ร้องสารภัญญ์

ทีมร้องสารภัญญะหมู่ที่ 1 ต. หนองแสน

(ทีมนักล่าเงินรางวัล)

สรภัญญ์หรือสารภัญญะหรือสรภัญญะ

สรภัญญ์ (สะ-ระ-พัน หรือ สอ-ระ-พัน) หรือ สารภัญญะ (สา-ระ-พัน-ยะ) หรือ “สรภัญญะ” (สอ-ระ-พัน-ยะ) สามารถออกเสียงได้ทั้งสี่แบบ และถือว่าถูกต้องตามความนิยมของแต่ละท้องถิ่น เป็นบทสวดประเภทหนึ่งที่อุบาสกและอุบาสิกาในภาคอีสานนิยมสวดกันในวันอุโบสถศีล (วันพระ) หรือบางครั้งก็นำมาสวดประชันกันว่าคณะสวดหมู่บ้านใดจะสวดได้ไพเราะ และบทสวดใครจะมีคารมคมคายกว่ากัน การสวดสรภัญญ์นี้ภาษาถิ่นอีสานเรียกว่า “ ฮ้องสรภัญญ์ ”

“ สรภัญญ์ ” เป็นการสวดมนต์ในทำนองสังโยค คือ การสวด เป็นจังหวะหยุดตามรูปประโยคฉันทลักษณ์ บทสวดจะมีลักษณะเป็นฉันท์หรือกาพย์ก็ได้ แต่ที่นิยมกันมากคือ กาพย์ยานี สำหรับเนื้อหาจะเกี่ยวข้องกับศาสนา บาปบุญคุณโทษ นิทานชาดก นอกจากนั้น ก็ยังมีการแต่งกลอนเน้นไปทางศิลปวัฒนธรรม เช่น กลอนถามข่าว โอภาปราศัย ชักชวนให้ไปเยี่ยม การลา หรือไม่ก็อาจจะเป็นวรรณกรรมท้องถิ่นของอีสาน อาทิ เรื่องกล่องข้าวน้อยฆ่าแม่ เป็นต้น บทสวดสรภัญญ์มักไม่เน้นในเรื่องความรักหรือการเกี้ยวพาราสีของคนทั่วไป เพราะการสวดสรภัญญ์นั้นเกี่ยวข้องกับทางศาสนา และผู้ฝึกสอนเป็นพระภิกษุ จึงไม่ให้มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรัก แต่อาจจะมีบางเรื่องเช่น ตอน

นางยโสธราพิมพาอาลัยอาวรณ์เจ้าชายสิทธัตถะที่หนีออกบวช ที่แสดงความรัก

สำหรับการสวดสรภัญญ์ในเมืองไทยนั้นมีการสวดมานานแล้ว ตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ ๔ แต่การสวดในยุคนั้นนิยมสวดเป็นภาษาบาลี และมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับพุทธศาสนาโดยตรง ไม่มีเรื่องแต่งใหม่เป็นคำไทย ผู้ที่สวดจึงมักเป็นพระสงฆ์ และอุบาสกอุบาสิกาที่อ่านภาษาบาลีได้คล่องแคล่ว เมื่อการสวดสรภัญญ์ได้รับความนิยมมากขึ้น ปราชญ์ทางพุทธศาสนาจึงได้แต่งคำสวดเป็นภาษาไทย ให้อุบาสกอุบาสิกาและแม่ชีใช้สวดในวัด เช่น สวดทำวัตร เนื้อหาก็จะได้จากกระทู้ธรรมในพุทธศาสนสุภาษิต และธรรมบท

ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่สามารถสืบทราบได้ว่ามีการสวดสรภัญญ์ตั้งแต่เมื่อใดปัจจุบันการสวดสรภัญญ์ของพี่น้องชาวภาคอีสานนั้น นิยมสวดกันในงานศพ งานทอดผ้าป่า งานกฐิน งานทอดเทียน งานกวนข้าวทิพย์ และในกิจกรรมวันธรรมสวนะ (วันพระ) ส่วนภาคกลางนั้นนิยมร้องในงานศพ เช่นเดียวกับการสวดพระอภิธรรม

