลที่ ๗ ตรัสถามว่า "ท่านเขียนสิ่งที่ไม่เป็นความจริงเช่นนั้น กล่าวหาเราได้อย่างไร"?,...
> พระอาญามิพ้นเกล้าฯ "เมื่อทำการใหญ่ถึงขั้นปฏิวัติแล้ว ข้าพระพุทธเจ้าต้องการจะเอาชนะ จึงเขียนข้อความเช่นนั้นเพื่อปลุกปั่นประชาชนให้เชื่อถือ,...
เพราะหากว่าแพ้แล้ว หมายถึงเป็นกบฏ และต้องตายสถานเดียว จึงต้องทำทุกอย่างเพื่อจะให้ได้ชัยชนะ พระพุทธเจ้าข้า"
WOW !!!,...
และนั่นคือครั้งแรก ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗ ทรงแย้มสรวลพระโอษฐ์ได้,... ตรัสชมนายปรีดีว่า:-
"ดีมากลูกผู้ชายกล้าทำ (ชั่ว) ก็กล้ารับ"
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คุณทักษิณ ชินวัตร / มีหลายอย่างที่เหมือนนายปรีดี พนมยงค์ คือนอกจากจะเป็นคนเรียนเก่ง ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และอยากจะเป็นประธานาธิบดีแล้ว,...
สิ่งที่เหมือนอย่างไม่น่าเชื่อคือ คุณทักษิณ แต่งงาน กับนางสาว พจมาน ณป้อมเพชร,...
วันนี้คุณทักษิณ ไม่มีแผ่นดินอยู่เหมือน หลวงประดิษฐ์มนูธรรม,... มีความเป็นไปได้สูงว่า คุณทักษิณอาจจะไม่ได้กลับมาตายบนผืนแผ่นดินไทยเช่นเดียวกัน
แต่สิ่งหนึ่งที่คุณทักษิณ ไม่เหมือนกับนายปรีดีคือ "คุณทักษิณไม่เคยยอมรับความจริง"!!!,...
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ,...
เป็นบุตรชายของ พญ.สดใส เวชชาชีวะ,...ซึ่งท่านพญ.สดใส เป็นหลานตาของ "หลวงพิพิธพจการ"- (แจ่ม สูตะบุตร)
หรืออีกนัยหนึ่งคือ (หลวงพิพิธพจการ) คือทวดของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนั่นเอง,...เชื่อหรือไม่ ?,...
ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีอั้งยี่กลุ่มหนึ่งชื่อ-"คณะยี่เฮ็ง"- อยู่ที่จังหวัดจันทบุรี
สร้างความเดือดร้อน ให้คนไทยเป็นอย่างมาก,...
หัวหน้าแก๊งอั้งยี่ชื่อ-"นายง่วนเส็ง แซ่คู"- เคยถูกพิพากษาจำคุกที่จังหวัดตราด โดยหลวงพิพิธพจการ. (แจ่มสูตบุตร)เมื่อครั้งที่ท่านเป็นผู้พิพากษา,...
หลายปีต่อมาพอนายง่วนเส็ง พ้นโทษจึงย้ายมาอยู่จันทบุรี
พอรู้ข่าวว่าหลวงพิพิธพจการ มาประจำอยู่จังหวัดจันทบุรี
นายง่วนเส็งจึงส่งคนไปทำร้ายหลวงพิพิธฯ
เมื่อถูกจับอีกครั้งจึงถูกส่งตัวมาติดคุกยาวที่กรุงเทพฯ,...
* มีปรากฏหลักฐานทางจดหมายเหตุว่า,... นายง่วนเส็ง เป็นพ่อของนาย-"ซุนเซียง"-
ซึ่งอพยพย้ายครอบครัวจากจันทบุรีขึ้นไปอยู่เชียงใหม่ ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่นแล้วเปลี่ยนชื่อเป็น-"นายเลิศ ชินวัตร"-
นายเลิศ ชินวัตร, ท่านคือเตี่ยของคุณทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง !!!,...
* ใช่ครับ, ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ,... ใครทำกรรมใดย่อมได้รับผลกรรมนั้นๆ,... และใครทำบุญใด ผลบุญนั้นย่อมตอบสนองเช่นเดียวกัน !!!,...
คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ภริยา นายทักษิณ ชินวัตร กับ ดร.พิมพ์เพ็ญ ภริยา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
#########################
ท่านผู้หญิงพูนศุข ธิดา มหาอำมาตย์ตรี พระยาชัยวิชิตวิศิษฎ์ธรรมธาดา (ขำ ณ ป้อมเพชร)
คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร มารดาคุณหญิงพจมานนั้น จะอยู่ในสายข้างแม่ ของพระสมุทร คือสาย “นางทอกาวเลอ” โดย พ.ต.อ.พร้อม ซึ่งเป็นบิดาของนางพจนีย์ ได้ไปขออนุญาตใช้นามสกุล “ณ ป้อมเพชร์” จากญาติพี่น้องอันเป็นผู้สืบสกุล ณ ป้อมเพชร์ “สายตรง” ของพระสมุทรฯ
#########################
ดร.พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ มีศักดิ์เป็นหลานยายของนางอัมพา สุวรรณศร น้องสาวของท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์
นามสกุลป้อมเพชร พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ พระราชทานแก่พระสมุทรบุรานุรักษ์ ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา ว่าด้วยการพระราชทานนามสกุล ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2456 เป็นอันดับที่ 150 เขียนเป็นอักษรโรมันว่า na Pombejra พระองค์ทรงปรารภว่า บรรพบุรุษของพระสมุทรฯ เป็นคนในบ้านสมเด็จพระปฐมฯ (พระราชบิดารัชกาลที่ 1) ตั้งบ้านอยู่บริเวณป้อมเพชร์ รัชกาลที่ 1 ได้ทรงอุทิศที่บ้านส่วนใหญ่ สร้างเป็นวัดสุวรรณดาราราม ที่เหลืออยู่ให้ข้าหลวงเดิม ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ บริเวณป้อมเพชร์ต่อ ๆ กันมา
พระสมุทรฯ ต้นบรรพบุรุษฝ่ายชาย เป็นชาวจีนชื่อ “นายเหลี่ยน แซ่อึ๋ง” ฝ่ายหญิง เป็นมอญชื่อ นางทอกาวเลอ
============================================
============================================
อั้งยี่จีนง่วนเส็ง ที่จันทบุรี กับ นายเส็ง แซ่คู ที่เชียงใหม่
สิ่งอย่างหนึ่งที่เริ่มมั่วจับแพะชนแกะบนโลกของไซเบอร์เกี่ยวกับประวัติของอดีตนายกที่ชั่วที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย ที่โยงใยไปถึงจีนง่วนเส็งที่ก่อการกบฎเป็นอั้งยี่ที่จันทบุรี แล้วโยงไปถึงจีนชุนเชียงแช่คูที่อพยพไปเชียงใหม่ที่ต่อมาเป็นพ่อของนายบุญเลิศ แซ่คู หรือต่อมาเปลี่ยนชื่อนามสุกลเป็น เลิศ ชินวัตร และคนนี้คือพ่อของทักษิณชินวัตร ซึ่งผมอ่านแล้วอย่างไรก็มั่ว แต่ผมคิดว่ามั่วในฝั่งที่เขียนโดยคนตระกูลชินวัตร แต่ฝั่งที่เขียนโดยหลวงสาครคชเขตน่าจะตรงมากกว่า มาดูกันว่าผมจับสิ่งที่ดูแล้วไม่น่าเป็นจริงในไทม์ไลด์ของประวัติตระกูลอย่าไรบ้าง
สิ่งที่จะอ้างอิงในตอนนี้เกือบจะเหลือเพียงสิ่งเดียวคือหนังสือ “จดหมายเหตุความทรงจำสมัยฝรั่งเศสยึดจันทบุรี ตั้งแต่พ.ศ.2436-2447” เขียนโดย หลวงสาครคชเขต (ประทวน สาคริกานนท์) สำนักพิมพ์ศรีปัญญา ที่เขียนขึ้นมาหลังจากเหตุการณ์หลายปีได้เขียนบันทึกว่า เมื่อฝรั่งเศสเข้าไปยึดที่จังหวัดจันทบุรีระหว่าง พ.ศ.2438-2439
"อั้งยี่คณะหนึ่งมีนามสมญาว่า “งี่เฮ็ง” สำนักงานตั้งอยู่ที่ตำบลบางกะจะ อำเภอพลอยแหวน จังหวัดจันทบุรีแห่งหนึ่ง มีนายง่วนเส็ง บุตรนายเช้า (ชาติจีน) เป็นหัวหน้าสมาคมอั้งยี่"
