สรุปผลงาน โดยย่อของทักษิณและพวก
ธุรกิจการเมืองของทักษิณและพวก
วิธีการขึ้นสู่อำนาจของทักษิณ
1)ใส่ร้ายฝ่ายคู่แข่ง โดยทำเป็นกระบวนการขานรับอย่างพร้อมเพรียงทั้งหัวหน้า ลูกสมุนและเครือข่าย...เช่นเอาความชั่วของตนมาป้ายสีว่าเป็นความชั่วของฝ่ายตรงข้าม
2)ทำท่าฮึดฮัด และรุมเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ที่เปิดโปงความชั่วตนเอง และข่มขู่ในรูปแบบต่างๆ เพื่ออำพรางความผิดของตนเอง โดยใช้กฏหมายมาเป็นเครื่องมือ
3)ซื้อสื่อมาเป็นพวก ในการเชิดชูภาพลักษณของตนเอง และรวมหัวในการใส่ร้ายฝ่ายตรงข้าม
4)ใช้กองกำลัง เข้าแย่งชิง เช่นก่อกบฏในปี 53 และ 7
5)ยืมมือต่างชาติมาช่วยดันอำนาจของฝ่ายตนโดยเอาผลประโยชน์ของประเทศไทยเข้าแลก (ขายชาติ)
ขั้นตอนในการทำเผด็จการรัฐสภา เพื่อครอบงำผลประโยชน์ของชาติ ด้วยผลประโยชน์ทับซ้อนของตนเองและพวก...ทำธุรกิจการเมือง
ทำเผด็จการรัฐสภา โดยใช้อำนาจบริหารของตน...ล่อให้ลูกสมุนใช้อำนาจหน้าที่การงาน เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตนเอง...จนสร้างความเสียหายมหาศาลแก่ประเทศ
เทคนิคในการหากินของทักษิณ คือ
1)ขึ้นสู่อำนาจให้ได้ เมื่อมีอำนาจก็ทำทุจริตเชิงนโยบาย โดยใช้อำนาจบริหารของตนและพวก ในการบัญชาอยู่เบื้องหลัง ในการให้ลูกสมุนออกหน้า ในการโกง... ถ้าถูกจับผิดได้เมื่อไร ก็ให้ลูกน้องติดคุกและชดใช้เงินที่โกงชาติแทนตน...นั่นทำให้ประเทศไม่มีวันได้เงินที่ทักษิณโกงไปคืนมา...เพราะลูกน้องไม่มีเงินในการชดใช้หนี้แทนให้นั่นเอง...สาเหตุนี้ทำให้ทักษิณได้ใจ และเหิมเกริมในการทำชั่วมากขึ้นทุกที
2)บิดเบือนกระบวนการยุติธรรม โดยการเอาเงินหรือตำแหน่ง ฟาดหัวคนที่มีอำนาจในการตัดสินคดี
3)ใช้สื่อทุกรูปแบบในการปล่อยข้อมูลเท็จ ใส่ร้ายฝ่ายตรงข้าม บิดเบือนความจริง เพื่อสร้างภาพและปกป้องตนเอง
4)ใช้สมุน เช่นนักการเมือง หรือพวกที่ตกเป็นทาสทางความคิด ช่วยกันบิดเบือนความจริง
ใส่ร้ายฝ่ายตรงข้าม เป็นแหล่งข่าวที่ปล่อยข้อมูลเท็จเพื่อผลประโยชน์ของทักษิณและพวก และทำลายฝ่ายตรงข้าม
ทักษิณใช้ระบบธุรกิจครอบครัวมาจัดการผลประโยชน์ในรัฐบาลแบบเบ็ดเสร็จ มี นายหญิงใหญ่ ดูแลผลประโยชน์ในทุกกระทรวงกำกับให้รัฐมนตรีต้องทำโครงการ โดยตบแต่งงบประมาณขึ้นมา ให้ครอบคลุม ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ที่ต้องหักเข้าพรรค
เปลว สีเงิน
คัมภีร์บริหารทักษิณ
๒ มิถุนายน ๒๕๖๔
คัมภีร์บริหารทักษิณ-เปลว สีเงิน
ฟังนายกฯ พูดเย็นวาน (๑ มิย.๖๔) ในสภา
“ใช้หนี้จำนำข้าวไปแล้วกว่า ๕ แสนล้าน”
ฟังแล้วสะท้อนคิด
สรรพสิ่งอธิบายได้ แต่บางสิ่งเหนืออธิบาย เช่นว่า หนี้สิน IMF “รัฐบาลพลเอกชวลิต” ก่อ
แต่คนใช้หนี้ กลับเป็นรัฐบาล “นายกฯชวน”?
หนี้สินจำนำข้าว “ยิ่งลักษณ์” ก่อ
แต่คนใช้หนี้ กลับเป็นรัฐบาล “พลเอกประยุทธ์”?
ใน “ต่างกรรม-ต่างวาระ” นั้น เกิดคำถามขึ้นว่า ทำไม คน “ใช้หนี้แทน” ทั้งสอง
ต้องโคจรมา “ร่วมกัน” ทำหน้าที่ “กอบกู้วิกฤติ” ให้ชาติบ้านเมืองด้วยกันวันนี้ ชนิดเหนือคำอธิบาย
คนหนึ่งทำหน้าที่ “ประธานรัฐสภา” อีกคนทำหน้าที่นายกฯ ที่ซีกค้านรุมชี้หน้าด่าขณะนี้ ว่าเลว,โง่, ล้มเหลว
และให้ลาออกไป!
แล้วพวกที่ด่า-ที่ไล่ มีหัวนอนปลายตีนมาจากไหน?
คำตอบคือ มาจากรัฐบาลชวลิต-รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่สร้างหนี้ทิ้งไว้ให้คนทั้ง ๒ นั่นเอง
“รัฐบาลชวลิต-ยิ่งลักษณ์” คือใคร?
คือเงาตัวตนคนชื่อ “ทักษิณ” โดยตรง!?
ทักษิณ ตอนเป็นรัฐบาล มีนโยบายบริหารงบประมาณแบบไหน-อย่างไร จึงครองใจสส.เพื่อไทยยิ่งกว่านกติดตัง!?
วันนี้ จะเผยเคล็ดลับ โดยคน “ปั้นทักษิณ” เป็นนายกฯ คือ “ท่านเสนาะ เทียนทอง” ขณะนี้ เจริญอายุ ๙๐ ปีแล้ว
ช่วงปี ๒๕๔๘ ท่าน “ผีไม่เผา-เงาไม่เหยียบ” กับทักษิณ ถ่ายทอดความรู้สึกไว้ ผ่านงานเขียน ชื่อ “จะเอาทักษิณ หรือประเทศไทย”
ในหนังสือ “รู้ทันทักษิณ ๔ ฅนวงใน The Insiders”
สำนักพิมพ์ “ขอคิดด้วยฅน” ของอาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เคยคัดบางตอนมาลงเมื่อ ปี ๖๑ ทีแล้ว แต่เรื่องราวตรงนี้ของทักษิณ “อภิมหาอมตนิรันดร์กาล” จริงๆ ฉายกี่รอบ ก็ซี๊ด
ท่านผู้เฒ่าเสนาะ เผย “คัมภีร์บริหาร” ของทักษิณพร้อมเคล็ดลับไว้เป็นฉากๆ ดังนี้
“….รู้จักพ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่ปี ๒๕๒๙ แบบผิวเผิน ตั้งแต่เป็นนายตำรวจติดตามรัฐมนตรี
พ.ต.ท.ทักษิณพยายามสร้างความสัมพันธ์กับหัวหน้าพรรคคือทำธุรกิจกับการเมือง วิ่งเต้นเข้าทางผู้ใหญ่สูงสุดของพรรค
ต่อมาผมย้ายไปเป็นเลขาธิการพรรคความหวังใหม่ พ.ต.ท.ทักษิณได้สนับสนุนปัจจัยการเมืองผ่านไปทางพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ในขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณจึงได้เข้ามาเป็นรองนายกรัฐมนตรีว่า
เมื่อก่อนเกิดวิกฤตค่าเงินบาท นายอำนวย วีรวรรณ รมว.คลังในขณะนั้นลาออก มีการคิดกันจะให้ตำแหน่งนี้กับพ.ต.ท.ทักษิณด้วยซ้ำ
ผมได้ไปทาบทามคนที่น่าเชื่อถือในสังคม โดยนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รับปากว่า จะเข้ามาช่วยเป็นรมว.คลัง ปรากฏว่า
พ.ต.ท.ทักษิณไปนำนายทนง พิทยะ ผู้บริหารธนาคารทหารไทยมารับตำแหน่งนี้แทน โดยที่ผมไม่รู้เรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณไปซุบซิบกับพล.อ.ชวลิตและนายโภคิน อดีตรมต.สำนักนายกฯ แล้วจึงมีคำสั่งแต่งตั้งนายทนง
ก่อนเงินบาทลอยตัว
ผมไม่รู้เรื่องด้วย เพราะอยู่นอกวงของพวกเขา คนที่เกี่ยวข้องกับการลดค่าเงินบาทในขณะนั้น มี ๔ คือ พล.อ.ชวลิต พ.ต.ท.ทักษิณ นายทนง และนายโภคิน
ส่วนจะรู้เห็นกันขนาดไหน ผมไม่รู้ เขาบอกว่าเขาไม่รู้อันนี้ไม่มีใบเสร็จ
แต่ถ้าถามผมว่าผลที่เกิดหลังค่าเงินบาทลอยตัวออกมาอย่างไร มันส่อชัดว่าทักษิณและบริษัทรอดวิกฤตคนเดียว
คือผลลัพธ์มันสะท้อนชัดอยู่แล้ว
การที่มีคนไปซื้อประกันความเสี่ยงเรื่องค่าเงินบาทเอาไว้มากๆ หรือไปซื้อดอลลาร์เอาไว้มากๆ ก่อนประกาศลอยค่าเงินบาท ก็เหมือนจุดไฟเผาบ้านตัวเองเพื่อเอาเงินประกัน เศรษฐกิจของชาติพังเสียหาย แต่ตัวเองรอดพ้นวิกฤตเพราะได้ประกัน
หากต้องการจะรู้ทันทักษิณ ต้องเข้าใจเสียก่อนว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนอย่างไร เพราะลักษณะเฉพาะและตัวตนของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นตัวกำหนดพฤติกรรม
การใช้อำนาจและบริหารราชการแผ่นดินของทักษิณทั้งหมดนั้น ประกอบขึ้นมาเป็นระบอบทักษิณ ซึ่งมีทั้งระบบการใช้อำนาจและการแสวงหาผลประโยชน์อยู่ร่วมกัน
พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนมีวุฒิการศึกษา แต่ขาดวุฒิภาวะการเป็นผู้นำ ไม่มีสภาวะผู้นำ โดยเฉพาะในระดับประเทศ เป็นคนไม่มีประสบการณ์ในการบริหารราชการ แม้เคยรับราชการตำรวจ ก็อยู่ไม่นาน และใช้เวลาว่างไปกับการประกอบธุรกิจ
พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักเสี่ยงโชค ขาดความรอบคอบ เคยประสบปัญหาทางธุรกิจ แลกเช็คและถูกฟ้องเช็คเด้ง นิยมบริหารธุรกิจแบบคิดไวทำไว โดยใช้การตลาดเป็นเครื่องมือ
การจดทะเบียนคนจนนั้น ผมเคยแนะนำว่า มันทำไม่ได้ ไปประกาศเฉยๆ ไม่ได้ เอามาขึ้นทะเบียนเฉยๆ คนที่เป็นหนี้สินอยู่ที่ไม่ใช่คนจนก็ไปจดทะเบียนด้วย
มันจะบานปลายไปใหญ่ พี่ไม่เห็นด้วย มองด้วยจิตสำนึกมันปฏิบัติไม่ได้ มันได้แค่โชว์ตัวเลขตอนเลือกตั้ง จากนั้นไม่มีผลจริง แต่ทักษิณตอบว่า
“โธ่…พี่เหนาะ คนตาบอดมันกลัวเสือเหรอ ถ้าเราไม่พูดแบบนี้เราจะได้เสียงเหรอ”
เขาพูดอย่างนี้ แสดงว่าไม่ได้จริงใจกับนโยบาย ประกาศไปก่อนค่อยหาวิธีการทำการตลาดทีหลัง ไปเสี่ยงเอาข้างหน้า ขอให้ได้คะแนนเสียงไว้ก่อน ไม่สนวิธีปฏิบัติราชการ
แม้แต่โครงการ SML ผมก็เตือนว่า เข้าข่ายซื้อเสียง เพราะอยู่ในภาวะเลือกตั้ง ทักษิณตอบว่า
“โธ่…อำนาจอยู่ที่เรา กกต.ก็ของเรา คนก็บอกเรา”
ล่าสุด ก่อนการเลือกตั้ง ๒ เมษายน ๒๕๔๙ มีการทำผิดกฎหมาย คือขนคนมาฟังการปราศรัยโดยจ้างมา มันผิดกฎหมายแน่นอน แต่ กกต.กลับเฉย
พ.ต.ท.ทักษิณเคยบอกรัฐมนตรีในรัฐบาลว่า “ไม่ต้องคิดอะไรมาก ขอให้ทำตามก็พอ”
หากรัฐมนตรีของ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนที่คิดมาก รอบคอบ คอยตักเตือน จะอยู่ไม่ได้เลย คนที่อยู่ได้จะต้องตอบ “เยส” อย่างเดียว
เช่น นายพินิจเคยพูดว่า “ท่านนายกฯ ผมไม่เคยเห็นใครคิดได้ดีเท่านี้เลย” หรือนายเนวิน ก็มักพูดว่า “ดีนายๆ”
ด้วยเหตุนี้ รัฐมนตรีบางคนในช่วงเทศกาลเลือกตั้ง มักมีบัตรเลือกตั้งที่พิมพ์เกินอยู่เต็มรถ จึงได้รับการฟูมฟักอย่างดี เหนียวแน่น ถูกเรียกใช้งานบ่อยๆ ในช่วงหลัง
ยิ่งกว่านั้น…..ยังมีการใช้ระบบธุรกิจครอบครัวมาจัดการผลประโยชน์ในรัฐบาลแบบเบ็ดเสร็จ
ตั้งแต่ขนคนที่เคยทำงานกับตัวเองในบริษัทแบบยกชุด วางคนของตัวเองไปในทุกกระทรวง โดยไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งที่มีอำนาจอย่างเป็นทางการ...แต่ทุกคนในกระทรวงจะรู้ดีว่า คนคนนี้ คือคนของเขา จะทำอะไรก็ต้องผ่านคนคนนี้....เรียกว่ามี ๒-๓ คน ไปดูแลผลประโยชน์ทุกกระทรวง เป็นเสมือนหลงจู๊
แล้วยังส่งคนไปยึดตำแหน่งใน กมธ.ชุดต่างๆ ของสภาผู้แทนฯ ใน ครม.ก็ไม่ต่างกัน
ทุกโครงการที่จะมีการอนุมัติ ถ้ารัฐมนตรีคนไหนเสนอเรื่องขอใช้งบกลางที่จัดสรรไว้มหาศาล ก็ต้องไปเคลียร์กับคนของเขาให้เรียบร้อยก่อน
รัฐมนตรีหลายคน จะมีคนของเขาเข้ามาบอกว่า เดี๋ยวทำงบฯ จะเอากี่พันล้าน แต่ต้องเอาเข้าพรรค ๑๐ เปอร์เซ็นต์ หมายความว่า ……จะไปทำอะไรขึ้นมาก็ได้ ไปเขียนโครงการมา
ถ้ารัฐมนตรีคนไหนทำไม่ได้ ก็อยู่ไม่ได้ เวลาทำโครงการก็ต้องจ้างที่ปรึกษาที่เป็นคนของตัวเอง
แล้วใช้วิธีที่เก่งที่สุด คือ ยกเว้นระเบียบพิเศษ ยิ่งใช้วิธีขีดเส้นตาย ว่าต้องเสร็จวันนั้น-วันนี้
เหมือนกรณี “สนามบินสุวรรณภูมิ” เพื่อจะได้ใช้วิธี “จัดซื้อ-จัดจ้าง” แบบพิเศษ นโยบาย ๑๐ เปอร์เซ็นต์
รัฐมนตรีต้องทำโครงการ โดยตบแต่งงบประมาณขึ้นมาก่อนว่า มูลค่าของโครงการ “จะครอบคลุม ๑๐ เปอร์เซ็นต์” ที่ต้องหักเข้าพรรค....จากนั้น ไปตกลงกับคนของเขาผ่านคุณหญิง
เมื่อเรียบร้อยเมื่อใดก็ส่งมาให้ตัวตาย-ตัวแทนทางการเมืองที่เขาไว้ใจ
พอเข้า ครม.นายกฯ จะเสนอโครงการ และอนุมัติให้เองเสร็จสรรพ รัฐมนตรีไม่ต้องคิด ไม่ต้องสงสัย
ทุกวันนี้ ยังไม่มีใครรู้-ใครเข้าใจ ว่า….