การสวดสรภัญญ์ของภาคอีสานนี้ เทียบกับ ภาคกลาง ก็คือ สวดโอ้เอ้วิหารราย ส่วน ภาคเหนือ จะเรียกการสวดแบบนี้ว่า อื่อระนำ จ๊อยทำนองธรรม และ ภาคใต้ เรียก สวดค้าน จุดมุ่งหมายของการสวดไม่ว่าจะของภูมิภาคใดก็ล้วนมีจุดประสงค์เดียวกันคือ การเผยแพร่ธรรมะ ดังนั้น เนื้อหาที่ใช้สวดจึงมักให้คติธรรม เช่น เรื่องเวสสันดรชาดก และชาดกต่างๆ

การสวดสรภัญญ์มีรูปแบบการสวด ตามลำดับการขับสรภัญญ์เป็นกลุ่มของกลอนดังนี้

๑. กลอนเตรียมตัว จะกล่าวถึงการเตรียมตัวกราบไหว้พระรัตนตรัย เนื่องจากธรรมเนียมของชาวพุทธก่อนจะทำสิ่งใดจะต้องไหว้พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ก่อนเป็นอันดับแรก กลอนนี้จึงเสมือนกลอนนมัสการหรือไหว้ครูนั่นเอง

๒. กลอนบูชาดอกไม้ กลอนบทนี้แสดงให้เห็นถึงการบูชาดอกไม้ที่ทุกคนเตรียมมาและถืออยู่ในมือแล้ว หรือบางทีก็วางไว้ที่ขันกะหย่องตอนกราบพระครั้งแรก การบูชาด้วยดอกไม้ของหอมถือว่าเป็นอามิสบูชา เป็นการบูชาเบื้องต้นที่ศาสนิกชนควรจะทำ

๓. กลอนไหว้คุณครูบาอาจารย์ นอกจากไหว้พระรัตนตรัยแล้ว สิ่งที่ควรรำลึกต่อไปก็คือ ครูอาจารย์

๔. กลอนเดินทาง เป็นกลอนพรรณนาการเดินทางมาร้องสรภัญญ์ กลอนนี้เป็นการสะท้อนภาพชนบท ที่นักร้องสรภัญญ์ได้เดินทางจากบ้านของตนเองบุกป่าฝ่าดงมายังสถานที่ร้องสรภัญญ์

๕. กลอนปัญญาน้อย เป็นกลอนแสดงการถ่อมตนไม่โอ้อวด ให้เกียรติผู้อื่น

๖. กลอนให้รักษาศีล เป็นการเริ่มกลอนที่เป็นเนื้อหาสาระของจริยธรรม คือว่าด้วยเรื่องทาน ศีล ภาวนา

๗. กลอนพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เป็นกลอนที่กล่าวถึงเนื้อหาของพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ว่ามีอยู่กี่ประการ

๘. กลอนสังขารไม่เที่ยง เป็นกลอนที่กล่าวถึงสภาวธรรม คือความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของสังขาร เพื่อเตือนนิกรชนให้สำนึกอย่าประมาท

๙. กลอนนรก-สวรรค์ เป็นกลอนที่ว่าด้วยนรก ซึ่งเป็นปลายทางของคนบาป และสวรรค์ซึ่งเป็นอานิสงส์ของคนบุญ

๑๐. กลอนคุณบิดาคุณมารดา เป็นกลอนที่เสริมด้านคุณธรรม เป็นการแสดงคุณบิดามารดา และชี้นำให้รู้จักบุญคุณของผู้มีพระคุณ ที่เรียกว่า “ กตัญญูกตเวที ”