จีนง่วนเส็งได้ทำความเดือดร้อนไปทั่วจนทั้งฝรั่งเศษและไทยต้องร่วมมือกันจับเอามาขังคุกที่กรุงเทพอยู่หลายปีซึ่งข้อความในบันทึกความทรงจำได้เขียนว่า "หัวหน้ากับพรรคพวกถูกรับพระราชอาญาจองจำกักขังไว้หลายๆ ปี ตั้งแต่นั้นมาสมาคมอั้งยี่ก็แตกหมู่แตกคณะ" ซึ่งเหตุการณ์นี้หลวงสาครคชเขตได้บันทึกว่าเกิดระหว่าง พ.ศ.2438-2439
นอกจากนั้นได้มีบันทึกต่อมาได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่จีน
ง่วนเส็ง ไปทำร้ายร่างกายผู้พิพากษาบาดเจ็บ โดยเหตุการณ์ตอนนี้เป็นช่วงที่ฝรั่งเศสมอบเมืองจันทบุรีคืนแก่สยามในพ.ศ.2447 โดยผู้พิพากษาท่านนั้นคือ
หลวงวิพิธพจนการ ได้ถูกนายง่วนเส็ง หัวหน้าอั้งยี่คณะงี่เฮ็ง ให้พรรคพวกทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ
ทั้งนี้ปรากฏว่านายง่วนเส็งมีความเจ็บแค้นหลวงวิพิธฯ
ตั้งแต่ครั้งเป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดตราดก่อนสมัยฝรั่งเศสปกครองได้ตัดสินคดีความจำคุกพวกอั้งยี่คณะของเขา
แสดงว่านายง่วนเส็งหลังจากติดคุกในกรุงเทพแล้ว
ก็ย้อนกลับไปจันทบุรีอีกครั้ง
ผมเกริ่นหลักฐานมาเสียยาวคราวนี้เรามาดูไทม์ไลน์กันบ้างนะครับจะเห็นเหตุการณ์อะไรกระจ่างขึ้น
**** อั้งยี่จีนง่วนเส็งก่อการขึ้นมาในช่วงปี 2438-2439 หลังจากนั้นก็โดนจับติดคุกกรุงเทพเป็นระยะเวลายาวหลายปี
**** อั้งยี่จีนง่วนเส็งหลังจากพ้นโทษก็ย้อนกลับมาทำร้ายผู้พิพากษาหลวงวิพิธพจนการ ในปี พ.ศ.2447 แสดงว่าติดคุกไม่ถึงสิบปี
ถ้าจะให้ผมเดาอายุของอั้งยี่จีนง่วนเส็งตอนที่ตั้งตัวเป็นหัวหน้าอั้งยี่ในช่วงปี 2438-2439 ได้น่าจะอายุไม่ต่ำกว่า 35ปี และตอนออกมาจากคุกแล้วทำร้ายผู้พิพากษาก็อายุปาเข้าไป 45 แล้ว ดังนั้นอั้งยี่จีนง่วนเส็ง น่าจะเกิดอยู่ระหว่างปี 2400-03 อะไรทำนองนี้ ที่ผมเดาอายุในช่วง 35ปีอย่างนี้เพราะกำลังห้าวเต็มที่ ไม่เด็กเกินไปที่จะเป็นผู้นำอั้งยี่ ไม่แก่เกินไปจนนำออกไปปล้นชาวบ้านไม่ไหว จะเผือเหลือเผื่อขาดก็บวกลบไม่เกินห้าปีจากที่ผมเดา
ตอนนี้เรามาเปลี่ยนหนังสือกันบ้างเป็นอีกเล่มคือหนังสือ “เผ่าพงศ์วงศาตระกูลชินวัตร”
เขียนโดย ธนวัฒน์ ทรัพย์ไพบูลย์ สำนักพิมพ์ Animate Group ได้เขียนว่า
นายเส็ง แซ่คู หรือ “คูชุนเส็ง” เป็นคนจีนแคะ อาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง
เดินทางหนีความลำบากในประเทศจีนมายังประเทศไทยเช่นเดียวกับตระกูลคนจีนอื่นๆ ในไทย โดยคาดว่านายเส็งมาถึงเมืองไทยประมาณ พ.ศ. 2403
นายเส็งขึ้นฝั่งที่อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี และประกอบอาชีพรับจ้างใช้แรงงานทั่วไป จนสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้ เขายังมีอาชีพเป็น “นายอากรบ่อนเบี้ย” คอยเก็บภาษีบ่อนพนันและภาษีสุราส่งให้ทางการ เขาแต่งงานกับหญิงไทยชื่อ “ทองดี” และมีบุตรรวมทั้งหมด 9 คน บุตรคนโตมีชื่อว่า “นายเชียง ชินวัตร” เกิดเมื่อ พ.ศ. 2434 นายเส็งย้ายจาก จ.จันทบุรีมาประกอบอาชีพค้าขายอยู่ที่ตลาดน้อย เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร เมื่อ พ.ศ. 2447 อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจย้ายถิ่นฐานไปที่ จ.เชียงใหม่ และลงหลักปักฐานที่ อ. สันกำแพง จ. เชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2453
