เพลงกล่อมเด็ก

นอนสาหล่า

เอ่อ เฮ้อ เอ้อ เฮ้อ เอ่อ เฮ้อ เออ ๆๆ นอนสาหล่าหลับตาแม่สิกล่อม นอนอู่แก้วนอนแล้วแม่สิกวยเอ่อ เฮ้อ เอ้อ เฮ้อ เอ่อ เฮ้อ เออ

แม่ไปไหหมกไข่มาหา แม่ไปนาจี้ปลามาป้อน แม่เลี้ยงม่อนนอนอู่สายไหม ให้เจ้าหลับไวๆดังคำแม่ว่า น้ำอยู่ท่าฟืนอยู่ในดอน แม่สิไปเก็บมอนงัวควายกะคาคอก มีฝักหลอกเต็มด้งหลายอัน สาวบ่ทันจั้กสิเป็นแม่บี้

แม่จักซี้บอกให้ฮู้ฮวมทางไป ให้เจ้าหลับไวๆอย่าติงอย่าแอวเอ่อ เฮ้อ เอ้อ เฮ้อ เอ่อ เฮ้อ เออ

ไผบ่นอนแมงซอนสิกัดแก้ม ฝาบ่แอ้มแมงน้อยสิตอดตา สาวไปไหหละขี่ควายเขาลา สาวไปนาขี่ควายเขาตู้ ขาหนึ่งกู้ขาหนึ่งเหยียดซอย ขาหนึ่งลอยขาหนึ่งกู้ข้าว แมวโพรงเป้าในสวนฮ้องมาว ฝั่นเซือกคาวมาคล้องคอแมว แมวสิตายฮ้องมา มาวๆ อื่อ อือ นอนสาลูกหล่าก้อนแก้วคำแพงอีแม่

นอนสาหล่าหลับตาสาแม่เย้อ นอนหลับแล้วเจ้าจังตื่นกินนม เกิดเป็นชายให้ว่านอนสอนง่ายลูกเติบใหญ่ให้ได้บวชแทนคุณ วงศ์สกุลมูลมังสืบต่อ แม่กับพ่อ ให้ได้พึ่งใบบุญ ลูกผู้หญิงกะคือกันลองซอง ฮู้จักปองจารีตประเพณี กุลสตรีเฮือนสามน้ำสี่ อยู่ในที่ครองศีลครองธรรม ให้จดจำคำสอนแม่ไว้ให้เจ้าใหญ่เป็นท้าวเป็นนางเอ่อ เฮ้อ เอ้อ เฮ้อ เอ่อ เฮ้อ เออ ๆๆ อื่อ อือ

แม่หม้ายกล่อมลูก

นอนสาหล่าหลับตาแม่สิกล่อม นอนอู่แก้วนอนแล้วแม่สิกวย นอนสาหล่ากัลยาน้อยอ่อน แม่สิสอนลูกแก้วจอมสร้อยให้ค่อยฟัง เป็นคนนี่ยำเกรงผู้ใหญ่ คารวะละผู้เฒ่าผ่านใกล้หมอบคลาน หย่างใกล้เผิ่นให้เจ้าเอิ้นขอทาง เผิ่นเอิ้นขายเจ้าอย่าได้เว้าหยาบ เป็นคำบาปบ่จบบ่งาม กริยาเลวทรามขายหน้าพ่อแม่ ลูกขี้แพ้พ่อแม่อยากอาย เกิดเป็นชายวิชาเป็นทรัพย์ เผิ่นจั่งนับถือหน้าถือตา บรรพชาสมบทคือบวช ให้หมั่นกวดศึกษาเล่าเรียน การทำเพียรกำจัดกิเลศ บ่เป็นเหตุเสียชาติตระกูล ลูกหล่าแม้ให้มีใจกรุณา ใจเมตตาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ คนดีแม่ให้มีใจก้วงขวง คนทั้งปวงละสิยอยกเจ้า ยามกินเข้าให้คิดถึงคุณควาย พระอิศวรเผิ่นจึงมาผายโผด บ่เป็นโทษกายวาจาใจ เว้านำไผเผิ่นก้อชมชื่น ไปบ้านอื่นสิมีผู้บูชา เทวดารักษาปกป้อง ฝูงพี่น้องยอย่องสรรเสริญ อื้อ ฮือ อือ อื้อฮือ อือ ฮือ อื้อ อือ ...