“๑๐เปอร์เซ็นต์ มีอยู่เท่าไร”.....คงต้องไปถามคุณหญิง
สิ่งที่สุดทนจริงๆ คือ กรณีผู้ว่าฯ สตง.ที่ถูกแทรกแซงการทำงาน แทรกแซงองค์กรอิสระ และละเมิดพระราชอำนาจ มันเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่สำคัญ….ที่ทำให้ผมลุกขึ้นอภิปรายเมื่อ ๘ มิ.ย. ๒๕๔๘ การประกาศ “ตัดขาด-แตกหัก” กลางสภาฯ
พูดได้ว่า ถ้ามันเอาชีวิตได้ มันเอาไปแล้ว มันแค้น แต่ก็ไม่กล้า ตอนหลังคนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ติดต่อมาหลายครั้ง ผมพูดตรงๆ ไปว่า….เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว เมื่อไม่ยอมลดละเอง จนเราต้องแตกหักไปสู่สาธารณชนแล้ว
สิ่งสำคัญ นายกฯ ก็ต้องแก้ข้อกล่าวหาทั้งหมดให้ได้ และผมยังพูดอีกว่า “ถ้าบอกจะกินข้าวกันตอนนี้ มันยังไงล่ะ ให้พี่เป็นผู้เป็นคนดีกว่า อย่าให้พี่เป็นหมาเลย”
ก่อนที่จะเกิดปัญหาทั้งหมด ผมก็พยายามไปเตือน แต่เรื่องที่เตือน ก็เป็นการขัดผลประโยชน์เขาทุกเรื่อง
เช่นคิดว่า รัฐมนตรีคอร์รัปชัน ผมก็ไปเตือน เพราะคิดว่าไม่รู้...ที่ไหนได้….มันสั่งเอง
ขนาดกลายเป็นว่า รัฐมนตรีคนไหนไม่ทำตามสั่ง ภายหลังก็อยู่ไม่ได้
ความขัดแย้งในปัจจุบัน สาเหตุมาจากตัวปัญหาคนเดียวคือ พ.ต.ท.ทักษิณ คนคนนี้ โกงเพื่อเข้ามาสู่อำนาจเมื่อมีอำนาจ ก็โกงอีก อันตรายต่อบ้านเมืองสุดๆ พ.ต.ท.ทักษิณน่ากลัว….
เพราะเป็นคนมีวุฒิการศึกษา จ้องวางแผนเอาเปรียบคนอื่น ถือว่าต่ำต้อยเหลือเกินในการเป็นผู้นำประเทศ
ผมจำคำพูดของทักษิณที่เคยบอกว่า “พี่เหนาะ ผมพร้อมแล้ว สมบัติส่วนหนึ่งผมให้ลูก อีกส่วน เก็บไว้สำหรับตายาย กินจนตายก็ไม่หมด สมบัติอีกส่วน จะทำเพื่อบ้านเมือง จะใช้หนี้แผ่นดิน”...คำพูดนั้นๆ ผมเคยหลงคิดว่าคนคนหนึ่ง “รวยแล้วกลับใจ” คิดใช้หนี้แผ่นดิน...ตอนนี้ ผมรู้ความจริงแล้วว่า “รวยจากโกงชาติ กล้าทำแม้เผาบ้านเมืองเพื่อเอาประกัน”....คนรวยคนนี้ รวยแล้วไม่รู้จักพอ ไม่ใช้หนี้แผ่นดินยังไม่พอ มันยังโกงกิน ทรยศต่อแผ่นดิน
ผมเคยพูดและเตือนกับคุณหญิงว่า “น้อง ถ้ามันได้มาอีกแสนล้าน เอาไปทำไม”
เขาพากันตอบว่า…“ก็รู้ แต่ในเมื่อเล่นการเมืองมันต้องควักเงิน ก็ต้องถือว่าเป็นธุรกิจ”
เคยเตือนหนักๆ ถึงขั้นว่า
“ในอนาคต ถ้ามันจะเดือดร้อนหนักๆ คือคนเป็นหัวนะ” เขาก็ตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน ว่า
“ก็รู้ ถ้าพี่ทักษิณจะลง ต้องให้พรรคไทยรักไทยมีอำนาจอย่างน้อยสองสมัยถึงจะปลอดภัย”
……………………
ด้วยแบบนี้ละซีท่า ถึงต้องไล่ประยุทธ์ทุกวัน เพื่อให้ระบอบทักษิณกลับกลืนเมือง?
https://www.plewseengern.com/plewseengern-5149/
วิธีหากินจากการทำเผด็จการรัฐสภา โดยครอบครัวและสมุนคนสนิท
เสนาะเทียนทอง กล่าวไว้ในหนังสือรู้ทันทักษิณว่า "ทักษิณขนคนที่เคยทำงานกับตัวเองในบริษัทแบบยกชุด วางคนของตัวเองไปในทุกกระทรวง โดยไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งที่มีอำนาจอย่างเป็นทางการ...แต่ทุกคนในกระทรวงจะรู้ดีว่า คนคนนี้ คือคนของเขา จะทำอะไรก็ต้องผ่านคนคนนี้....เรียกว่ามี ๒-๓ คน ไปดูแลผลประโยชน์ทุกกระทรวง เป็นเสมือนหลงจู๊
แล้วยังส่งคนไปยึดตำแหน่งใน กมธ.ชุดต่างๆ ของสภาผู้แทนฯ ใน ครม.ก็ไม่ต่างกัน
ทุกโครงการที่จะมีการอนุมัติ ถ้ารัฐมนตรีคนไหนเสนอเรื่องขอใช้งบกลางที่จัดสรรไว้มหาศาล ก็ต้องไปเคลียร์กับคนของเขาให้เรียบร้อยก่อน
รัฐมนตรีหลายคน จะมีคนของเขาเข้ามาบอกว่า เดี๋ยวทำงบฯ จะเอากี่พันล้าน แต่ต้องเอาเข้าพรรค ๑๐ เปอร์เซ็นต์ หมายความว่า ……จะไปทำอะไรขึ้นมาก็ได้ ไปเขียนโครงการมา"
มีการใช้ระบบธุรกิจครอบครัวมาจัดการผลประโยชน์ในรัฐบาลแบบเบ็ดเสร็จ
ตั้งแต่ขนคนที่เคยทำงานกับตัวเองในบริษัทแบบยกชุด วางคนของตัวเองไปในทุกกระทรวง โดยไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งที่มีอำนาจอย่างเป็นทางการ...แต่ทุกคนในกระทรวงจะรู้ดีว่า คนคนนี้ คือคนของเขา จะทำอะไรก็ต้องผ่านคนคนนี้....เรียกว่ามี 2-3 คน ไปดูแลผลประโยชน์ทุกกระทรวง เป็นเสมือนหลงจู๊
นโยบาย ๑๐ เปอร์เซ็นต์“๑๐เปอร์เซ็นต์ มีอยู่เท่าไร”.....คงต้องไปถามคุณหญิง
ทักษิณ ยกครอก มาปล้นชาติ
นายใหญ่ที่มีอำนาจบริหารประเทศ กับนายหญิงที่เป็นหลงจู๊เก็บส่วย
ทำเผด็จการรัฐสภา โดย
1)ออกโครงการให้ทับซ้อนกับผลประโยชน์ของตน...ออกกฏมายเอื้อผลประโยชน์แก่ตนเองและพวกเป็นหลัก
2)วางคนของตัวเองไปในทุกกระทรวง โดยไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งที่มีอำนาจอย่างเป็นทางการ...แต่ทุกคนในกระทรวงจะรู้ดีว่า คนคนนี้ คือคนของเขา จะทำอะไรก็ต้องผ่านคนคนนี้....เรียกว่ามี ๒-๓ คน ไปดูแลผลประโยชน์ทุกกระทรวง เป็นเสมือนหลงจู๊ (เช่นคนสนิท หรือนายหญิงใหญ่) ทำหน้าที่เป็นหลงจู๊ คอยเก็บส่วยจากทุกกระทรวง และทุกโครงการ....
3)ใช้อำนาจบริหารของตน...ล่อให้ลูกสมุนใช้อำนาจหน้าที่การงาน เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตนเอง...จนสร้างความเสียหายมหาศาลแก่ประเทศ เมื่อถูกจับได้ ลูกน้องติดคุก แต่ความเสียหาย ที่เกิดขึ้น ...ประเทศชาติ ก็ไม่มีทางได้เงินคืน....นั่นคือการปล้นประเทศ ปล้นภาษีของคนไทย ไปเป็นของตนและพวก
จุดอ่อน กระบวนการยุติธรรมไทย คือ อัยการสูงสุด ตำรวจ และ DSI
ตำรวจ ทำสำนวนให้อ่อน มีจุดโหว่ หรือแม้แต่ สร้างหลักฐาน ปลอม DSI ทำคดีให้บิดเบือนมากขึ้น แสร้งเห็นด้วยกับข้อมูลที่ตำรวจ แต่งมาให้ ...ส่วนอัยการสูงสุด ก็เพียงใช้วิจารณญาณ ในการตัดสิน ....จะทำให้คดีนั้นเป็นอันยุติไปทันที....ด้วยเหตุนี้ ในยุคยิ่งลักษณ์ทำการแก้ รธน.50 มาตรา 68 เพื่อตัดสิทธิ์ประชาชนในการร้องเรียน รัฐหรือนักการเมือง ผ่านศาลรัฐธรรมนูญ โดยให้ร้องเรียนผ่านอัยการสูงสุด เท่านั้น
ใครมีเงินมากพอ ก็ สามารถซื้อตำรวจ DSI และอัยการสูงสุด เลวๆ มาปัดคดีให้
"เองกินเหล้าเมายา ไม่ว่าดอก....อย่าออกนอกทางไปให้เสียผล
แต่อย่ากินสินบาท คาดสินบน เรามันชนชั้นปัญญา ตุลาการ"
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรี ดิเรกฤทธิ์
พระบิดาแห่งกฏหมายไทย
"ไม่มีความเลวร้ายใด ที่จะยิ่งไปกว่า ความเลวร้าย ที่กระทำโดย อาศัยอำนาจกฏหมาย หรือในนามของ กระบวนการยุติธรรม"
มองเตสทเออ
จากสัมปทานมือถือ สู่วิกฤติต้มยำกุ้ง ที่นำไปสู่การปล้นชาติ อย่างมหาศาล เสียดินแดน และก่อกบฏ แบ่งแยกดินแดน ในเวลาต่อมา
ในยุค รัฐบาลชวลิต (2540) : มีการโจมตีค่าเงินบาท จนทำให้ไทย เกิดการล้มละลายทางเศรษฐกิจ สร้างวิกฤคิค้มยำกุ้งที่ลามไปทั่วโลก.....แต่ทักษิณใช้ข้อมูลลับของรัฐทำกำไรมหาศาลจากการตุนค่าเงิน หลายหมื่นล้าน
ในขณะที่ กิจการต่างๆพากันล้มละลายเป็นทิวแถว.....ทักษิณเสนอตั้งโครงการ ปรส เพื่อรับซื้อกิจการที่ประสบปัญหาทางการเงิน ในราคาที่ถูก จนทำรัฐบาลไทยเสียหายเพิ่มอีก 8 แสนล้าน....รัฐบาล ชวลิตทำการกู้เงิน IMF ก่อนประกาศลาออกเพื่อหนีปัญหา โดยให้รัฐบาลชวน เข้ามาแก้ปัญหาแทน
เมื่อรัฐบาลชวนแก้สถานการณ์จนดีขึ้น......ทักษิณเห็นช่องทางในการทำเงิน จากการมีอำนาจบริหาร จึงกวาดต้อนซื้อพรรคการเมือง สส และ สว เข้ามาเป็นพวก และทำเผด็จการรัฐสภาในปี 2544 โดยใช้ประโยชน์จาก เศรษฐกิจที่ซวนเซ จากผลงานบริหารของชวลิตและตนเองในอดีต....ก่อน ออกกฏหมาย แปรรูป ปตท แล้ว...โกง ปตท ของคนไทย ไปเป็นของตนเองส่วนใหญ่, ใช้อำนาจบริหารของตน แก้กฏหมาย เอื้อประโยชน์แก่ตนเอง.....มีการโกงในทุกระดับชั้น โดยนายหญิงใหญ่ กินหัวคิวในทุกโครงการของรัฐ 40-50%......ทักษิณ ทำ MOU 44 เอื้อประโยชน์แก่่เขมร ทำให้พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลของไทยหายไป จาก 90% เหลือแค่ 60% ...นอกจากนั้นยังไปทำธุรกิจพลังงานกับสิงคโปร์ เอื้อสัมปทาน บ่อปิโตรเลียมแก่เพื่อนของตนเพื่อแลกผลประโยชน์ส่วนตัว...ทักษิณแก้กฏหมายเพื่อ
เปิดช่องให้สามารถขายกิจการให้ต่างชาติได้เกิน 49% ...ก่อน ขายกิจการมือถือ รวมทั้งสัมปทานดาวเทียมของรัฐบาลไทย แก่ สิงคโปร์ นอกจากนั้นยังเลี่ยงการเสียภาษี เกือบห้าหมื่นล้าน โดยการโยกเงินผ่านตลาดหุ้นในชื่อลูก แล้วตนเองไปรับเงินทั้งหมด ปลายทางที่สิงคโปร์....ทักษิณและเมีย ขนญาติมาร่วมโกงชาติ และใช้อำนาจ อภิสิทธิ์เหนือคนไทยตลอดมา ...จนสุดท้าย ประชาชนทนไม่ไหว ร่วมกับทหาร ทำรัฐประหารไล่ทักษิณออกจากอำนาจ
ทักษิณตั้งรัฐบาลนอมินี ที่ตนเองบงการ...ทักษิณไปทำธุรกิจพลังงานกับเขมรที่เกาะกง.....จึงบงการ รัฐบาลนอมินีของตนทำถนนสะพานไปยังเกาะกง ของเขมร.....บงการให้มีการปล่อยให้เขมรขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารแต่เพียงฝ่ายเดียว จนสุดท้าย.....ทำไทยเสียเขาพระวิหารบางส่วนแก่เขมรในยุคยิ่งลักษณ์
ทักษิณหากินจาก สัมปทาน และหาประโยชน์จากการแปรรูปรัฐวิสากิจ
วิกฤติต้มยำกุ้ง เป็นจุดเริ่มต้น ในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ที่ทักษิณใช้หาประโยชน์ ในเวลาต่อมา ด้วยการใช้อำนาจเผด็จการรัฐสภา
ผลงานของทักษิณในอดีตที่สร้างบาดแผลและความเสียหายให้แก่คนไทยทั้งแผ่นดิน....ในยุครัฐบาลทักษิณ
(ถ้าไม่หน้าด้านอย่างแรง และชั่วช้าตัวจริง จะไม่กล้าทำแบบนี้แน่นอน)
1. แก้ พรบ.สรรพสามิตโทรคมนาคม ให้เสียภาษีน้อยลง โดย ตนเองได้ผลประโยชน์8,000 ล้าน
2. ลดสัมปทานitv โดยตนเองได้ผลประโยชน์20,000 ล้าน (เพราะกลุ่มชินคอร์ป ถือหุ้น itv 53%)
แถมได้สถานีโทรทัศน์ที่เคยมีอุดมการณ์เปลี่ยนมาทำลายวัฒนธรรม โดย การเอาหนังเกาหลีมาฉาย และปิดสื่อความไม่ดี เปิดเฉพาะสื่อที่สร้างภาพดีๆให้ตัวเอง
3. ตั้ง ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เป็น ผบ.ทบ. ก็ได้พี่ชายตนเองคุมทหาร
4. ตั้ง เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ เป็น รอง ผบ.ตร. ก็ได้พี่เขยตนเองคุมตำรวจ
5. ตั้ง วาสนา เพิ่มลาภ เป็น ประธาน กกต ก็ได้ตำรวจพวกพ้องตัวเองคุม กกต.