เราเอาประวัติศาสตร์จากหนังสือสองเล่มมาขยำรวมกันดูนะครับว่ามันมีช่องว่างอะไรบ้าง
**** นายเส็ง แซ่คู ตามประวัติที่เขียนโดยข้อมูลของตระกูลชินวัตรเข้าเมืองไทยปี 2403
ตอนนั้น นายเส็ง แซ่คู น่าจะเป็นคนหนุ่มแล้ว อายุที่น่าจะเดาได้คงประมาณสัก 20ปี
หรือไม่น่าจะต่ำไปกว่านี้
**** นายเส็ง แซ่คู บุตรรวมทั้งหมด 9 คน บุตรคนโตมีชื่อว่า “นายเชียง ชินวัตร”
เกิดเมื่อ พ.ศ. 2434
ถ้าจะเดาตามอายุที่มาจากเมืองจีน นายเส็ง แซ่คู มีลูกคนแรกตอนอายุประมาณ 53ปี
อย่างนั้นหรือ
ทั้งที่มียศฐาบรรดาศักดิ์เป็นถึงนายอากรบ่อนเบี้ย... ไม่น่าจะใช่ชีวิตปกติสำหรับปกติของคนเมื่อร้อยปีก่อน
**** หลังจากนั้นนายเส็ง แซ่คู ย้ายจาก จ.จันทบุรีมาประกอบอาชีพ
ค้าขายอยู่ที่ตลาดน้อย เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร เมื่อ พ.ศ. 2447 อยู่พักหนึ่ง ....ซึ่งเวลานั้นนายเส็ง แซ่คูน่าจะอายุเกิน 65 แล้ว ก่อนจะตัดสินใจย้ายถิ่นฐานไปที่ จ.เชียงใหม่ และลงหลักปักฐานที่ อ. สันกำแพง จ. เชียงใหม่
เมื่อ พ.ศ. 2453
**** นายเชียง แซ่คู หรือ เชียง ชินวัตร
บุตรชายคนโตของนายเส็งแซ่คูติดตามพ่อมาอยู่ อ. สันกำแพง จ. เชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2453 ตอนนั้นอายุ 19 ปี ....นายเส็ง แซ่คู อายุปาเข้าไป 72 แล้ว
คนอายุขนาดนี้จะหอบลูกหอบเมียมาเริ่มชีวิตใหม่ในสถานที่ไม่เคยรู้จัก
คงน่าจะเป็นไปได้ยาก
และนายนายเส็ง แซ่คู จีนฮกเกี้ยนที่อพยบมาเมืองไทยเมื่อปี 2403 มันแก่เกินไปที่จะลงได้สนิทกับไทม์ไลน์ที่มีลูกคนโตเอาในปี พ.ศ. 2434 ในวัยใกล้หกสิบปีทั้งที่มีฐานะหน้าที่การงานการเงินระดับนายอากรบ่อนเบี้ยขนาดนั้น และย้ายเข้ามาค้าขายในกรุงเทพเอาอายุประมาณ 65 นี่ก็ผิดสังเกตุ เพราะตำแหน่งหน้าที่การงานแน่นหนาร่ำรวยขนาดนั้นแล้วจะย้ายมาค้าขายตอนแก่ในกรุงเทพทำไม และยิ่งอพยบไปเชียงใหม่เอาตอนอายุเจ็ดสิบกว่านี่มันไม่น่าจะใช่ชีวิตคนปกติที่ทำกันเลย แต่ถ้าเป็นอั้งยี่จีนง่วนเส็ง ที่อายุน้อยกว่าอีกไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีน่าจะเป็นไปได้สูงกว่าว่าจะเป็นคนเดียวกันมากกว่า นายนายเส็ง แซ่คูที่อพยบมาเมืองไทยในปี พศ.2403
=======================================================================
ตอนนี้มีปี พศ.ที่ตรงกันโดยบังเอิญอีกจุดคือ
อั้งยี่จีนง่วนเส็งหลังจากพ้นโทษก็ย้อนกลับมาทำร้าย
ผู้พิพากษาหลวงวิพิธพจนการ ในปี พ.ศ.2447
และ นายเส็ง แซ่คู ย้ายจาก จ.จันทบุรีมาประกอบอาชีพค้าขาย
อยู่ที่ตลาดน้อย เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร เมื่อ พ.ศ. 2447
มันช่างตรงกันโดยบังเอิญว่า
อั้งยี่จีนง่วนเส็งทำร้ายผู้พิพากษาและหนีมาอยู่กรุงเทพ
เพราะเคยติดคุกออกจากคุกแล้วต้องเคยอยู่กรุงเทพมาบ้าง
ทำให้มีข้อสังเกตุว่า
นายเส็ง แซ่คู กับ อั้งยี่จีนง่วนเส็ง น่าจะมีโอกาสสูงที่จะเป็นคนเดียวกัน
================================================================================
นี่เป็นความเห็นของผมหลังจากอ่านหนังสือสองเล่นนี้แล้วช่วงเวลาของเนื้อเรื่อง
มันค้านความรู้สึกจนอดเอามาเขียนให้อ่านกันไม่ได้
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------