เจ้าหากแม่นหลานปู่ละคนฮู้ผู้ดี แนวเศรษฐีลังกามาเกิด ผู้ประเสริฐโตเจ้าจงนอน ให้เจ้าฟังคำสอนละพุทโธโอวาท ฝูงนักปราชญ์เอิ้นผู้ฟังธรรม รัตนังอุควรคำมาก เหตุยุ่งยากนอนแล้วบ่หนี สวัสดีนอนหลับคนตื่น คันบวชเข้าในศาสนา เป็นบุญญาถมคุณพ่อแม่ พ่อแม่เฒ่าให้เลี้ยงรักษา ยามเพิ่นมรณาทำบุญส่งให้ ลูกจึงได้ซื่อว่าคนดี เอ่อ เอ้อ เออ เอ้อ เอ่อ เออ... อื้อ อือ อือม์

นอนสาเด้อหล่าหลับตาแม้สิกล่อม แม่สิไปเข็นฝ้ายเดือนหงายเว้าผู้บ่าว แม่สิเอาพ่อน้ามาเลี้ยงให้ใหญ่สูง แนวโตเป็นกำพร้าอนาถาบ่มีพ่อ ทุกข์แท้น้อลูกแก้วแนวเจ้าพ่อบ่มี พ่อตายแล้วซิ่นแม่ขาดคาขา พ่อตายแล้วนาก็ขาดเข้าบ่มีเสาสิค้ำขื่อแม่เด้ ความทุกข์มาสู่มื้อลุงป้าบ่ว่าดี ตั้งแต่ก่อนก่อนกี้ตั้งแต่พ่อเจ้ายังมี ไผก็ดีปานหยังหมู่ฝูงลุงป้า อาว์อาพร้อมถนอมดีเกื้อกล่อม พ่อบ่มีเพิ่นบ่เว้าลุงป้าบ่ว่าหลาน

พริกกะอยู่เฮือนเหนือ เกลือกะอยู่เฮือนใต้ หัวสิงไคอยู่บ้านเผิ่น ขึ้นเฮือนลุงเพิ่นก็เว้า ขึ้นเฮือนอาว์เพิ่นก็เว้า ขึ้นเฮือนย่ากะบ่ได้กลัวย่านแต่แก่มกิน นอนสาหล่านอนอู่สายปอ นอนกะทอ ยาฮ้างสงนางบ่มีพ่อ เชือกอู่ขาดฮ้อยต่อบ่ติดกัน แม่นไผน้อสิมาฝั้นเลนปอเป็นเชือกอู่ ลูกแม่เอย นอนสาหล่าหลับตาแม่สิกล่อม นอนอู่ฝ้ายป้ายใส่อู่ไหม นางสายใจนอนสาเจ้าอย่าตื่น ฮอดมื้ออื่นยามเซ้าแม่สิไป แม่สิไปหาไม้หลัวฟืนคั่นมาผ่า เพราะแม่เป็นแม่ฮ้างผัวสิเลี้ยง... แม่นบ่มี ผัวซิซ้อน แม่นบ่มี... เอ้ย.... นอ

เพลงกล่อมเด็ก

เพลงกล่อมเด็กเป็นเพลงที่ใช้เนื้อร้องเพื่อกล่อมเด็กให้นอนหลับหรือหายโยเย จึงมีท่วงทำนองการขับที่ช้างๆ เนิบๆ เพื่อชวนให้ง่วงนอน เพลงกล่อมเด็กเป็นการถ่ายทอดความอาทรห่วงใยออกมาทางเสียง เพลงกล่อมเด็กมีประโยชน์ในด้านจิตวิทยา คือสามารถช่วยให้เด็กเกิดความอบอุ่นใจ และเสียงเพลงยังตอบสนองความต้องการความรักของเด็ก ซึ่งจะช่วยให้เด็กมีจิตใจที่มั่นคง เมื่อเจริญเติบโตขึ้นและซึมซับคุณธรรม ตลอดจนวิถีชีวิตตามที่ปรากฏในเพลง อีกทั้งยังช่วยให้เด็กคุ้นเสียงมนุษย์ซึ่งเป็นโอกาสอันดีสำหรับการเรียนรู้ภาษา

เพลงกล่อมเด็กนอกจากจะใช้กล่อมให้นอนแล้ว ยังเป็นการแสดงออกทางอารมณ์ของผู้ขับร้อง โดยมิได้มุ่งตกแต่งถ้อยคำให้สละสลวย แต่เป็นการพรรณนาออกมาจากส่วนลึกของจิตใจ ด้วยเหตุนี้บางครั้งเพลงกล่อมเด็กกลายเป็นวิถีทางหนึ่งที่ให้ผู้ขับร้องได้ระบายความคับข้องใจ

เพลงกล่อมเด็กแบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ

๑. เพลงกล่อมเด็กที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเด็ก มักเน้นให้เห็นความรักความเอาใจใส่ของพ่อแม่ต่อลูกของตน

๒. เพลงกล่อมเด็กที่มีเนื้อหาไม่เกี่ยวกับเด็ก เพลงเหล่านี้มักเป็นเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการบรรยายสภาพความเป็นอยู่ หรือเกี่ยวกับการระบายความคับแค้นใจของผู้ขับร้อง หรือเกี่ยวกับคติสอนใจต่างๆ เพลงกล่อมเด็กประเภทนี้ เนื้อหาจะเกี่ยวข้องกับผุ้ใหญ่ที่อยู่รอบข้างผู้ขับกล่อมมากกว่าเด็กที่นอนในเปล วึ่งจะฟังเพลงท่วงทำนองขับกล่อมช้าๆ ชวนให้นอนหลับ