6. ตั้ง สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เป็น ผอ.กองสลาก ก็ได้ตำรวจพวกพ้องตัวเองคุม กองสลาก
7. ตั้ง คงศักดิ์ วันทนา เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สามีของลูกน้ำเพื่อนรักที่ช่วยแลกเช็คให้ ในสมัยที่ทักษิณยังจนอยู่ ... ก็ได้เพื่อนคุณหญิงอ้อ คนนี้...มาคุมทุกเหล่า
8.กล่าวคําพูดท้าทายพวกก่อการร้ายในภาคใต้ว่าเป็นแค่โจรกระจอก "อย่าไปใส่ใจ" เมื่อมีคนตายมากมายและหลุดปากด่าทหารว่า" สมควรตาย"
9. ปล่อยเงินกู้ให้พม่า 4,000 ล้าน เพื่อนำมาเช่าช่องสัญญาณ IP Star ของตัว เอง ถึงกำหนดแล้วพม่ายังไม่ใช้หนี้เลย...ทำให้รัฐบาลไทยเสียผลประโยชน์
10. เจรจาเซ็น FTA กับจีน ให้จีนนำเข้า หอม กระเทียม เข้ามาไม่เสียภาษี ทำให้เกษตรกรที่ปลูกหอมปลูกกระเทียมทางเหนือก็ตายหมด แลกกับโอกาสได้ขายธุรกิจช่อง สัญญาณดาวเทียม IP Starของตัวเอง...ทำให้คนไทยเสียผลประโยชน์
11. เจรจาเซ็น FTA กับออสเตรเลีย ให้ สามารถนำเข้า นม ไวน์ เข้ามา โดยไม่เสียภาษี อันเป็นการ ทำลายเหล้าไวน์พื้นบ้าน OTOP ทำลายโครงการนมในพระราชดำริ ทั้งนี้เพื่อให้ตนเองได้ขายธุรกิจช่องสัญญาณ IP Star
12. ในเดือนพฤศจิกายน 2546 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีมติส่ง เสริมการลงทุนในโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ของชินแซทเทิลไลท์ ให้ได้รับการยก เว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับรายได้ที่ได้รับจากต่างประเทศ (ทั้ง ๆ ที่เป็นกิจการที่ลงทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่รู้ไปยกเว้นภาษีทำไม) ทำให้บริษัทนี้ได้ รับ การยกเว้นภาษีเงินได้อีก 16,459ล้านบาทต่อปี ...ทำให้รัฐขาดรายได้เข้ารัฐ
13. ใช้อำนาจทางการเมืองเข้าฮุบ กิจการปิโตรเคมี (PTI) ของนาย ประชัย เลี่ยวไพรัตน์
14. แปรรูปขายหุ้น ปตท วันแรก เปิดขายหุ้นหมดภายใน1 นาที17 วินาที โดย มีไอ้โม่งมาซื้อ หุ้นไปจำนวนมาก ในรูป นอมินี (ตัวแทน)เป็น ทรัสต์ต่างประเทศที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ หลังจากแปรรูป น้ำมัน และแก๊ส LPG ก็แพงขึ้นทุกวัน โดยคนไทยต้องซื้อพลังงานแพงกว่าปกติ ทั้งๆที่มีบ่อปิโตรเลียม มหาศาลคุณภาพดี ในประเทศ
นอกจากนั้น ยังเรียกเก็บภาษี กองทุนน้ำมัน เข้ารัฐ เพื่อเอามาจ่ายเป็นค่าวัตถุดิบให้แก่กิจการปิโตรเคมี (หรืออีกนัยหนึ่งคือ การเอา LPG ที่ไทยผลิตได้ ไปป้อนเข้า กิจการปิโตรเคมี แต่ให้คนไทยใช้ LPG ในราคานำเข้าจากต่างประเทศ)
การทำแบบนี้ ทำให้กองทุนน้ำมันของคนไทยขาด ทุนกว่า 70,000 ล้านบาท ในขณะที่ ปตท ได้กำไร ปี 2548 จำนวน 160,000 ล้านบาท....ทำให้กำไรที่ควรจะเป็นของรัฐ ก็ กลายเป็นกำไรของพวกถือหุ้น ที่ส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองพรรคเพื่อไทย และของ ทรัสต์ต่างชาติแห่งหนึ่ง ที่ซื้อหุ้น ปตท จำนวนมหาศาล โดยทำหน้าที่ดูแลหุ้นให้ไอ้โม่งซึ่งเซื่อกันว่า เป็น นักการเมืองเลวๆ ตนหนึ่ง
การขายหุ้น ปตท นี้ นับว่าเป็นเทคนิค "การใช้เงินชาติ ฮุบสมบัติชาติ" ซึ่งเป็นเทคนิคเดียวกับนักการเมืองเลวต่างชาติที่ฮุบสมบ้ติคนในชาติ ไปเป็นของตนและพวกพ้อง สร้างความทุกข์ยากเดือดร้อน แก่คนในชาติ จนประเทศล้มละลายมาหลายประเทศแล้ว
15. ในการซุกหุ้นภาคแรก โดยให้คนรถและคนใช้ ลงชื่อ เป็นเจ้าของหุ้น แทนตนเอง เมื่อถูกตรวจสอบ ก็ให้เมียตัวเองขึ้นศาลรับผิด ในการซุกหุ้นภาค 2 ก็ ให้ลูกชายตัวเอง ขึ้นศาลรับผิด
16. บริษัทของลูกท่านได้เงินกู้ 5,000 ล้าน จาก ICT ดอกเบี้ย 0% ไม่กำหนดเวลา ชำระคืน
แถมได้รับการเว้นภาษีจากบีโอไออีกทำสวนสนุกได้รับการเว้นภาษี
17. ได้รับสัมปทานสื่อโฆษณาที่รถไฟใต้ดิน โดยที่ไม่ได้รับการเปิด ประมูล เพื่อแข่งขันกับบริษัทอื่น
18. ทักษิณ สั่ง รมต. กลางวง ครม. ลดค่าเช่าพื้นที่ย่านสยามสแควร์ เปิดทางลูก-หลานเปิด สตูดิโอ - ร้านกาแฟ อ้างค่าเช่าแพงเกินจริง นอกจากนั้น ยังลดเงินค่ารถไฟฟ้า-ใต้ดิน พอดีกับงานสวนสนุกธุรกิจของลูกๆ สอดคล้องสนับสนุนกันพอดี บังเอิญจริงๆ
19. ทักษิณพูดว่า"จังหวัดไหนเลือกไทยรักไทย จะให้ความดูแลก่อน" (แสดงถึงความไม่มีคุณธรรม และทำทุกอย่างเพื่อให้ได้คะแนนเสียงจากรากหญ้า) น้ำท่วมภาคใต้ 5 วันแล้ว แต่ทักษิณสนใจ กลับไปช่วย สส ของตน หาเสียง เลือกตั้งซ่อม สร้างภาพว่าเป็นคนติดดินโดยไปเดินตลาดหาเสียง ไปกินก๋วยเตี๋ยว ทั้งๆที่มี สส อยู่เต็มสภาแล้ว ....แต่ในที่สุด ก็ยอมลงใต้ไปดู น้ำท่วม ในวันศุกร์เช้า เนื่องจากกลัวสนธิ เอาไปพูดตอนเย็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในรายการเมืองไทยราย สัปดาห์
20. การที่มีพวกพ้องตัวเองเป็น กกต. จึงเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้ง ให้สามารถโกงการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นได้อีก 2 วิธี ดังนี้
20.1 ปั๊มตรายางอีกชุดรอเวลาเปลี่ยนกล่องบัตรได้ทุกเวลา
20.2 หมึกมีแบบล่องหน และ แบบโผล่ขึ้นมาได้ (ในทางเคมีสามารถทำได้)
21. ปิดข่าวเรื่องไข้หวัดนกทําให้ชาวบ้านที่ไม่ทราบต้องตาย แล้วยังไปแสดงการกิน ไก่ ไปหัวเราะไปเพื่อ ซีพี.นายทุนพรรคเท่านั้น
22. ทําให้เกิดการฆ่าตัดตอนประชาชนผู้บริสุทธิ์ กว่า 2000 คน จากการปราบยา บ้าสั่งฆ่าคนได้หน้าตา เฉย โหดร้ายทารุณ
23. ซุกหุ้นปั่นหุ้น ซุกซ่อนทรัพย์สินไว้กับญาติพี่น้อง เอาเงินไปฟอกต่างประเทศ ทักษิญ ทำทุกอย่างไปโดยสันดานเอาเปรียบ ด้วยการทําธุรกิจผูกขาด ทั้งรับทั้งจ่ายใต้โต๊ะจนคนในวงการธุรกิจ เขารู้กัน หมด ว่า คนคนนี้ ชำนาญในการ ค้ากำไรเกินควร จนรํ่ารวย มหาศาลโกง (เช่นกรณีทำสัมปทานมือถือ ทักษิณก็ร่ำรวย จากการขายมือถือในราคาแพงเป็นหลายสิบเท่าของราคาต้นทุน และคิดค่าโทรแพงมาก ปัดเศษวินาทีในการโทรเป็นหนึ่งนาทีทันที เพื่อการเอาเปรียบผู้บริโภค และอื่นๆ)
24. ที่ดิน วัดของสนามกอล์ฟอัลไพน์ มีคนโกงที่ดินธรณีสงฆ์เอามาทำสนามกอล์ฟ แล้ว ทักษิณ ไปซื้อต่อ เพราะเห็นว่ากำไรดี ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าที่ดินนั้นได้มาไม่ถูกต้อง โดย ไม่กลัวบาปกรรม
25. ประชาชนเสียรู้ทักษิณ เรียนฟรี 12 ปี นโยบายรัฐที่เปิดช่องให้โรงเรียน นำค่าใช้จ่ายอย่างอื่นมาเพิ่มแทนค่า เทอม นั่นแหละ สุดท้ายก๊อไม่ได้เรียนฟรีอยู่ดี ....เป็น ความล้มเหลวที่เห็นได้ชัดเจนของการ ปฎิรูปการศึกษาไทย
ประชาชนจะถูกหลอกอีก 4 ปีเอาเข้าไป เป็นความจริงที่สุดเลย นี่คือการโกหกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ในโลกนี้ ซึ่งหาดูไม่ได้ที่ไหนนอกจากประเทศไทย ที่กฎหมายบอกว่าเรียน ฟรี แต่ความจริงมีใครบ้างที่เรียนฟรี ถามผู้ปกครองทุกคนดูได้เลย
26. ชั่วเวลาแค่ปีเศษ ๆ รัฐบาลชุดนี้ก็ทำให้สถานการณ์ภาคใต้ที่ร่มเย็นเป็นสุขมานานหลายสิบปี กลับร้อนระอุกลายเป็นแดนมิคสัญญี เพราะปฏิบัติการที่ตากใบ
27. เช่าน่านฟ้า เช่าผืนแผ่นดินไทย ราคาเช่าช่างถูกจัง มีอะไรแอบแฝงรึเปล่าตนเองน่าจะ รู้ดี ไหนบอกว่าแผ่นดินไทยจะไม่ให้หายแม้แต่ตารางนิ้วเดียวไง ใช้อำนาจจนเลย เถิดไม่เห็นด้วยคิดไงท่าน นายก ที่ให้เช่า 15 ปี แถมมีเปลียนสัญญาได้ ทุกๆ 5 ปี เหมือนทำ ธุรกิจเลย ขอเชิญชาวไทย เรียกร้องอธิปไตยชาติไทยกลับมาด้วย
ขอ ให้มี สส สว ที่ยังพอมีความเป็นไทย ทีมิใช่มีความเป็น ทรท. ช่วยกันคัดค้าน ล่าราย ชื่อด้วยครับผมว่ามันเกี่ยวกันหมดแหละครับ
28. ฉลาดแกมโกง อย่างตัวจับยาก เพราะเอาเงินหลวง ภาษีประชาชน ไปหว่านให้รากหญ้าแล้ว ผ่านกระเป๋ารากหญ้าแบบเคาะกะลาให้หมาดีใจ ผ่านธุรกิจมือถือ เอาเงินมาเข้ากระเป๋ามันเอง
29. ยุบสภาหนีความผิด เนื่องจากนายกองค์การนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ล่า 50,000 รายชื่อเพื่อ ถอดถอนนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง
30. ยุบสภาได้ยังไงไม่ได้มีปัญหาภายในสภาสักหน่อย อภิปรายไม่ไว้วางใจก็ไม่ได้ ... ฝ่าย ค้านมีไม่พอ
31. วันที่ประกาศยุบสภา ประกาศพร้อมกันว่าให้ไปเลือกตั้งวันที่ 2 เมษา ได้ยังไง รู้ได้ยังไง ไหนว่า กกต. เป็นกลางไง
32. คุณหญิงพจมาน อยากมีสมเด็จพระสังฆราชประจำตระกูลตัวเอง จึง ให้ นายวิษณุ เครืองาม ลงนามแต่งตั้ง สมเด็จพระพุฒาจารย์ เกี่ยว อุปเสโณ วัดสระเกศ ขึ้นปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2547 เสมอกับ สมเด็จ พระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนา อ้างว่า สมเด็จญาณฯ ทรงประชวร ไม่ สามารถประกอบศาสนกิจได้ ทั้งๆที่มี VDO วันที่ 13 มีนาคม 2547 ว่าสมเด็จพระสังฆราชพระราชทานรางวัลให้กับเด็กนักเรียนที่ได้รับทุนของมหามกุฏราชวิทยาลัย ในการประกวดเรียงความเรื่อง สมเด็จพระสังฆราช 90 พรรษา
33. คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่า สตง. ตรวจเจอการทุจริตของรัฐบาลหลายเรื่องล่าสุดตรวจสอบเจอการทุจริต CTX ทางรัฐบาลจึงอ้างว่ากระบวนการสรรหา คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน(ผู้ว่าการ สตง.) มิชอบด้วยรัฐ ธรรมนูญ (ทั้งๆที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) คุณหญิงปิดห้องทำงานแล้วยังไปงัดห้องคุณหญิง คิดจะหาหลักฐานทุจริตที่ห้องคุณหญิง ต่อมาคนดีอย่างคุณหญิงก็ได้กลับมา ทำงานเหมือนเดิม
34. จัดซื้อเครื่องบินรบ ซู 30 ตั้งงบประมาณไว้ 35,000 ล้าน ทั้งที่รัสเซียบอกว่าขายแค่ 20,000 ล้าน กะจะกินตั้ง 15,000 ล้าน เครื่องบินเป็นแบบบินระยะไกล เสียค่าซ่อมเยอะ (ไทยนี้รักสงบ) เราเป็นพวกบุกรุก หรือ ตั้งรับถ้าเราเป็นฝ่ายตั้งรับ แล้วจะซื้อเครื่องบินระยะไกลทำไม ให้ช่างทหารอากาศเลือกซื้อ ทำไมไม่ให้นักบินเป็นคนเลือก เพราะฝ่ายช่างอยู่ในความดูแลของ คงศักดิ์ วัณทนา สามีของเพื่อน คุณหญิงพจมาน...
35. หลังจากทักษิณใช้อำนาจในการเป็นนายกรัฐมณตรี เพื่อสร้างโอกาสให้ได้แก้กฏหมาย ในให้ต่างชาติสามารถซื้อหุ้นได้เกิน 49% ทักษิณก็ใช้ประโยชน์จากกฏหมายนี้ ด้วย การขายหุ้นชิน ไปเป็นจำนวน กว่าเจ็ดหมื่นล้านบาท โดยก่อนขายหุ้นบอกว่าจะไปพักผ่อนที่สิงคโปร์ 4 วัน เพื่อการเจรจาขายหุ้นให้แก่สิคโปร์ (เดินเล่นที่สิงคโปร์ไปเดินครึ่งวัน อย่างมากก็วันเดียว ก็ไม่รู้จะไปเดิน ที่ไหน แล้วนี่ไปถึง 4 วันเจรจาขายหุ้น แต่โกหกประชาชนคนไทยว่าจะไปพัก ผ่อน)
36. จัดซื้อ CTX ราคา ระหว่าง บทม.และใบแจ้งราคาสินค้าของบริษัท อินวิชั่นฯ เป็นเงินประมาณ 283,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 11.30 ล้านบาทต่อเครื่องหากคิดรวม 26 เครื่อง เป็นเงิน 7.36 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 294.4 ล้านบาท ซึ่ง "ส่วนต่าง" ราคานี้ถูกนำไปใช้บันทึกซ้ำซ้อน โดยอ้างว่า เป็นอุปกรณ์ที่ต้องการซื้อเพิ่มเติม ทั้งที่รวมอยู่ใน ราคา 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือประมาณ 1,432 ล้านบาท กะจะกิน 1,432 ล้าน - 294.4 ล้าน = ?
37. ร่วมทุนชินคอร์ปกับมาเลเซีย เปิดธุรกิจสายการบิน Low Cost แล้วสั่งยกเลิกเที่ยวบินการบินไทยที่ ได้กำไร
แล้วเอาสายการบินของตัวเองไปบินทับที่แทน ทำให้การบินไทยซึ่ง เป็นสายการบินของคนไทยขาดทุน แล้วทำ หนังสือถึงหน่วยงานราชการว่านอกจากการบินไทยแล้ว สามารถใช้งบหลวงเบิกค่านั่งเครื่องบิน Low Cost ได้ด้วย แล้วยังขายหุ้น Low Cost ให้สิงคโปร์อีก ทำให้ Low Cost ที่มีเที่ยวบินที่กำไรดีที่สุด ( แย่ง จากการบินไทย) เป็นเที่ยวบินของ มาเลเซีย+สิงคโปร์ (ขายชาติ)
38. โทรศัพท์เครื่องที่ระบบ 1900 " ไทยโมบาย" ของ ทีโอที มันให้ ทีโอทีตั้ง เสาเฉพาะใน กทม. ส่วนในต่างจังหวัด
มันไม่ยอมให้ตั้งเสาทั้งๆที่ ทีโอทีมีที่ดินอยู่มากมายในต่างจังหวัด มันสั่งให้ ระบบ 1900 ของทีโอที ในต่างจังหวัดใช้เสาสัญญาณของ AIS โดยโทร 3 บาท ทีโอที ต้องจ่ายให้ AIS 2 บาททีโอที ได้ 1 บาท ..สุดยอดไหมละ
39. ปี 2535 - วิ่ง เต้นจนได้รับสัมปทานดาวเทียมไทยคมโดยการสนับสนุนอย่างดีจากรัฐบาลเผด็จ การ รสช.