เพลงกล่อมเด็กของภาคอีสาน ภาคอีสานเป็นดินแดนที่ราบสูงมีเทือกเขากั้นอยู่ ทำให้การคมนาคมติดต่อกับภาคอื่นไม่สะดวก ลักษระทางเศรษบกิจที่ปรากฏอยู่ในเพลงกล่อมเด็กจึงยังเป็นการแลกเปลี่ยน หรือหาของป่าเพื่อการดำเนินชีวิตมากกว่าการค้าขาย เพราะในเพลงกล่อมเด็กบอกว่าแม่ไปทำไร่ ไปพบไข่ (แสดงว่าไม่ได้เลี้ยง) จะเอากลับมาฝากลูก แต่กลัวไข่จะแตก วิธีที่ดีที่สุดที่จะไม่ให้ไข่แตกคือ ทำให้สุกเสียก่อน แต่ที่ไร่ไม่มีภาชนะหุงต้ม ก็ต้องใช้วิหมกไข่ (คือเอาใบไม้ห่อไข่ให้มิด ใส่น้ำเล็กน้อยกันม่ให้ไข่ระเบิดเวลาร้อนจัด แล้วหมกในขี้เถ่าร้อนๆ ไข่ก็จะสุก) หรือเมื่อแม่ช้อนปลาได้ ถ้าจะเก็บไว้ไม่ให้เน่าก็ต้องจี่ (คือการก่อไฟจนฟืนกลายเป็นถ่านแดง เอาปลาวางบนถ่านนั้นจนสุก) การหมกและการจี่เป็นวิธีการทำอาหารแบบดั้งเดิมไม่ต้องอาศัยภาชนะใดๆ ในเพลงกล่อมเด้กยังแสดงให้เห็นถึงบทบาทของผู้หญิงอีสาน ที่มีหน้าที่นอกจากหาอาหารมาเลี้ยงครอบครัวแล้ว ยังมีหน้าที่ทำเครื่องนุ่งห่มด้วย เพราะมีการปลูกหม่อนไหมสำหรับการทอผ้า

ซึ่งอีสาน เป็นดินแดนที่กว้างขวางและมีประชากรมากที่สุดในบรรดา 4 ภาคของไทย เพลงกล่อมลูกจึงมีหลายสำเนียง ถ้าเป็นอีสานตอนเหนือจะมีสำเนียงคล้ายลาว ถ้าเป็นอิสานตอนใต้จะมีสำเนียงคล้ายเขมร แต่เพลงกล่อมลูกที่แพร่หลายและยอมรับว่าเป็นเอกลักษณ์ของอีสานจะเป็นสำเนียงอีสานตอนเหนือ และมักจะขึ้นต้นด้วยคำว่า "นอนสาหล่า" หรือ "นอกสาเดอ" หรือ "นอนสาแม่เยอ" มีทำนองลีลาเรียบง่ายช้าๆ และมีกลุ่มเสียงซ้ำๆ กันทั้งเพลงเช่นเดียวกับภาคเหนือ การใช้ถ้อยคำมีเสียงสัมผัสคล้ายกลอนสุภาพทั่วไป และเป็นคำพื้นบ้านที่มีความหมายในเชิงสั่งสอนลูกหลานด้วยความรักความผูกพัน

จะประกอบด้วย 4 ส่วนเสมอ คือ ส่วนที่เป็นการปลอบโยนการขู่และการขอโดยมุ่งให้เด็กหลับเร็วๆ นอกจากนี้ก็จะเป็นคำที่สะท้อนภาพวัฒนธรรมความเป็นอยู่ ทัศนคติ อุดมคติ ของคนในท้องถิ่น อันช่วยให้เกิดความเข้าใจความเป็นมาของวัฒนธรรมเป็นอย่างดี พร้อมทั้งทางด้านจิตใจและด้านการศึกษาของชาติ

เพลงกล่อมเด็กเป็นเพลงพื้นบ้านที่พร้อมด้วยสาระและความบันเทิง คือเพลงพื้นบ้านอีสาน มีลักษณะเด่นชัดกับการขับร้องอันเป็นธรรมชาติ บ่งบอกความจริงใจ ความสนุกสนาน และความสอดคล้องกลมกลืนกับเครื่องดนตรีประจำท้องถิ่น คือ แคน แม้การขับกล่อมลูกซึ่งไม่ใช้เครื่องดนตรีใดๆ ประกอบ ก็สื่อให้ผู้ฟังรู้ทันทีว่าเป็นเพลงของภาคอีสาน