โดยอิงความสัมพันธ์ที่สนิทแนบแน่นกับ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ซึ่งทักษิณก็ชดใช้บุญคุณมาจนถึงสนับสนุน 2 คนสนิทของท่านให้ได้ดีในยุคนี้คือ พล.อ.สัมพันธ์ บุญญนันท์ ได้เป็นรมว.กลาโหม และพล.อ.เรืองโรจน์ มหาสรานนท์ ได้เป็นผบ.สูงสุด
40. การพูดจาบจ้วงดูหมิ่นพระบรมฯ
o สำนักราชเลขาฯ ขอให้รัฐบาลพิจารณาเครื่องบินราชพาหนะลำใหม่..แทนลำเก่าที่ชำรุดมากแล้ว .....ทักษิณ อ้างว่า ไม่มีงบประมาณ แต่สุดท้าย ซื้อเครื่องบินไทยคู่ฟ้าให้ตนเองและครอบครัวนั่งก่อน..จากข่าวที่น้องสาว ทักษิณใช้เครื่องบินไปฉลองวันเกิดที่เชียงใหม่...............
o ทักษิณ ชินวัตรใช้อุโบสถวัดพระแก้วในการทำบุญประเทศ (แต่แต่งกายในชุดสบายๆไม่เป็นทางการ) ทั้งๆที่ประธานในการทำบุญระดับประเทศควรเป็นพระองค์ท่านมากกว่า...ที่สำคัญ อุโบสถวัดพระแก้วเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับประกอบศาสนพิธีของพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน..ไม่มีการขอพระบรมราชานุญาต..พอสนธิพูดในรายการ ..รีบขอพระบรมราชานุญาตย้อนหลัง...จนพระองค์ท่านออกมาตรัสในวันที่ 4 ธันวาคมว่า นายกฯจะให้ท่านทำอะไรก็ทำให้หมด แต่ควรพิจารณาด้วยว่า สมควรหรือไม่
41. ทักษิณ ไปทำ MOU 44 กับเขมร จนไทยเสียผลประโยชน์ ที่บ่อน้ำมันชายแดนไทยเขมร ทั้งๆที่บ่อน้ำมันแห่งนั้นเป็นของคนไทย 90%
อ่านต่อที่นี่ http://talk.mthai.com/topic/35341
วิธีการฮุบ ปตท ด้วยการแปรรูป รัฐวิสาหกิจ ของทักษิณ
ทักษิณต้องเป็นเจ้าของ ปตท. ซึ่งมีความพร้อมในเรื่องทั้งขุดเจาะ จัดจำหน่าย... โดยร่วมมือ กับเครือข่ายธุรกิจพลังงานของ อัล ฟาเยด (เพื่อนซี้ “ทักษิณ”) ร่วมก๊วน “เทมาเส็ก” ..เป็นเครือข่ายธุรกิจพลังงานที่จะช่วยให้ธุรกิจพลังงานในเขมร เป็นจริง...การแปรรูป ปตท ในราคาที่ทำให้รัฐขาดทุน 1.9 แสนล้าน ทำให้ได้โอกาสในการเป็นเจ้าของ จากการได้หุ้นอุปถัมภ์ในนามไอ้โม่ง และใช้ นอมินี มา กวาดซื้อหุ้นไปอย่างรวดเร็ว รวมแล้วได้หุ้น ~35%
กลุ่มมูบาดาลา ปิโตรเลียม ได้เข้ามาลงทุนด้านพลังงานในไทย(ผ่านบริษัทเพิร์ลออยล์ ซึ่งเป็นเครือข่าย บริษัทมูบาดาลา ปิโตรเลียม...ทั้งนี้บริษัทเพิร์ลออยล์ ได้ย้ายมาตั้งสำนักงานอยู่ที่ชั้น 19-21 ตึกชินวัตร์)ในปี 2547...โดยได้รับสัมปทาน 8 ฉบับ ถือว่าเป็นผู้รับสัมปทานปิโตรเลียม ที่ใหญ่เป็นอันดับ3 ในประเทศไทย...นายคัลดูนคาลิฟา อัลบูมารัค ประธานบริหารของกลุ่มมูบาดาลา ปิโตรเลียม...ซื้อ แมนเชสเตอร์ซิตี้ของทักษิณในปี 2551 ต่อมา ทักษิณเอื้อ ให้ได้รับสัมปทานแหล่งมโนราห์ ปี 2555 และแหล่งนงเยาว์ในอ่าวไทย ในเดือน มกราคม2557 ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์....
สโมสร แมนฯ ซีตี นั้นตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่อย่างยิ่ง ภายใต้การบริหารงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย และ นักโทษผู้หลบหนีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี ของศาลฎีกา
เดือนกรกฎาคม 2550 พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาเป็นเจ้าของสโมสรแห่งนี้ ด้วยการซื้อหุ้นรวมร้อยละ 75 พร้อมกับการดึงอดีตผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ สเวน โกรัน อีริคส์สัน เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ใส่ชื่อ นายพานทองแท้ และ นางสาวพิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาวของตนเป็นกรรมการบริหารสโมสร 2 ใน 4 คนด้วย...ทีมเรือใบสีฟ้าภายใต้การบริหารของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น กลับมีสภาพไม่ผิดไปจากสุภาษิตที่ว่า “ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง” เท่าใดนัก
ต่อมาทักษิณได้ขายแมนซิตี้ให้กับ บริษัท อาบูดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป ที่มีผู้อยู่เบื้องหลัง คือ ชีค มานซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน มหาเศรษฐีจากตะวันออกกลาง ผู้เข้ามาเทกโอเวอร์เรือใบสีฟ้าต่อจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2551 .... ทั้งนี้ทักษิณได้ให้รัฐบาลหุ่นเชิดของตน ได้สิทธิในการขุดเจาะน้ำมัน ในอ่าวไทย และให้ บริษัทเพลิรย์ออย ที่เป็นบริษัทลูกของ บริษัท อาบูดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป
ได้ย้ายมาตั้งสำนักงาน ที่ตึกชินวัตร ของทักษิณ อีกด้วย
ความลับทักษิณถูกเปิดเผยแล้ว
งามหน้าละทีนี้!!!
เคยมีข่าวมานาน แต่ไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยัน!!!
คราวนี้ไม่ต้องสืบแล้ว เพราะต่างประเทศลงข่าวว่า
บริษัท มูบาดาลา ปิโตรเลียม ที่ทำธุรกิจด้านพลังงานของรัฐอาบูดาบี ในสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ได้ออกคำแถลงผ่านสื่อต่างประเทศว่าพวกเขาได้รับสัมปทานเข้าไปพัฒนาแหล่งพลังงานในอ่าวไทย ที่เรียกว่า “แหล่งนงเยาว์” โดยจะเริ่มดำเนินการพัฒนา ในเชิงพาณิชย์ภายในปีหน้า (2558) เป็นต้นไป รายงานข่าวดังกล่าวเผยแพร่โดยสำนักข่าวต่างประเทศ เมื่อสองสามวันก่อน ที่อ้างคำแถลงอย่างเป็นทางการจากบริษัทดังกล่าวที่มี คัลดูน คาลิฟา อัล มูบารัค เป็นซีอีโอ เปิดเผยเรื่องนี้ให้ทราบ โดย เขายังควบตำแหน่งประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร ของสโมสรฟุตบอล “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี ในศึกพรีเมียร์ลีกในอังกฤษ ที่ซื้อกิจการต่อมาจาก ทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ
ตามรายงานข่าวดังกล่าว ระบุว่า บริษัท มูบาดาลาฯ จะได้รับประโยชน์จากสัญญาสัมปทานพลังงานแปลง “นงเยาว์”ในอ่าวไทย ในสัดส่วนราวร้อยละ 75 และมีบริษัทพลังงาน ในชื่อ คริส เอ็นเนอร์จี จากสิงคโปร์ ที่จะเข้ามาเป็นหุ้นส่วน ได้รับส่วนแบ่งที่เหลืออีกร้อยละ 25
ที่น่าสนใจก็คือ แหล่งน้ำมันแห่งนี้ มีศักยภาพในการผลิต น้ำมันรองรับได้ถึงวันละ 15,000 บาร์เรล นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลเพิ่มอีกว่า ที่ผ่านมาบริษัทพลังงาน ของรัฐอาบูดาบี ดังกล่าว ยังมีการจัดตั้งบริษัทลูก เพื่อดำเนินธุรกิจ ในประเทศไทยในชื่อ “เพิร์ล ออยส์ (ประเทศไทย) จำกัด” มีสำนักงานอยู่ที่ “ตึกชินวัตร 3” โดย บริษัทเพิร์ลออยส์ฯ ถูกมองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องทางด้านธุรกิจพลังงานกับ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะในด้านการทำธุรกิจด้านพลังงานในอ่าวไทย ทั้งที่อยู่ในเขตไทย และในเขตที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างสิทธิ โดยมีการดึงเอาบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียมหรือ ปตท.สผ.เข้ามาเป็นหุ้นส่วนมาก่อนหน้านี้แล้ว
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2556 นายสรรเสริญ สมะลาภา อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น ที่ยกทรัพยากรธรรมชาติของชาติไปให้ ทักษิณ ชินวัตร ไปขายให้กับต่างชาติ สอดคล้องกัน กับคำให้สัมภาษณ์ของ ปลัดกระทรวงพลังงาน ณอคุณ สิทธิพงศ์ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2555 ซึ่งเป็นกรรมการปิโตรเลียม เปิดเผยว่าคณะกรรมการปิโตรเลียมได้เปิดพื้นที่ ผลิตปิโตรเลียมใน แหล่งนงเยาว์ ตามข้อเสนอของ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ โดยมีบริษัท เพิร์ลออยส์ฯ เข้าไปพัฒนา อยู่ในแปลงสำรวจ จี11/48 ในอ่าวไทย เมื่อเชื่อมโยง คำแถลงล่าสุดของบริษัท คัลดูน คาลิฟาฯ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ และตัวซีอีโอที่ออกมายอมรับการเข้าทำธุรกิจพลังงาน ในอ่าวไทย โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นไป และการเชื่อมโยง ความสัมพันธ์ที่มาที่ไปกับ ทักษิณ ชินวัตร และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่ลงนามสั่งการ รวมไปถึงบรรดารัฐมนตรี “ขี้ข้า” ที่พร้อม “รับงาน” ไม่ว่าจะเป็น รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล และ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพลังงาน ทั้งคนก่อน คนปัจจุบันอย่าง พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล
ความเคลื่อนไหวที่เห็น แม้ไม่ต้องอธิบาย ก็สามารถหลับตานึกภาพเห็นได้ชัดเจนกันอยู่แล้ว ว่านี่คือ รายการ “สมคบกันฮุบ ทรัพยากรของชาติ” ไปเป็นของส่วนตัว โดยใช้อำนาจรัฐ ใช้รัฐบาลที่มีน้องสาวนตัวเอง และบรรดารัฐมนตรี “ขี้ข้า” ทั้งหลายช่วยอำนวยความสะดวก ทุกอย่างเป็น “จิ๊กซอว์” ที่ต่อเชื่อมเห็นภาพได้ อย่างชัดเจน
และที่ผ่านมาแม้ว่า จะมีการรับรู้ และคาดการณ์กันอยู่ล่วงหน้าในทำนองว่า “กูว่าแล้ว” อะไรประมาณนั้นแหละ เพียงแต่ว่า ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน มีแต่การปะติดปะต่อ คาดเดาจากความเคลื่อนไหวและการเดินสายไปเจรจากับ ต่างประเทศที่มีพิรุธ และสื่อต่างประเทศก็เคยมีการรายงานตั้งข้อสงสัย ออกมาให้เห็นเป็นระยะ ไล่หลังการเดินทางของ ทั้ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ ทักษิณ ชินวัตร อยู่เสมอในเรื่องของ ผลประโยชน์ทับซ้อน โดยเฉพาะเรื่องธุรกิจพลังงานทั้งในอ่าวไทย พม่า เป็นต้น รวมทั้งเวลานั้นกระแสต่อต้านรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ ยังไม่มีแรงพอ ทำให้สังคมเกิดความรู้สึกร่วมได้มากเหมือนในตอนนี้
ดังนั้นการยอมรับและ การแถลงอย่างเป็นทางการ ของบริษัทพลังงานที่เข้ามารับสัมปทานขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทยของบริษัทที่เชื่อมโยงกับ ทักษิณ ชินวัตร คราวนี้มันจึงไม่ต่างจาก “ใบเสร็จ” ชิ้นสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่าคนในครอบครัวนี้กำลัง “ฮุบทรัพยากรของชาติ” ไปเป็นของส่วนตัว อย่างหน้าไม่อาย และนี่แหละคือ “ทุนสามานย์ข้ามชาติ” ที่คนอย่างเขาทำตัวทั้งเป็น “นายหน้า” และร่วมหุ้นแบบที่ ไม่ต้องลงทุน ขณะเดียวกันกรณีนี้ยังเป็นตัวอย่างและเป็นอีกคำตอบว่า ทำไมการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลทรราชย์ของ “มวลมหาประชาชน” ในไทยจึงได้รับการบิดเบือน และโจมตีจาก มหาอำนาจตะวันตก ก็เพราะมีผลประโยชน์ ทางธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง นั่นแหละ ยิ่งเห็นภาพชัดแบบนี้ ก็ต้องถึงเวลาที่รวมพลังกัน ขับไล่พวกทรราชย์ไปทั้งโคตร!! แชร์แฉเรื่องจริงเรื่องนี้ ไปให้เยอะๆ เพราะสื่อหลัก มันไม่ทำข่าวพวกนี้ให้ ปชช.ทั่วไปรู้ ยิ่งคนรู้มากยิ่งช่วย ประเทศได้มาก อ่านแล้ว ช่วยส่งต่อให้มากที่สุดด้วย
ทั้ง มูบาดาลา ปิโตรเลียม +เทมาเส็ก+ ทักษิณ +เขมร... มาร่วมทำธุรกิจร่วมกันที่เกาะกง ของเขมร
Time Line ของการกอบโกยผลประโยชน์ ด้านพลังงาน ของรัฐบาลทักษิณ-ยิ่งลักษณ์
สรุปผลงานขายชาติบางส่วน ของทักษิณ ยิ่งลักษณ์
1)ทักษิณแปรรูป ปตท... เพื่อโกงเอา ปตท ไปเป็นของตนและพวกเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนั้นในยุค ยิ่งลักษณ์ ยังพยายามเปลี่ยนให้ ปตท เป็นของเอกชน โดยลดหุ้น กระทรงการคลังลงไปอีก 2%....ทั้งนี้หลังแปรรูป ปตท ราคาพลังงานก็สูงอย่างต่อเนื่อง จากยุคชวนลิตรละ 9-14 บาท กลายเป็น ลิตรละ 53 บาทในยุคยิ่งลัก ราคาแก๊ส และไฟฟ้าก็สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
2)ทักษิณ ออก MOU44 ทำให้ไทยเสียพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ลดจาก จาก 90% เหลือแค่ 60%
3)ในยุครัฐบาลนอมินี สมัคร สุนทรเวช และสมชาย วงศ์สวัสดิ์....
รัฐบาลกัมพูชาแต่งตั้งพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเจรจาภายใต้ MOU 2544 ทั้งนี้เพราะ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เกี่ยวข้องโดยตรงในการผลักดันให้จัดทำ MOU 2544 และรับรู้ท่าทีในการเจรจาของฝ่ายไทย รัฐบาลไทย (รัฐบาลอภิสิทธิ์) จึงไม่อาจดำเนินการเจรจาภายใต้ MOU 2544 ได้อีก จนจะยกเลิก MOU44 ทำให้ทักษิณ มาก่อกบฏเผาบ้านเมืองในปี 52-53 เมื่อ ฝ่ายทักษิณชนะ ทำให้ได้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ประกาศไม่ยกเลิก MOU 44 ....ทำให้ปัจจุบัน MOU 44ยังไม่ถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด :
3.1)ในยุค รัฐบาลนอมินีของทักษิณ (สมัคร สุนทรเวช) ทักษิณ ให้ลิ่วล้อ คือนายนพดล ปัทมะ แกล้งปล่อยให้กัมพูชา ขึ้นทะเบียน มรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว เอาไทยไปแลกผลประโยชน์ กับ กัมพูชา โดยปล่อยให้เขมรขึ้นทะเบียนมรดกโลก แต่เพียงฝ่ายเดียว ...ทำให้ไทยเสียเขาพระวิหารบางส่วนไปในที่สุดในยุคยิ่งลักษณ์
3.2)รัฐบาลนอมินีของทักษิณ (สมชาย วงศ์สวัสดิ์) สร้างถนนและสะพานไปบังเกาะกงของเขมร เพราะทักษิณไปหากินร่วมทุนกับเขมร เทมาเส๊กและบริษัทน้ำมัน มูบาดาลา ....ทั้งนี้ บริษัท มูบาดาลาได้สัมปทานขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทย บางส่วน โดยแลกกับการซื้อสโมสรฟุตบอลแมนซิตี้ ยูไนเต็ต (ทีมเรือใบสีฟ้า) ของทักษิณในขณะนั้น ที่ทำให้ทักษิณได้กำไร ห้าพันล้านบาท และ เพิร์ล ออย ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ มูบาดาลา ได้ตั้งสำนักงานใหญ่ที่ตึกชินวัตร ที่ชั้น 29,30,31...ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของเพิร์ล ออย คือ บริษัท เทมาเส็กของสิงคโปร์
3.3)เมื่อ นายเนวิน ชิดชอบ เปลี่ยนขั้วการเมือง มารวมตัวกับ พรรค ประชาธิปัตย์ ทำให้ อภิสิทธิ์ เวชาชีวะ ได้ตั้งรัฐบาล... รัฐบาลอภิสิทธิ์ พยายามยกเลิก MOU44 ระหว่างปี 2552-2553 ...ทำให้ทักษิณโกรธมาก จึงให้บรรดาสมุนไปหลอกเสื้อแดงมาประท้วงที่ กทม และออกอาละวาด ไล่ทำร้าย นายอภิสิทธิ์ บุกที่ประชุมอาเซียน จนต่างชาติที่ร่วมประชุม ต้องหนีตาย และบินกลับบ้าน ในที่สุดก็ยุให้คนเสื้อแดง ก่อจลาจล เผาบ้านเมือง มีการลอบฆ่ากันเองเพื่อสร้างภาพว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ โหดร้าย
3.4)หลังการก่อจลาจล เผาบ้านเมือง ทักษิณและพวกใช้สื่อ ทุกด้าน (โดยเฉพาะวิทยุเสื้อแดงกว่า 5 พันแห่งทั่วประเทศ) ใส่ร้ายว่า รัฐบาลอภิสิทธ์ ทหารและสถาบัน ฆ่า ประชาชนจำนวนมาก และรัฐบาลอภิสิทธิ์ เป็นรัฐบาลอำมาตย์ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง...ทำให้ ประชาชนที่ถูกหลอก ได้ลงคะแนนเสียงท่วมท้น ถึง 205 ที่นั่งในสภา และกลายเป็นรัฐบาลเผด็จการแบบสมบูรณ์แบบ...จนเกิดการกำเริบเสิบสาร ทำการปล้นประเทศแบบมโหราณ หลายล้านล้านบาท เอาเงินเข้ากระเป๋าของตนเอง สร้างหนี้ให้คนไทยนานชั่วลูกหลานเหลนโหลน, แบ่งแยกดินแดน สร้างกองทันตนเองทั้งแบบเปิดเผย สร้างกองกำลัง นปช ติดอาวุธสงคราม ทำร้ายและฆ่า ผู้เห็นต่างที่ขัดผลประโยชน์ และล้มเจ้า เพื่อขจัดอุปสรรคในการบริหาร....
ในยุคสมัคร ที่เป็นนอมินีของทักษิณ.... ทักษิณออกแผนการ ยกแผ่นดินไทย ที่เขาพระวิหาร ให้เขมร เพื่อแลกกับผลประโยชน์ทับซ้อนของตนที่เขมร
หลังจากทำไทยเสียเขาพระวิหารบางส่วน ในยุคยิ่งลักษณ์ แผนต่อไปคือ แก้ไข มาตรา 190 เพื่อให้อำนาจแก่นายกรับมนตรีในการเจรจาเรื่องทรัพยากรของแผ่นดินโดยไม่ต้องผ่าน ครม.
รัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549
ในยุคสมัยหนึ่ง นายคณิน บุญสุวรรณ ได้เคยเขียนหนังสือชื่อว่า "รัฐธรรมนูญตายแล้ว?" ออกเผยแพร่เมื่อประมาณปี 2548 ก่อนการรัฐประหาร เมื่อ กันยายน 2549 โดยนายคณิน ได้กล่าวว่า
“ถ้า จะโทษใครสักคนระหว่างรัฐธรรมนูญ คณะทหารผู้ก่อการปฏิวัติกับนักการเมืองที่ถูกปฏิวัติแล้ว ควรจะโทษนักการเมืองที่ถูกปฏิวัติถึงจะถูกที่ได้ทำลายความศักดิ์สิทธิ์และ ความแข็งแรงของรัฐธรรมนูญ จนอ่อนปวกเปียกและเปราะบาง ป้องกันตัวเองไม่ได้ ตราบใดที่ยังปฏิวัติรัฐประหารอยู่ก็แสดงว่าบ้านเมืองยังไม่มีเสถียรภาพ การที่บ้านเมืองไม่มีเสถียรภาพ ไม่ได้เป็นเพราะรัฐธรรมนูญไม่ดี แต่เป็นเพราะนักการเมืองไม่ดี เห็นแก่ตัว และเอาแต่ได้ ตราบใดที่นักการเมืองยังเป็นอย่างนี้ ต่อให้เขียนรัฐธรรมนูญดีกว่ารัฐธรรมนูญปี 40 อีก 10 เท่า ก็ช่วยอะไรไม่ได้” นายคณิน กล่าว
นายคณิน ได้เคยกล่าวหลังจากการยึดอำนาจเมื่อ 19 กันยายนว่า “การ ยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา ไม่ได้เกิดจากรัฐธรรมนูญเป็นต้นเหตุ นักการเมืองต่างหาก ที่สร้างเงื่อนไขและก่อให้เกิดวิกฤติจนทหารต้องเข้ามา แทรกแซง และประชาธิปไตยต้องหยุดชะงักไป เราต้องไม่ลืมว่ารัฐธรรมนูญปี 40 ถูกนักการเมืองผู้มีอำนาจปู้ยี่ปู้ยำมาตลอด รัฐธรรมนูญเปรียบเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่ถูกกาฝากเกาะกินจนแทบจะยืนต้นตาย ดังนั้น เมื่อไม่สามารถช่วยชีวิตต้นไม้นี้ไว้ได้ด้วยวิธีอื่น จำต้องใช้วิธีโค่นทั้งต้นแล้วปลูกกันใหม่ เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า รวมทั้งครั้งนี้
การก่อกบฏของทักษิณและพวกในปี 53
ตามแผนล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์ในปี 52-53 ด้วยการประโคมข่าวไปหลอกคนเสื้อแดงจำนวนมากจากทุกจังหวัด ให้มาประท้วงที่ กทม โดยหลอกว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ ไม่ได้มาจากประชาธิปไตย และเป็นรัฐบาลอำมาตย์
เป้าหมายที่แท้จริง คือ ก่อกบฏ เพื่อสถาปนารัฐไทยใหม่ ล้มอำมาตย์.....โดยตั้งธง ว่าจะเผาเมืองถ้าไม่ได้ตามที่ต้องการ
สาเหตุที่เนวิน ย้ายขั้วการเมืองมาอยู่กับพรรค ประชาธิปัตย์ จนได้คะแนนเสียงมากพอ ที่จะตั้งรัฐบาลได้....ทั้งนี้เพราะนายเนวิน ชิดชอบ ไม่พอใจที่ทักษิณ ชินวัตร หักหลัง นายสมัคร สุนทรเวช โดยการตั้งน้องเขยของตนเอง คือสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มาเสียบแทนนายสมัคร ที่ถูกข้อหาว่ารับงานเอกชนในขณะนั้น...แต่ยังสามารถดำรงตำแหน่งได้ถ้าทางพรรคพลังประชาชน ยืนยันว่าจะให้นายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป....แต่ทักษิณก็เตะนายสมัครออกไปแล้วเอาน้องเขยมาเสียตำแหน่งแทน
จากความผิดจำนวนมากที่ทักษิณได้ทำมาในอดีต(ทักษิณ โกงไปแล้วกว่า 2.5 แสนล้าน ในตอนนั้น)
โดยเฉพาะ เมื่อผลคำตัดสินคดีที่ดินรัชดา และการขายหุ้นชิน(ทักษิณแก้กฏหมายเพื่อสามารถขายกิจการมือถือหรือหุ้นชิน....รวมทั้งยกสัมปทานดาวเทียมของไทย ให้แก่ สิงคโปร์ นอกจากนั้น ยังเลี่ยงภาษีเกือบ 5 หมื่นล้านที่ควรจะต้องเสียแก่รัฐบาล โดยการโยกเงินไปมาในตลาดหุ้น เพื่อฟอกเงิน ในชื่อลูก แล้วตนเองบินไปรับเงินทั้งหมดด้วยตนเองที่ปลายทางที่สิงคโปร์) จากการสอบสวนตามหลักฐาน พบ และยืนยันว่า "ทักษิณ ใช้อำนาจในทางมิชอบ...เอื้อประโยชน์แก่ตนเอง"...ในโครงการต่างๆ มากมาย .....เมื่อความจริงบางส่วน ถูกเปิดโปงเช่นนี้....ในขณะที่ทักษิณ ได้ลงทุนไปมากในการทำธุรกิจการเมือง ด้วยการซื้อพรรคการเมือง และ กวาดต้อน สส สว มาเป็นพวกของตน จนได้อำนาจในการทำเผด็จการรัฐสภา และใช้อำนาจบริหาร จนสามารถโกง ปตท ไปจากคนไทย (โดยได้หุ้น ไปจำนวนมากในนามนอมินี) มีการตั้งนายหญิงใหญ่มาคอยเก็บส่วยจากทุกโครงการของรัฐ โดยเงินใต้โต๊ะสูงถึง 50% นอกจากนี้ ทักษิณ ร่วมมือกับเขมร มาทำธุรกิจหลายอย่างที่เกาะกงและงับผลประโยชน์พลังงานในอ่าวไทย ตรงพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทยเขมร....ทั้งนี้เหล่านี้ ยังไม่ประสบความสำเร็จดังใจ (ทั้งนี้ ทักษิณเซ็นได้ทำ MOU44 ...ยกพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลให้แก่เขมร 30%ไปก่อนหน้านั้นแล้ว เพื่อแลกกับผลประโยชน์ส่วนตัว)......นอกจากนั้นยังเอื้อเขาพระวิหารให้แก่เขมร เป็นการแลกเปลี่ยน...โดยนาย นพดล ปัทมะ ปล่อยให้เขมร ขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว ..จนในที่สุด ไทยก็เสียเขาพระวิหารบางส่วนแก่เขมรในยุคยิ่งลักษณ์ .....)
เนื่องจากธุรกิจส่วนตัวยังไม่ลุล่วงเช่นนี้ มิหนำซ้ำยังมีนายอภิสิทธิ์ ขึ้นมาบริหารประเทศแทน นอมินี ของตนอีก และ จะ ทำการยกเลิก MOU44 ...ทำให้ทักษิณเสียผลประโยชน์ ทักษิณและสมุน จึงไปหลอกเสื้อแดง มาประท้วงที่ กทม ปี 2553 โดยใส่ร้ายว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์เป็นรัฐบาลอำมาตย์ ไม่ได้มาจาก ประชาธิปไตยและทักษิณถูกรังแก (จาก VDO นายเนวิน ชิดชอบ ยืนยันว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ เกิดจากการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง จนได้เป็นรัฐบาล และไม่ใช่รัฐบาลอำมาตย์ดังที่แกนนำแดงหลอก) โดยแกนนำเสื้อแดง ตั้งธงว่า จะเผา กทม....ถ้าไล่รัฐบาล อภิสิทธิ์ ไม่สำเร็จ... และบรรดาแกนนำประกาศ จะตั้งรัฐไทยใหม่ ที่เป็นสาธารณรัฐทักษิณ ขึ้นมาแทนโดยได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ เพราะสหรัฐต้องการคนขายชาติที่สามารถทำทุกอย่างได้เพื่อตนเองแบบทักษิณและพวก .....
ทั้งนี้เพราะสหรัฐอยากมาตั้งฐานทัพในไทย ไว้ต่อสู้กับจีนและรัสเซีย
นปช ก่อวินาศกรรม ชานเมืองรอบกรุง คืนวันที่ 10 เมษายน2553 หวังให้ไฟดับทั่วกรุง ก่อนปฏิบัติการโจมตีทหารที่มารักษาความสงบเรียบร้อยในกรุงเทพ
มีการวางระเบิดเสาไฟฟ้าแรงสูงรอบกรุงเพื่อให้ไฟดับทั่วเมือง ก่อนปฏิบติการโหด ทำร้ายและฆ่าทหารกลางกรุง
นปช ใช้ RPG ถล่มคลังน้ำมัน
มีกองกำลังการ์ดเสื้อแดงและชายชุดดำ ทำการฆ่าและทำร้ายทหารจำนวนมากโดยการระดมยิงไปที่ตั้งกองกำลังทหารที่มารักษาความสงบเรียบร้อยก่อน....ทำให้ทหารตายและเจ็บจำนวนมาก....การประท้วงยืดเยื้อมาหลายเดือน จนในที่สุด ผู้ประท้วงก็ยอมสลายการชุมนุม ....ทำให้ทักษิณโกรธมาก และสั่งห้ามไม่ให้แกนนำเลิกประท้วง....ต่อมาก็มีกองกำลัง การ์ด นปช เริ่มทำการยิงกราดไปที่ผู้ชุมนุม (มือปืน สารภาพว่าได้รับคำสั่งจากแกนนำและนายใหญ่ ให้ซุ่มในที่มืดแล้วยิงใส่ผู้ชุมนุม) เพื่อกระตุ้นให้เกิดการจลาจล เพื่อเอาศพมาประท้วง ขอคะแนนสงสารโดยใส่ร้ายว่าเป็นฝีมือทหาร รัฐบาลอภิสิทธิ์และสถาบัน ...หลังจากนั้น ก็มีการสั่งให้เผาเมือง ปล้นห้าง
การประท้วง ของเสื้อแดง ในปี 53 มาพร้อมด้วยกองกำลังแแฝง ที่ติดอาวุธสงคราม พร้อมปฏิบัติการก่อจลาจล
แกนนำ และทักษิณ สั่งเผาเมือง ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม
การเผาเมืองในปี 53 เพื่อล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์ เมื่อรู้ว่าสถานการณ์ของตนเป็นรอง แล้วใส่ร้ายว่าทหารเป็นคนเผา
รวมหัวกัน ประสานเสียงเพื่อ ใส่ร้าย ป้ายความผิดให้สถาบัน เพื่อกลบเกลื่อนความผิดของตนเอง
มีการเอาศพเสื้อแดงที่ถูกการ์ดเสื้อแดงยิงตาย เอามาแห่ ใส่ร้ายทหาร เพื่อขอคะแนนสงสาร และกระตุ้นให้เกิดจลาจล
สหรัฐหาทางแแทรกแซงไทยในปี 53
เมื่อครั้งที่เกิดสงครามเผาบ้านเมือง...ในปี 2554 กำลังนาวิกโยธินของสหรัฐ เตรียมยกพลขึ้นแทรกแซง จัดการปกครองใหม่และจัดการเลือกตั้ง โดยรัฐบาลใหม่ ต้องทำตามนโยบายสหรัฐ ที่ใช้ไทยเป็นฐานทัพ ปิดล้อมจีน โดยใช้กำลังพล 100,000 คน....ฝ่ายทหารของไทยในยุคนั้น รับรู้พิษสง ตอนที่สหรัฐเทไทย..และถอนตัวกลับประเทศ โดยไม่บอกกล่าว ในสมัยสงครามเวียตนาม (สงครามอินโดจีน)....เวียตนามเข้ายึด กัมพูชา และสถาปนาแนวรบของโซเวียตเพื่อปิดล้อมจีน และมีแผนจะโจมตีไทย ด้วยกองกำลังรถถังขนาดใหญ่...แต่ไทยไหวตัวทันและไปขอร้องจีนให้ช่วย ...จีนจึงเปิดศึกชายแดนกับเวียตนาม เรียกว่า "สงครามสั่งสอนเวียดนามที่ชายแดนเวียดนามจีน" ทำให้เวียตนามต้องหันไปทำสงครากับจีนแทน
ทักษิณ และยิ่งลักษณ์ พาพวกมาปล้น และผลาญประเทศ มานานกว่า 20 ปี....ทั้งถ่วง ทั้งทำลายชาติ มาโดยตลอด
ผลงานโกงชาติ ของทักษิและพวก ทั้งที่ทักษิณทำเอง และสังการให้สมุนทำให้ โดยลประโยชน์ ตกอยู่ที่ทักษิณ
ตัวตนที่แท้จริงของทักษิณ
ทักษิณ นักต้มตุ๋น ระดับโลก ผู้ทำเผด็จรัฐสภาโกงอุดตลุด และคลั่งอำนาจ ... กับยิ่งลักษณ์ ไบโพล่าร์ ผู้ผลาญไทยจนเกือบสิ้นชาติและแบ่งดินแดน
Sun, Feb 7, 2010 โดย กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ
ตามมารู้จักนายกรัฐมนตรีของเรา พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร กันครับ มาดูกันซิว่า สมัยท่านเป็นนักธุรกิจ ท่านบริหารธุรกิจของท่านอย่างไร
ผมว่าเป็นประโยชน์มากเลยครับ…
จะได้เห็นวิธีการ ขั้นตอนสลับซับซ้อน น่าสนใจ และจะรู้และเข้าใจเลยว่า ทำไมถึงรวยได้เร็วจริง ๆ และจะได้รู้จักนายกฯทักษิณดีขึ้น
ตามมาดูในเรื่องของ “ หุ้น ” ครับ
มีคำถามมากพอสมควรว่า ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน จึงโอนหุ้น ๘,๐๐๐,๐๐๐ กว่าหุ้น มีมูลค่ากว่า ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เอาไปให้แม่ครัวบ้าง พี่เลี้ยงบุตรบ้าง และยามที่อยู่ที่บ้านบ้าง
ต้องตามไปดู จึงจะจับร่องรอยได้
ไปดูว่าการโอนหุ้นนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ !!!
พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน โอนหุ้นให้กับนางสาวบุญชู ซึ่งเป็นแม่ครัว ๒,๗๙๔,๖๐๐ หุ้น
โอนหุ้นให้นางสาวดวงตา ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของบุตรของตัวเอง ๒,๗๙๒,๖๐๗ หุ้น
และโอนหุ้นให้นาย(ชัยรัตน์) ซึ่งเป็นยามที่บ้าน ๒,๖๑๙,๘๖๗ หุ้น
รวมทั้งหมดมีมูลค่ากว่า ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ในขณะนั้น
ความจริงการโอนหุ้นในลักษณะนี้ ถ้าเป็นคนที่เคยอยู่ในตลาดทุน คนที่เคยเล่นหุ้นก็จะรู้ว่า ทั้งพ.ต.ท.ทักษิณเอง คุณหญิงพจมานเอง ไม่ต้องการให้ใครรู้ ว่าตนเอง ซื้อหรือขายหุ้นที่ถือครองอยู่ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่เท่าใดและเมื่อไหร่
เหตุผลที่ทำก็รู้ๆ กันอยู่ในวงการตลาดหุ้นครับ
ดังนั้นการซื้อการขายหุ้นจะให้คนอื่นทำแทน ดูได้จากบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หุ้นในมือของ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยครับ
ตั้งแต่ปี ๒๕๓๕ เป็นต้นมา
มีการเพิ่มทุนครั้งใดก็ซื้อเพิ่ม ตามสัดส่วนที่ตัวเองมีสิทธิตลอดเวลา
มีการเปลี่ยนแปลงบ้าง เมื่อโอนหุ้นให้ลูกชาย ตอนที่ตัวเองเข้ามาเล่นการเมือง
ที่ผมตั้งประเด็นไว้ตั้งแต่ต้นว่า ทำไมต้องไปโอนหุ้นให้อยู่ในชื่อของแม่ครัวบ้าง ยามบ้าง พี่เลี้ยงบุตรบ้าง คนเหล่านั้นไว้ใจได้แค่ไหน เพราะเงินนับหมื่นล้านบาทนะครับ
ต้องย้อนกลับไปดูว่า กลต. เขาจัดตั้งเมื่อไหร่
จะพบว่า กลต. จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๓๕
พ.ต.ท. ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ซุกหุ้นเมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕ ดูตามวันที่แล้วก็จะพบว่าซุกหุ้นเป็นเวลา ๑ เดือน ก่อนกฎหมายประกาศใช้
ผมไม่อยากจะคิด แต่เชื่อว่าไม่ใช่เฉพาะคุณหญิงพจมานและพ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้นที่ประพฤติอย่างนี้ เชื่อว่ามีบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์จำนวนมาก รู้และเข้าใจว่า เมื่อ กลต.เข้ามามีบทบาทควบคุมซื้อขายหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่แล้ว ผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะซื้อขายหุ้นต้องแจ้ง กลต. ครับ
เพราะฉะนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือ การโอนหุ้นของตัวเองไปซ่อนไว้ ไปซุกไว้ในชื่อคนอื่น กลต.จะได้จับผิดไม่ได้
ผมว่าตรงนี้เป็นเหตุผลที่สำคัญ
เพราะว่าการโอนหุ้นครั้งนี้ โอนเป็นจำนวนมาก โอนในเวลาเดียวกัน
คือโอนเพียง ๑ เดือน ก่อนที่ กลต.มีอำนาจเข้ามาควบคุมบริษัทเหล่านี้
คำถามที่ผมคิดว่าหาคำตอบได้ยากเต็มที เป็นประเด็นที่ต้องคิด เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมานยอมรับว่า หุ้นเหล่านี้เป็นหุ้นของตัวเอง ปรากฏว่าการขายหุ้นเหล่านั้นได้เกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายน ๒๕๔๐ – ๒๕๔๑ ได้ขายไปทั้งหมด
จริงๆแล้วในช่วงเดือนเมษายน ๒๕๓๖ หุ้นในชื่อแม่ครัว พี่เลี้ยงบุตร และในชื่อของยามก็ขายไปหมดเกลี้ยง แต่ไม่ทราบว่าขายไปให้ใคร
เมื่อขายแล้วก็กลับมาซื้อใหม่ ซื้อมาขายไป ทำให้คนสงสัยว่าพฤติกรรมอย่างนี้เป็นการปั่นหุ้นหรือเปล่า เรื่องนี้มีคำถามมากมาย แต่หาคำตอบได้ยากเต็มที เพราะในขณะนี้การตรวจสอบเกือบจะไม่มี
ถ้าหากเราไปเรียกร้องให้มีการตรวจสอบ กลต.จะบอกว่า เดี๋ยวนี้หลักฐานทั้งหมดหาไม่เจอแล้ว เพราะเรื่องมันนานเต็มที
ตามไปดูเรื่องหุ้นกันต่อครับ
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ปรากฏว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีการขายหุ้นของตัวเองให้กับบริษัทข้ามชาติ การขายหุ้นในครั้งนั้นทำตอนที่มีการเพิ่มทุน
ในช่วงนั้น พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ถือหุ้นจำนวนใกล้เคียงกัน พ.ต.ท.ทักษิณถือหุ้นอยู่ ๓๒,๙๒๐,๐๐๐ หุ้น คุณหญิงพจมานถือหุ้น ๓๔,๖๕๐,๐๐๐ หุ้น
ช่วงที่มีการเพิ่มทุน คุณหญิงพจมานก็ได้เพิ่มหุ้นของตัวเองเป็นเท่าตัวครับ จาก ๓๔,๖๕๐,๐๐๐ หุ้น เพิ่มเป็น ๖๙,๓๐๐,๐๐๐ หุ้น แต่ในส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณที่มีหุ้นอยู่ ๓๒,๙๒๐,๐๐๐ หุ้น ไม่ได้เพิ่มขึ้นครับ
ส่วนที่เพิ่มขึ้นนั้น ปรากฏว่าขายให้กับบริษัทข้ามชาติ บริษัทนี้มีชื่อว่า บริษัท Ample Rich Investments Limited ในทะเบียนหุ้น ระบุชัดเจนว่า บริษัทนี้ถือสัญชาติ บริติช เวอร์จิน ไอร์แลนด์ แปลความหมายง่ายๆ หมายความว่าบริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นที่หมู่เกาะบริติช เวอร์จิน ครับ
ตอนที่มีเรื่องคดีซุกหุ้นเกิดขึ้น กลต.มีความจำเป็นต้องเข้าไปตรวจสอบ พบว่าบริษัท Ample Rich Investments Limited ที่ผมเรียนให้ท่านผู้อ่านทราบว่า
พ.ต.ท.ทักษิณขายหุ้นให้บริษัทข้ามชาติบริษัทนี้ ปรากฏตามทะเบียนหุ้นว่าบริษัทนี้กลายเป็นบริษัทที่คุณทักษิณถือหุ้นไว้ทั้งหมด ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ !!!
ฟังดูแล้วแปลกดีครับ คุณทักษิณขายหุ้นตัวเองให้กับบริษัทที่ตัวเองถือหุ้น ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ครับ
คำถามที่ไม่มีคำตอบ และไม่มีใครรู้ได้นอกจาก พ.ต.ท.ทักษิณเองคือ
๑. ทำไมพ.ต.ท.ทักษิณต้องไปตั้งบริษัทไว้ที่หมู่เกาะ BVI ครับ ?
๒. ทำไมพ.ต.ท.ทักษิณต้องใช้บริษัทนั้นมาซื้อหุ้นของตัวเอง ?
๓. พ.ต.ท.ทักษิณใช้เงินที่ไหนในการซื้อหุ้นของตัวเองในครั้งนั้น ?
ประเด็นสำคัญพ.ต.ท.ทักษิณในฐานะผู้ขาย รับเงินการซื้อขายนี้แล้วนำเข้ามาในประเทศหรือเปล่า เอาไปไว้ที่ไหนครับ หรือในฐานะของผู้ซื้อนำเงินที่ไหนมาซื้อหุ้นจำนวนนี้
คำถามเหล่านี้ยังไม่มีคำตอบ
เวลาเราเข้าไปดูบริษัท Ample Rich Investments Limited เราจะเห็นว่าเป็นบริษัทที่ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ( ชิน คอร์ปอเรชั่น ) แต่มีหลักฐานปรากฏว่า ปัจจุบัน พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้เป็นเจ้าของบริษัทนี้แล้วครับ
รวมทั้งไม่มีใครรู้ว่า เวลานี้บริษัทนี้ใครเป็นเจ้าของ เมื่อเข้าไปตรวจสอบลึกๆพบว่าที่อยู่ของบริษัทนี้ไม่ได้ใช้ที่อยู่ที่ BVI แต่ปรากฏว่ามีที่อยู่ที่สิงคโปร์ครับ
เมื่อตรวจสอบหลายอัตรา ที่อยู่ของบริษัทนี้มีตัวตนหรือไม่ กลับพบว่าเป็นที่อยู่ของบริษัทชื่อ Petro-Asia Services Pte Ltd ครับ ชื่อเหมือนกับบริษัทค้าน้ำมัน ใช้ที่อยู่ที่เดียวกันกับบริษัท Ample Rich Investments Limited
ติดตามต่อไป กลับพบว่ามีการแตกหน่อออกไปอีก คือหลังจากบริษัท Ample Rich Investments Limited ซื้อหุ้นจากพ.ต.ท.ทักษิณไปแล้ว ก็มีการแตกหน่ออีก เป็นอีกบริษัทหนึ่งแต่ใช้ชื่อเดียวกัน กลายเป็นสัญชาติอังกฤษ มีหุ้น ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ หุ้น เมื่อตรวจสอบที่อยู่ก็ใช้ที่อยู่ที่สิงคโปร์เหมือนกับบริษัท Ample Rich Investments Limited ที่ BVI กลายเป็นที่อยู่ของบริษัทชื่อ Pico Guards Pte Ltd เป็นบริษัทรับงานเรื่องยาม เรื่องรักษาความปลอดภัย
ที่ผมเล่าให้ฟังทั้งหมดนี้ ผมอยากจะชี้ให้เห็นถึงความซับซ้อนของการทำธุรกิจของนายกฯทักษิณครับ
คงไม่มีคำตอบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต เขาทำอะไรกันอยู่
ท่านอดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ท่านประเสริฐ นาสกุล เคยพูดเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นของนายกฯทักษิณกับบริษัทข้ามชาติไว้อย่างน่าสนใจ ท่านได้เขียนไว้ในคำพิพากษาส่วนตนหัวข้อที่ ๑๐
ท่านพูดว่า “ อีกเรื่องหนึ่ง แม้เหตุการณ์ที่ผู้ร้องไม่ต้องยื่นบัญชีแล้ว เมื่อผู้ถูกร้องและคู่สมรสขายหุ้นบริษัท เอส ซี เค เอสเตท จำนวน ๓.๕ ล้านหุ้นเศษ และจำนวน ๒ ล้านหุ้น หุ้นละ ๑๐ บาท เป็นเงิน ๕๕ ล้านบาทเศษ ให้กับบริษัท Win Mark Limited ถือสัญชาติ British Virgin Island วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๓ ผู้ถูกร้องยืนยันว่า การขายหุ้นครั้งนี้เป็นการขายหุ้นตามปรกติ ไม่มีลักษณะการฟอกเงินแต่ประการใด”
ท่านเขียนต่อไปว่า “ ทำให้เกิดปัญหา สงสัย ต่อไปว่า บริษัทผู้ซื้อใช้เงินสกุลใด มาจากที่ใด ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ”
ท่านประเสริฐเขียนต่อนะครับว่า “ น่าเสียดายจัง ที่ผู้ถูกร้องไม่ได้อธิบายด้วย”
นี่แหละครับ คือการซับซ้อนการทำธุรกิจของท่านนายกรัฐมนตรี
เรื่องที่ขำไม่ออกก็คือ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๔๕ ซึ่งตอนนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วครับ
วันนั้นมีการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่องยุทธศาสตร์เพื่อการแข่งขันของเศรษฐกิจไทย ท่านพูดในที่ประชุมครับ ผมเอาคำพูดของท่านมา ท่านพูดในช่วงหนึ่งน่าสนใจมาก
นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดหลายประเด็น (น่าจะเรียกว่าข้อไม่กำหนด) ที่ทำให้รัฐบาลของหลายประเทศปวดหัวกับบริษัทที่ไปตั้งที่หมู่เกาะนี้ เพราะบริษัทเหล่านี้ใช้ BVI เป็นแหล่งหนีภาษีและฟอกเงิน (Tax Heaven Territory)
ท่านบอกว่า “ เมื่อวานผมได้ดูข่าวจาก CNN ทราบว่าขณะนี้สภาของสหรัฐกำลังแก้ไขกฎหมายใหม่ ทั้งนี้เพราะบริษัทต่างๆไม่มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐ แต่ไปจดทะเบียนในประเทศอื่นๆ เช่น ในปานามาบ้าง หรือที่หมู่เกาะ บริติช เวอร์จิน ไอร์แลนด์ ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่ไม่รักชาติ เพราะถือว่าเป็นการเลี่ยงภาษี เห็นได้ว่า แม้สหรัฐจะเป็นประเทศที่มีเสรีภาพสูงยังมีการดำเนินการเช่นนี้ ”
ท่านนายกรัฐมนตรียังพูดต่อนะครับว่า “ ก็อยากฝากให้คนไทยและบริษัทต่างๆมีความรักชาติด้วย ”
ที่ผมบอกว่าตลกไม่ออกก็เพราะว่า แปลว่านายกฯทักษิณท่านรักชาติเฉพาะตอนที่ท่านมาเป็นนายกรัฐมนตรีเหรอ แล้วในอดีตก่อนที่ท่านมาเป็นนายกรัฐมนตรี สมัยท่านทำธุรกิจของท่าน ท่านไปตั้งบริษัทข้ามชาติเหล่านี้ ในหมู่เกาะที่ท่านเป็นคนพูดเองว่าเป็นการเลี่ยงภาษี ท่านไม่ได้รักชาติด้วยใช่หรือไม่
นี่ก็เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ นอกจากว่านายกฯทักษิณเท่านั้นที่จะรู้ ว่าสิ่งที่ตัวเองทำไปนั้นทำเพื่ออะไรครับ
ที่เป็นประเด็นสำคัญและชี้ให้เห็นชัดเจน ว่าการดำเนินการในคดีซุกหุ้นส่วนที่พอจะหาหลักฐานได้เป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายของ กลต. กลต.พิจารณาว่า คุณหญิงพจมานนั้นไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๔๖ และมีการเปรียบเทียบความผิด โดยคณะกรรมการเปรียบเทียบปรับตามมาตรา ๓๑๗
เรื่องนี้คุณหญิงพจมาน ชินวัตร โดนปรับไปเป็นเงินทั้งสิ้น ๖,๓๑๘,๐๐๐ บาทครับ
เรื่องของบริษัทที่ตั้งอยู่ที่หมู่เกาะบริติช เวอร์จิน ยังไม่จบง่าย ๆ ล่าสุดบริษัท Ample Rich Investments ถือหุ้น SHIN เป็นจำนวน ๒๒๙,๒๐๐,๐๐๐ หุ้น ( ร้อยละ ๗.๗๘ ) เมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๔๗
ขอโทษนะ ตอนนี้ล่องหนหายตัวไปแล้วครับ ไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัท SHIN อีกต่อไปแล้ว จากรายงานล่าสุด เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๔๗ สด ๆ ร้อนๆ เลยครับ
Ample Rich Investments ขายหุ้น SHIN ที่ถือครองไว้ถึงร้อยละ ๗.๗๘ ไปจนไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่แล้วครับ เป็นการขายล็อตใหญ่ กลต. ยังไม่เปิดเผยข้อมูล ถ้าตีราคาหุ้นละ ๔๐ บาท มูลค่าหุ้นก็เฉียด ๆ ๑๐,๐๐๐ ล้าน เกิดอะไรขึ้นครับเกี่ยวข้องกับฤดูเลือกตั้งหรือเปล่า เดายากครับ.
http://www.korbsak.com/2010/02/%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B4%E0%B8%93-%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%81/
ในยุครัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ... ทักษิณได้ออกรายการในคลับเฮาส์ เพื่อให้ร้ายรัฐบาล ต่างๆนานา โดย ประกาศว่า ตัวเองจะกลับมาบริหารประเทศ
วิธีหากิน ในระบอบทักษิณ คือร่วมมือทำกันเป็นกระบวนการ ระหว่างทักษิณและสมุน โดยเงินที่ได้ มอบให้ หลงจู๊ของพรรคเป็นผู้ รวบรวม
ถ้าพลาดถูกจับได้ ก็ให้สมุนรับกรรม ติดคุก แต่จะให้สมุนที่แฝงตัวในกระบวนการยุติธรรมคอยให้การช่วยเหลือ ผ่อนคดีให้หนักเป็นเบา หรือเลี้ยงดูระหว่างติดคุก...ผลประโยชน์จากการโกงตกเป็นของทักษิณและพวก... โดยภาครัฐไม่สามารถยึดเอาเงินที่โกงคืนมาได้เลย...เมื่อลูกน้องพ้นคุก แสดงว่ามีความจงรักภักดีต่อทักษิณมากพอ...ทักษิณจะให้อำนาจทางการเมืองและผลประโยชน์ตอบแทนบ้าง
"ถาม...ทำไมวงจรอุบาทว์อาจหมุนกลับมาได้อีก"
"คำตอบอยู่ข้างล่างนี้ ซึ่งเป็นสาเหตุส่วนหนึ่ง"
๑. ตระกูลชิน ยึดองคาพยพ รัฐวิสาหกิจเบ็ดเสร็จ ขุมสมบัติหลาย แสนล้านของชาติ ได้ถูกแบ่งขายครั้งแรกในน้ำมือรัฐบาลพี่ชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ คือ ปตท.
และหากมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค ไม่ร้องต่อศาลปกครอง กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ.........
" เตรียมขาย กฟผ. "
จนศาลปกครองสูงสุด
มีคำพิพากษา........
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2549
ให้เพิกถอนพระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจสิทธิ และประโยชน์ของบริษัท กฟผ.จำกัด (มหาชน) พ.ศ.2548
และหากพี่ชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังอยู่ในอำนาจป่านนี้สมบัติชาติคงถูกขายกินหมดแล้ว
๒. กระนั้นก็ตาม เมื่อมาถึงยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์เรืองอำนาจ ก็เข้ามาทำพฤติกรรมเดิมๆ สูบกินรัฐวิสาหกิจอีกครั้งภายใต้ระบบโครงสร้างความเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ ก็ได้ค่าเบี้ยประชุม โบนัส และเงินตอบแทน ตลอดจนการจัดซื้อจัดจ้าง จากงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ ที่ระดับและอำนาจการตรวจสอบจะอ่อนด้อยกว่ากระทรวง กรมต่างๆ ซ้ำร้ายกว่านั้น
รัฐวิสาหกิจ ที่แปรรูปเป็นเอกชน ผลตอบแทนกรรมการ ตลอดจนการตรวจสอบจากรัฐในการบริหารงบลงทุนต่างๆ และการสนองตอบนโยบายสาธารณะ ก็ยิ่งน้อยลง
ยกตัวอย่าง ปตท.ที่แปรรูปไป ยังเล่นแร่แปรธาตุดูดกินด้วย การถ่ายโอนผลประโยชน์ ทรัพย์สิน
การลงทุนผ่านบริษัทลูกปตท. ที่อยู่นอกเขตการตรวจสอบภายใต้อำนาจรัฐออกไปเรื่อยๆ เงินไหลออกไป บริษัทลูก ทำให้บริษัทแม่ผลประกอบการไม่ดี
แต่การตรวจสอบบริษัทลูกหรือบริษัทที่ ปตท.ร่วมทุน กลับยิ่งยากขึ้น และมาวันนี้ ยุคน้องสาว พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ก็มีพฤติกรรมไม่ต่างกัน
แต่คราวนี้ขยายวงกว้างกว่ามาก เกือบจะทุกรัฐวิสาหกิจ
ทั้งด้านพลังงานสาธารณูปโภคและธนาคาร ที่เริ่มด้วย
(1) การตั้งคนในธุรกิจตนเองมาเป็นกรรมการหวังกระทำบางอย่างหรือไม่ นอกจากนี้ยังต่างตอบแทนผู้ภักดีกล้าหาญด้วย
(2) การแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ. คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับ_กรรมการและพนักงาน
รัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....ให้คุณสมบัติต่ำลงและมีการเปิดช่องให้ผู้มาดำรงตำแหน่งมีผลประโยชน์ทับซ้อนได้ แล้วแต่ รมว.คลัง จะพิจารณายกเว้น และ
(3) การรวบเอาที่ดินของรัฐวิสาหกิจมาจัดสรรเองใหม่ พร้อมหลักฐานการจัดตั้งองค์กรใหม่มาจัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดย
(1) ตั้งคนใกล้ชิดเป็นกรรมการเกรดเอ รายชื่อต่อไปนี้ (อย่าได้ปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ธุรกิจครอบครัวชินวัตร)
- การท่าเรือแห่งประเทศไทย มีพล.ร.อ.เกียรติศักดิ์ ดามาพงศ์ พี่ชายต่างมารดาของคุณหญิง
พจมาน ชินวัตร เป็นกรรมการและมีน้องรักพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างพล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นประธานกรรมการ
- การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ตั้งนายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล รองกก.ผู้อำนวยการบริษัท ไทยคม จำกัด(มหาชน) และนายสุนทร ทรัพย์ตันติกุล ทนายความพ.ต.ท. ทักษิณ เป็นกรรมการไปคุมคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ก็ตั้ง ดร.นงลักษณ์ พินัยนิติศาสตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านการตลาด บมจ.ไทยคม ธุรกิจครอบครัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นประธานคณะกรรมการ
- บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด ขุมสมบัติอีกแห่งที่ตั้ง น.ต.ศิธา ทิวารี อดีต สส.ไทยรักไทย และเพื่อนสนิทพานทองแท้ ไปเป็นประธานกรรมการ ส่วนนายธานินทร์ อังสุวรังษี กรรมการอิสระ มาจากผู้บริหารบริษัทแคปปิตอลโอเค และบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ลูกน้องธุรกิจครอบครัว น.ส.ยิ่งลักษณ์และยังได้เป็น กก.ผู้จัดการ ธนาคารอิสลามฯ ก่อนจะมีคดี แล้วต้องเปลี่ยนตัวไม่นานนี้
- นอกจากนี้ยังตั้ง นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อัยการอาวุโสเป็นกรรมการ แต่พอไปดู เหตุใดน.ส.ยิ่งลักษณ์ ถึงใจป้ำตั้งนายธนพิชญ์ เป็น กรรมการรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง ได้แก่
บ.ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน),
บ. ขนส่ง จำกัด และการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ได้รับค่าตอบแทนรวมทั้งหมด 1,348,825.81 บาท
อัยการอาวุโสท่านนี้มีประวัติอย่างไร
เป็นอัยการที่รับผิดชอบคดีทุจริต จัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ ที่ไม่ยอมสั่งฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและพวกรวม 25 คน ในคดีซีทีเอ็กซ์
และสั่งไม่ฟ้องคดี การอนุมัติเงินกู้ธนาคารกรุงไทย ให้ บริษัทเอกชน เช่น กลุ่มเครือกฤษดามหานคร วงเงินหลายร้อยล้านบาท
ทั้งที่คตส.และป.ป.ช.ตั้งข้อหา นี่หรือไม่คือสาเหตุ
-ขณะที่นายวัฒนา เตียงกูล ทนายความพรรคเพื่อไทย ก็เปลี่ยนเป็นมารับเงินเดือนในบอร์ดทอท. แทน
- ในขณะที่ปตท.นอกจากจะตั้ง เบญจา หลุยเจริญ ที่ช่วยให้คดีขายหุ้นชินคอร์ป ไม่ต้องเสียภาษีสมัยเป็นรองอธิบดีกรมสรรพากร ก่อนไปเป็นประธานกรุงไทย และเป็น รมช.คลัง
- ก็ยังตั้ง อัยการคนเก่งอย่างนาย จุลสิงห์ วสันตสิงห์ ผู้สั่งไม่ฟ้องคดีเลี่ยงภาษีของครอบครัวชินวัตร
- ในเหตุผลเดียวกัน ก็ยังพ่วงนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ผู้เร่งดำเนินการคืนพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้เป็นกรรมการ
- แต่ก็ยังไม่น่าสนใจเท่าการส่งนาย วรุณเทพ วัชราภรณ์ ผู้บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ฯ จำกัด (มหาชน) ลูกน้องตนเองในธุรกิจครอบครัว มานั่งกุมขุมทรัพย์ที่ปตท.
ส่วนบริษัทลูกของปตท. อย่าง บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด ก็มีคำสั่งให้ นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ทนายความไทยรักไทย ไปคุม
คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล นายวีรภัทร ศรีไชยา ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณในคดีเลี่ยงภาษี 1.2 หมื่นล้านบาท ของพานทองแท้ และพินทองทา ชินวัตร และเป็นทนายความพรรคเพื่อไทย ที่ยื่นคำร้องขอให้ตุลาการทั้ง 8 คน เพิกถอนมติรับคำร้องและคำสั่งที่ให้รัฐสภารอการดำเนินการลงมติวาระ 3 ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และตั้ง พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เพื่อนสนิทพ.ต.ท.ทักษิณ
- ที่น่าตะลึงพึงเพริดคือ การตั้ง พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร อดีตหัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นกรรมการและผู้อำนวยการกองสลาก ถามว่า หน่วยงานนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเจ้าของหรือ ??
ธนาคารกรุงไทย ที่นอกจากจะตั้ง นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ เป็นกรรมการแล้ว ยังตั้งลูกน้องในเครือชินคอร์ป อย่าง นางอรุณภรณ์ ลิ่มสกุล ที่ใครๆก็รู้ว่าคือ ผู้บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และ นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ที่มีอีกตำแหน่งในฐานะ กรรมการ บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น
- ธนาคารออมสิน นอกจากจะตั้ง ดร.นงลักษณ์ พินัยนิติศาสตร์ ผู้บริหารระดับสูง ไทยคม อย่างที่กล่าวแล้ว ยังตั้งนายชัยธวัช เสาวพนธ์ กรรมการบริษัท วินโคสท์อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) ให้ไปเป็นกรรมการออมสินเพื่อหวังทำอะไร
- องค์การเภสัชกรรมเหตุใด จึงตั้งเอานายสมชัย โกวิทเจริญกุล พี่เขยนายกฯเอง (สามี นางมณฑาทิพย์ โกวิทเจริญกุล (ชินวัตร) กรรมการ และ ผู้ถือหุ้น บริษัท เอ็มลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ธุรกิจในครอบครัว น.ส.ยิ่งลักษณ์
- แต่ที่น่าสนใจคือ นายสมชัย โกวิทเจริญกุล คือ ผู้ถือหุ้นในบริษัท ฮัวถอ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจนำเข้าอุปกรณ์การแพทย์ จากประเทศจีน
จึงน่าคิดว่าตั้งให้เข้าไปทำอะไรในองค์การเภสัชกรรม ??
- การประปานครหลวง ตั้ง นายเอกราช ช่างเหลา ที่เคยถูกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) สั่งอายัดเงิน และ การทำธุรกรรมการเงินในช่วงชุมนุมคนเสื้อแดงปี 2553 เนื่องจากศอฉ.เชื่อว่า เป็นท่อน้ำเลี้ยงกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะพบเงินหมุนเวียนในบัญชีร่วม 1,200 ล้านบาท
- ขณะที่การประปาส่วนภูมิภาค ตั้ง พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ แกนนำนปช.และกลุ่มคนเสื้อแดงผู้ถูกออกหมายจับในคดีก่อความวุ่นวายปี’53 ไปนั่งคุม
- นอกจากนี้ยังตั้ง นางอัมพร นิติสิริ ที่เป็นภรรยา ของ นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม ไปเป็นกรรมการคุมการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ทั้งหมดกระทำภายใต้อำนาจ น.ส.ยิ่งลักษณ์เองโดยตรง ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ประธานคณะกรรมการนโยบายทุนรัฐวิสาหกิจ (กนท.)
- และล่าสุดประธานคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ แม้จะมอบให้ใครดูแล แต่ด้วยตามกฎหมายการกำกับรัฐวิสาหกิจทุกฉบับ ก็สั่งให้มาเคาะครั้งสุดท้ายบนโต๊ะครม.ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้บริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั่งที่หัวโต๊ะ
ขณะที่ การกระทำตาม (2) การแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจฯ และ. 3) การจัดตั้งองค์กรใหม่มาจัดการเรื่อง
อสังหาริมทรัพย์รัฐวิสาหกิจ นั้นจะได้กล่าวเจาะในตอนต่อไป
หมดประเทศหรือยัง..........? เขาเป็นเจ้าของประเทศหรือ ? คุณ.....ยินยอม.....หรือ......?
ลุกขึ้นเถิด...พี่น้องไทย.... อย่าให้....ชีวิตสูญเปล่า....รักชาติ....แผ่นดินของเรา..
เหมือนดังพงศ์เผ่า.........ต้นตระกูลไทย........... !
..................
อ่านจบก็เข้าใจได้หรือยังครับ ว่าทำไมจึงต้องมีขบวนการ "ล้ม เจ้า"..เพื่อเข้ายึด "อำนาจใหม่"..ล้มล้างเจ้าทิ้งไป แล้วเข้ายึดครองสร้างอำนาจใหม่ ภายใต้ระบบ "ประธานาธิบดี" ผู้มีอำนาจสูงสุด (ทีนี้ล่ะ..ได้สิ้นชาติทันตาเห็น)...ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ก็จะต้องตกไปสู่มือของผู้มีอำนาจใหม่ที่จะทำเพื่อพวกพ้องและบริวารตนเท่านั้น...ประวัติศาสตร์กษัตริย์นักรบ ก็จะหายไปสิ้น เหลือแต่ประวัติใหม่ของโจรปล้นบัลลังก์ ที่นั่งเทียนเขียนอุปโหลกเรื่องดีให้เลวร้าย เรื่องเลวร้ายที่พวกมันทำฉิบหาย ให้ดูดี...
ตื่นนะ..พี่น้องไทย อย่าปล่อยให้ไฟไหม้ประเทศ
กษัตริย์..ทำให้ชาติ
นักการเมือง..ทำให้โคตรของพวกมัน
เปิดโปง ออกไปให้มากที่สุด.....
ลูกของทักษิณ ...ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
บริษัทของลูกทักษิณได้เงินกู้ 5,000 ล้าน จาก ICT ดอกเบี้ย 0%
ไม่กำหนดเวลา ชำระคืน
แถมได้รับการเว้นภาษีจากบีโอไออีกทำสวนสนุกได้รับการเว้นภาษี
แพทองธาร คือผู้ถือหุ้นใหญ่ ในสนามกอลฟ์อัลไพน์ ที่เกิดจากการโกงที่ดินวัด ในยุคทักษิณ
ทักษิณ” พลิกเกม! แห่ง Generation
.
ดัน”อุ๊งอิ๊ง” ใต้เงา“ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-หญิงอ้อ” นั่ง “ประธานที่ปรึกษาพรรค” หวัง เสียง คนรุ่นใหม่ โยนหิน “นายกฯหญิง #2” “หลาน อิ๊ง” ชิงกับ ลุงตู่ หรือ ยังมี เซอร์ไพร้ซ์
.
“พรรคเพื่อไทย” เปิดตัว “ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร” ลูกสาวคนเล็กของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ เป็น ประธานที่ปรึกษาพรรค ชิมลางการเมือง เจ้าตัว ยัน ยังไม่ใช่นักการเมือง แต่มาช่วยทำงานพรรค รอดูกระแสตอบรับ จาก คนในพรรค และ ประชาชน
ชี้ ลงสนามการเมือง เป็นแคนดิเดตนายกฯ เป็นเรื่องในอนาคต ขอทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายตรงนี้ก่อน
เผย พ่อ และทุกคนในครอบครัว ให้กำลังใจ มาตลอด
.
อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ส่ง ลูกสาวคนเล็ก ที่หน้าตาเหมือนตนเองมาก ชิมลาง การเมือง นั่งที่ปรึกษาพรรค หยั่งกระแส ก่อนลงสนามการเมือง เลือกตั้งครั้งหน้า
ใช้ Generation กดดัน บิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ นายกฯ วัย67 ปี ที่เป็นนายกฯ เช้าสู่ปีที่8
ท่ามกลางการจับตามองว่า จะ ส่งชิง แคนดิเดทนายกฯ กับ ลุงตู่ หรือไม่
อุ๊งอิ๊ง เกิด 21 สิงหาคม พ.ศ. 2530 อายุ 34 ปี
พลเอกประยุทธ์ เกิด 21 มีนาคม พ.ศ. 2497
หรือ อุ๊งอิ๊ง แค่หยั่งเชิง ….. เมื่อใกล้ๆ เลือกตั้ง จะมี แคนดิเดท นายกฯ ตัวจริง ตามมา?
@@..กวีเหลวไหล..@@
รามเกียรติ์ภาคพิสดาร ตอนที่๑
เมื่อนั้น จอมมารทศกัณฐ์ทักษิณ ต้องคดีหนีไปไร้แผ่นดิน
จึงดีดดิ้นอยากไหว้พสุธา ออกคำสั่งถึงน้องผู้บ๊องแบ๊ว
แกจงช่วยพี่แม้วจ้าวยักษา เป็นนายกเร็วพลันเถิดขวัญตา
โปรดเถิดนางสำมนักขาน้องอาปู ด้วยเชื่อฟังคำเฮีย...เหี้ยตัวพ่อ
นางหัวร่อยินดี...ปี่ปิดหู แล้วแต่เฮียเถิดน้องจะลองดู
ถ้าเฮียสู้...น้องเอาอยู่...เป็นคู่เคียง จึงออกกลอุบายใช้จัดหา
กวาดต้อนเหล่าทรพาเป็นฐานเสียง สมใจนึกได้นั่งบัลลังก์เวียง
ในเวลาแค่เพียงห้าสิบวัน พระพิรุณขุ่นเคืองเป็นเบื้องต้น
บรรดาลฝนลงมาสี่ห้าขัน เพราะเอาอยู่...อยู่เอา...อย่างเมามัน
จึงท่วมท้นหมดกันทั้งพารา ต่อจากนั้นพลันโกงจำนำข้าว
ยกพี่สาวจัดแจงแสวงหา โกงทุกขั้นทุกตอนแบบนอนมา
พอเงินหมดชาวนา...ฆ่าตัวตาย ทั้งยังออก พ.ร.บ. รอลักหลับ
หวังจอมมารได้กลับขยับขยาย กปปส. เหลือทนกลอุบาย
จึงออกมามากมายท่วมแผ่นดิน
เมื่อนั้น “รามเรศประยุทธ์”สุดจะอั้น แม้นไม่มาคงฆ่ากันพันหมื่นดิ้น
จึ่งเชื้อเชิญอยากฟังก่อนพังภินท์ เมื่อได้ยินเช่นนั้น...งั้นผมมา!
ทุกวุ่นวายเงียบหายคล้ายถอดปลั๊ก ทศกัณฐ์,ยิ่งลักษณ์,เหล่ายักษา
ทั้งสมุนทรพี,ทรพา แทรกแผ่นดินพสุธา...หาไม่เจอ
เมื่อกลศึกจะแจแพ้พินาศ ทศกัณฐ์โกงชาติปากบวมเจ่อ
คดีความตามมาจนหาเจอ นางอีเอ๋อ...ยักษี...หนีดูไบ
บัดนั้น “สาหัสกุมาร” ชาญโพยพก สัปหงกบอยไม่เกี่ยวเยี่ยวไม่ใส
ไม่รับรู้เหตุการณ์บ้านเมืองใด คงเสพย์ไอซ์ทุกเวลา...สุขารมณ์!
........
กวีเหลวไหล
๑ พย. ๖๔
พรุ่งนี้ 'ไม่เคยมีอยู่จริง'
*********************
"แลผาด" อุ๊งอิ๊ง "ว่าที่นายกฯ หญิง" เพื่อไทยไปแล้วเมื่อวาน
วันนี้มา "แลพิศ" กันบ้าง
ต้องบอกว่า เที่ยวนี้ทักษิณเอาจริง จริงขนาดควักหัวใจคือเอาลูกสาวมาวางเป็นเดิมพัน
ถามว่า อุ๊งอิ๊งมีแววจะได้เป็นนายกฯมั้ย?
ตอบแบบไม่ต้องคิดได้เลยว่า "มี"
ขนาด "ยิ่งลักษณ์" เป็นได้ ก็ไม่มีใครในประเทศนี้อีกแล้ว ที่จะเป็นนายกฯ พรรคเพื่อไทยไม่ได้!
นอกจากส่งลูกมาเป็น "เดิมพันชีวิต" สุดท้ายแล้ว
ยังรีแบรนดิ้ง "พรรคเพื่อไทย" ใหม่ทั้งหมด เอาสีน้ำเงินทิ้งไป เป็นเพื่อไทย "แดงทั้งแผ่นดิน" ชัดๆ!
ภายโต้โลโก้-สโลแกน
"พรุ่งนี้/เพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ประชาชน"
ถ้าใครจำลายมือทักษิณได้ จะรู้ "พรุ่งนี้...เพื่อไทย" เขียนด้วยลายมือทักษิณเอง!
นี่ไม่ใช่การครอบงำพรรคเพื่อไทย แต่ "เข้าสิง" โดยตรง
เอาละ...ก่อนคุยเรื่องอื่น
มาดูกันก่อนว่า อุ๊งอิ๊งลงสนาม ได้รับคำสั่งโค้ชคือ "พ่อ" ให้มาทำหน้าที่อะไร?
ก็มาดูบางตอนจากคำเปิดตัวของเธอละกัน ประมาณนี้
-เป็นที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม อยากใช้ประสบการณ์คนเจนวายเข้ามาร่วมกับพรรคเพื่อไทย
เพื่อพัฒนาโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่ได้มีความหวัง ความฝัน และทำความฝันของพวกเขาให้เป็นจริง
อยากปฏิรูป ๓ เรื่องหลัก คือ
๑.ปฏิรูปการศึกษา เพราะการเข้าถึงเทคโนโลยีน้อยมาก
๒.ปฏิรูปเทคโนโลยีต้องเข้าถึงเทคโนโลยีให้มากกว่านี้
๓.จะต้องส่งเสริมซอฟต์เพาเวอร์อย่างจริงจังเหมือนเกาหลี บราซิล ญี่ปุ่น
เฉพาะเสรีภาพทางความคิด
-ในฐานะลูกของคุณพ่อที่ไม่เคยลืมบุญคุณแผ่นดินไทย ไม่เคยลืมพี่น้องคนไทยที่ไม่เคยลืมท่าน และคุณพ่อหวังว่าจะได้กลับมากราบแผ่นดินไทยอีกครั้ง และกราบผู้มีพระคุณ”
ทั้งหมดของเรื่อง ซุกอยู่ตรงบรรทัดสุดท้ายนี่แหละ คือ
พ่อส่งลูกเข้ามาด้วยภารกิจสำคัญสุดยอด
"พาพ่อกลับบ้าน"!
ก็เข้าใจคนเป็นพ่ออย่างทักษิณ รู้ทั้งรู้ ว่าสัตว์ดุร้าย โหดอำมหิตที่สุด คือ "สัตว์การเมือง" แต่เพื่อตัวเองจะรอด ยอมส่งลูกเข้ากรงสัตว์
นึกย้อน จึงไม่แปลกใจ ทำไมทักษิณจึงเอาหุ้นชินคอร์ปซึ่งเหมือนคุก "ซุกไว้ที่ลูก" ได้อย่างเลือดเย็น!
เห็นคนในพรรคพูดประจำ "เพื่อไทยเป็นสถาบันการเมือง"
สวนทางกับที่ก็ทนโท่อยู่ว่า เพื่อไทย เป็นพรรคเพื่อตระกูลชินวัตร ๑๐๐%
มีใคร "คนนอกตระกูล" ได้เป็นนายกฯบ้างล่ะ ยกเว้นสมัคร สุนทรเวช คนเดียว ที่หลอกให้มาเป็น "ขัดตาทัพ"
แล้วก็เชือดทิ้ง ปล่อยให้ตายโดดเดี่ยว!
นอกนั้น นายกฯ ของพรรคเป็นตัวทักษิณเองบ้าง นายสมชาย "ผัวเจ๊แดง" ซึ่งเป็นน้องเขยบ้าง และยิ่งลักษณ์ น้องสาวเลือดชินวัตรโดยตรงบ้าง
ก็หลอกคนโน้น-คนนี้ มาเป็นหัวหน้าพรรค อย่างคราวนี้้ เอาหมอชลน่านขึ้น ก็ไถนาการเมืองให้นายไป
แต่พอเก็บเกี่ยว หัวหน้าไถนา "กินหญ้า-กินฟาง"
ส่วนข้าวคือเก้าอี้นายกฯ เจ้าของนา ส่งคนในตระกูลเอากระบุงมาโกยใส่ยุ้ง-ใส่ฉาง!
นี่ก็ส่งอุ๊งอิ๊งมาจ่อ โดยทาสผู้ภักดีในพรรค รวมทั้งหมอชลน่าน "รู้ทั้งรู้" ว่าเขาหลอก แต่ยินดีให้หลอก
ต้องยอมรับนับถือว่า "ยางทักษิณ" เหนียวกว่า "ยางน้ำข้าวไทย"
ถึงอย่างไร ผมก็ต้องชมอุ๊งอิ๊งว่าเป็น "ลูกกตัญญู" รู้ว่าไฟการเมืองมันร้อน แต่เธอก็ยินดี "ลุยไฟ" เพื่อพ่อ
ฉะนั้น จากวินาทีนี้ อุ๊งอิ๊งต้องทำใจ
ทั้งจริง-ทั้่งเท็จ ทั้งประแป้ง-ใส่ไคล้ สารพัด-สารพัน มันจะถูกขุดประดัง-ประเดมาที่ตัวเธอ
อุ๊งอิ๊งนั้น ใครก็รู้ว่ารักพ่อ เท่ากับพ่อทักษิณก็รักลูกคนนี้ ถ้าอุ๊งอิ๊ง รักแล้ว "รั้งพ่อ" แทนการ "รุนหลังพ่อ" ลุย
อุ๊งอิ๊ง นอกจากได้ชื่อว่า "ลูกกตัญญู" แล้ว ยังจะได้รับการกล่าวขานจาก "อวชาต" เป็น "อภิชาตบุตรี" อีกตำแหน่ง
แต่ก็นั่นแหละ เหนือรักทั้งหมด-ทั้งมวลต่อคนอื่นของทักษิณ คือ "ทักษิณรักตัวเองที่สุด"
ทักษิณพร้อมส่งทุกคนไปตายเพื่อตัว แต่ตัวทักษิณไม่ยอมตายเพื่อใคร!
การ "รักตัวเอง" เป็นเรื่องดี แต่ถ้ามากไป ก็จะกลายเป็น "เห็นแก่ตัว" ที่สุด
ทีนี้ ย้อนมาดู สโลแกนพรรครับการเปิดตัวอุ๊งอิ๊ง
"แดงทั้งแผ่นดิน" ทักษิณสถาปนา ปลุกเร้ากลับมาอีกครั้ง กลบ "ส้มทั้งแผ่นดิน" ของธนากร-ปิยบุตร "ก้าวไกล" จมมิดไปเลย!
แต่อยากบอกว่า "คนลิขิต มิสู้ฟ้าลิขิต ทุกชีวิตอยู่ใต้กรรม"
สโลแกน "พรุ่งนี้/เพื่อไทย ชีวิตใหม่ประชาชน" ที่ทักษิณลิขิตนั้น ฟังดูดีอยู่หรอก
แต่ใต้รอยยิ้มจิ้งจอก น่าจะเป็น "พรุ่งนี้/เพื่อทักษิณ ชีวิตใหม่ครอบครัวชินวัตร" ตรงตัวที่สุด!
แต่น่าเสียดาย ทั้งที่ไม่ตั้งใจ แต่เหมือนกรรมดาลใจ อยากบอกว่า "พรุ่งนี้/เพื่อไทย" ที่ทักษิณลิขิตนั้น
นั่นคือ ทักษิณ "ลิขิตชีวิตตัวเอง" เป็นลายแทงอนาคตสมบูรณ์แล้ว!
พรุ่งนี้ มีใครเคยไปถึงบ้าง นอกจากคนตาย?
ทักษิณก็พร่ำพูด พรุ่งนี้..พรุ่งนี้..ผมจะกลับบ้าน มาตั้งแต่ ๑๙ กันยา.๔๙ จนถึงวันนี้ ๒๙ ตุลา.๖๔
ร่วม ๒๐ ปีแล้วมั้ง?
พรุ่งนี้..พรุ่งนี้..พรุ่งนี้ ประหนึ่งปิดแล้วเปิดเปลือกตาก็ถึงแล้ว แต่ "พรุ่งนี้" เคยมีมาถึงทักษิณสักครั้งมั้ย?
วัตถุที่ค้นพบในระบบสุริยจักรวาล ห่างไกลจากโลกที่สุด ก็ประมาณ ๖,๕๐๐ ล้านกิโลเมตร
แต่นั่น ยาน "นิวฮอร์ไรซันส์” ยังไปสำรวจพบ
แต่ "พรุ่งนี้" ของเพื่อไทย-เพื่อทักษิณ มันอยู่ไกลแสนไกลกว่านั้น ยังไม่เคยมีมนุษย์คนไหนบอกได้เลยว่า เคยไปถึงวันพรุ่งนี้ ตลอด ๒๐ ศตวรรษที่ผ่านมา
จนมีคำถามประเภทอจินไตยขึ้นว่า "พรุ่งนี้มีอยู่จริงหรือไม่สำหรับมนุษย์?"
ก็ดีใจนะ ที่ทักษิณส่งอุ๊งอิ๊งมาเป็นนวัตกรรมเทคโนโลยี เพื่อค้นหาคำว่าพรุ่งนี้ให้พรรคเพื่อไทย
"พรุ่งนี้นะ...พาพ่อกลับบ้าน"
ก็ขอให้อุ๊งอิ๊งโชคดี เป็นคนแรกของโลกที่ค้นพบ "พรุ่งนี้"
กลัวอย่างเดียว....
กลัวคำว่าพรุ่งนี้ จะพาอุ๊งอิ๊ง แบ็ก ทู เดอะ ฟิวเจอร์ จากบ้าน ขี่ม้าแกลบตามไปอยู่กับพ่อเหมือนอาปูอีกคนเท่านั้น
แต่ผมเห็นด้วยนะ ที่อุ๊งอิ๊งจะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างรุ่นใหม่-เก่า จะเข้ามาปฏิรูปการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รวมถึงส่งเสริมซอฟต์เพาเวอร์
ก็อยากช่วยแนะนำสักนิด......
เพื่ออุ๊งอิ๊งจะได้รู้ว่า ยุคพ่อและอาอุ๊งอิ๊งบริหารรวมกันแล้วมีอะไรบ้าง เมื่อเทียบกับ ๗ ปีประยุทธ์บริหาร บ้านเมืองมันอยู่กับที่หรือเดินหน้า/ถอยหลังอย่างไรบ้าง?
โดยเฉพาะด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี และเรื่องซอฟต์เพาเวอร์
อุ๊งอิ๊งเงยหน้าจากหัวแม่เท้าแล้วแหงนขึ้นไปมองเหนือศีรษะดูซิจ๊ะ ก็จะเห็น
เห็นรถไฟฟ้าร่วม ๒๐ สาย ที่เคยมีอยู่แต่ในแผ่นพับหาเสียงคุณพ่อและอาปู วิ่งก่ายเป็นใยแมงมุมขยุ้มหลังคา จากในเมืองสู่ชานเมือง ทั้งเหนือ-ใต้-ออก-ตก ขวักไขว่ไปหมด
เห็นสถานีกลางบางซื่อ เป็นสถานีรถไฟกลางใหญ่ที่สุดในอุษาคเนย์ มีถึง ๒๖ ชานชาลา
เมื่อเปิดบริการครบทุกเส้นทาง จะเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางระบบรางที่สำคัญที่สุดของประเทศ และของภูมิภาคอุษาคเนย์
ทั้งรถไฟ/รถไฟฟ้า/รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าเชื่อม ๓ สนามบิน "สถานีกลางบางซื่อ" ที่เดียว เฟี้ยวได้หมดทุกสาย
ยังเป็นส่วนหนึ่งของ "โครงข่ายทางราง"
"คุนหมิง-สิงคโปร์" สาย Central Route ที่เป็นเส้นทางรถไฟจากคุนหมิง จีน ไปยังสิงคโปร์
โดยสถานีกลางบางซื่อ จะเป็น "สถานีชุมทาง"
ในการเปลี่ยนสายระหว่างช่วง "กรุงเทพฯ-ลาว-จีน (สายอีสาน) และกรุงเทพฯ-มาเลเซีย-สิงคโปร์ (สายใต้)
อุ๊งอิ๊งไปขอให้คุณ "คณิศ แสงสุพรรณ" เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ช่วยเปิดกะโหลกทัศน์ให้ด้วยก็จะดี
ให้เขาพาไปตระเวนดูแต่ละโครงการ EEC จะได้รู้ว่า ตอนนี้ ไทยเราก้าวไปรอศตวรรษที่ ๒๑ แล้ว ทั้ง S-Curve, New S-Curve ด้วยนวัตกรรมอุตสาหกรรม และระบบ 5G
ไปไกลเกินกว่าจินตนาการสัมภเวสี ที่เอาแต่ผายลมให้สาวกดมในคลับเฮาส์แต่ละวัน
อุ๊งอิ๊งช่วยไปบอกคุณพ่อว่า "เลิกเอาแต่โม้" บอกให้ลูกพรรคลงมือทำซักครึ่งอย่างที่ประยุทธ์ทำวันนี้ โดยไม่ต้องแบ่งกันกินให้ได้ซะก่อน
แล้วบางที...บางทีนะ
"พรุ่งนี้" อาจจะมีแสงฉาน สำหรับ "เพื่อไทย-เพื่อทักษิณ!
ไปดู EEC แล้ว ไปกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ด้วย
ไปพบท่านรัฐมนตรี "ศ.เอนก เหล่าธรรมทัศน์" แล้วท่านจะเล่าให้ฟังว่า
ไทยเรากำลังทำดาวเทียมระดับ ๕๐-๑๐๐ กิโลกรัม และไม่เกินปี ๒๕๗๐ จะทำดาวเทียมที่แปรสภาพเป็นยานอวกาศ
ไม่ใช่แค่ดาวเทียมที่โคจรรอบโลกนะ
แต่จะเป็นพลังงานที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ขับเคลื่อนด้วยความเร็ว ๓๐,๐๐๐ กม./ชม. เข้าถึงระบบโคจรรอบดวงจันทร์ ภายในระยะเวลา ๑ ปี โดยมีระบบบังคับจากโลก
และอ้อ สดๆ ร้อนๆ วัน-สองวันนี้ ขณะที่อุ๊งอิ๊งคร่ำเคร่งบทพูดเปิดตัวโครงการ "พาพ่อกลับบ้าน"
‘ทีมอินเดนเทชัน เออเร่อ’ จากโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี "เยาวชนไทยตัวแทนประเทศ"
คว้ารางวัล "ชนะเลิศ" ระดับเอเชีย!
จากการแข่งขัน "เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์" ควบคุมหุ่นยนต์ Astrobee ของ NASA บนสถานีอวกาศนานาชาติ ในโครงการคิโบะ โรบอต โปรแกรมมิ่ง ชาเลนจ์ ครั้งที่ ๒
เอาชนะคู่แข่งจาก ๘ ประเทศ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย บังกลาเทศ อินโดนีเซีย มาเลเซีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และไต้หวัน
เด็กไทยทำคะแนนเป็นอันดับ ๑!
นี่เป็นนวัตกรรมเทคโนโลยีในวงการศึกษา ที่กระทรวง อว. โดย สวทช.กับพันธมิตร ช่วยกันสนับสนุนเยาวชนไทย
ก็จะเห็นว่า ที่อุ๊งอิ๊งบอกจะเข้ามาปฏิรูปนั้น ไม่ต้องหรอก นายกฯ ประยุทธ์ทำหมดแล้ว
แต่ถ้าเข้ามาจริงๆ ละก็ แค่สานต่อ อย่ารื้อเรียกหัวคิวใหม่ ก็พอแล้ว
ฉะนั้น พรุ่งนี้/เพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ตระกูลชินวัตร
ก็รอพรุ่งนี้ "ที่ไม่เคยมีวันมาถึง" ไปเถอะ
ส่วน "วันนี้" ให้นายกฯ ประยุทธ์ใช้ "ปัจจุบันที่มีอยู่จริง" ทำงานสร้างบ้าน-แปงเมืองไปอีกซักพรรษา
นะ..นะ.. ตัวนะ!
.
วันเสาร์ที่ปลายซอย
คนปลายซอย
เปลว สีเงิน
ไทยโพสต์
๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๔