๑๑. กลอนลาและอวยพร เป็นกลอนส่งท้าย ผู้ร้องสรภัญญ์จะบอกลาพระสงฆ์และผู้ฟังทุกคน แล้วอวยพรให้มีความสุข อยู่ดี มีแฮง (มีแรง)

คุณประโยชน์ของการสวดสรภัญญ์ นอกจากจะทำให้ผู้ที่สวดได้เข้ามาใกล้ชิดพระศาสนาตั้งแต่วัยเยาว์แล้ว ในบทสวดยังเป็นบทกลอนที่เป็นประโยชน์ เช่น กลอนบูชาครู กลอนบูชาดอกไม้ กลอนศีล กลอนพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ กลอนบูชาคุณบิดร มารดา ซึ่งล้วนแต่บ่งบอกถึงการรู้คุณ กตัญญู รู้จักการขออภัย ให้อภัย รู้จักความดีความชั่ว ซึ่งเป็นยอดแห่งมนุษยจริยธรรมทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังมีการนำเอาวรรณคดีท้องถิ่นของภาคอีสานมาแต่งเป็นกลอน จึงทำให้ผู้ฟังได้รู้เรื่องนิทานพื้นบ้านต่างๆ ซึ่งเป็นนิทานที่มีคติสอนใจ จึงเป็นการสืบสานไม่ให้นิทานพื้นบ้านต้องสูญหายไปกับกาลเวลา

ในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งที่ชาวอีสานได้ร่วมใจกันสืบสานการสวดสรภัญญ์ให้คงอยู่ ด้วยการสวดในกิจกรรมวันธรรมสวนะและงานบุญต่างๆ รวมไปถึงได้จัดให้มีการประกวดสวดสรภัญญ์กันอยู่เสมอ มีการแข่งขันตั้งแต่ระดับตำบลจนถึงระดับภาค นอกจากนั้นแล้ว ยังได้ถ่ายทอดให้กับเยาวชนโดยการบรรจุอยู่ในเรียนการสอนวิชาวรรณกรรมท้องถิ่นในโรงเรียนต่างๆ ของภาคอีสานอีกด้วย จึงเชื่อได้ว่าการสวดสรภัญญ์อันเป็นอีกหนึ่งในมรดกวัฒนธรรมนี้จะยังคงอยู่คู่กับชาวอีสานต่อไป ตราบนานเท่านาน

สำหรับภาคอีสานนั้นมีเพลงพื้นบ้านหลากหลาย ผู้ร้องเพลงพื้นบ้านเรียกว่า หมอลำ ซึ่งแบ่งออกเป็น 6 ประเภทคือ หมอลำพื้น หมอลำกลอน หมอหมู่ลำหมอลำเพลิน หมดลำส่อง และหมอลำผีฟ้า ส่วนเพลงร้องมีหลากชนิด ได้แก่ เพลงร้องสารภัญญ์ จะร้องในช่วงฤดูเข้าพรรษา เนื้อร้องส่วนใหญ่เป็นนิทานพื้นเมือง หรือวรรณคดีสำคัญ

สรภัญญ์ เป็นทั้งศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของไทยอิสาน เป็นภูมิปัญญาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่นที่ผู้ใหญ่พยายามจะอนุรักษ์และสืบทอดไว้ แต่นับวันท่านเหล่านั้นมีแต่จะร่วงโรยลงไปตามวัย น่าเสียดายหากไม่มีคนรุ่นใหม่ได้รับช่วงสืบทอดเอาไว้ ความรู้เหล่านั้นก็จะสูญหายไป ช่วงเทศกาลเข้าพรรษาเป็นช่วงที่ผู้เฒ่าผู้แก่จะเข้าวัดฟังธรรมและขับขานบทสรภัญญ์ ในวันถือศีลอุโบสถ

รับฟังบทร้องต่างๆ

บัดนี้จะได้กล่าวประวัติเรื่องราวมีมาแต่นมนาน

(รับ)ลูกเศรษฐีรักกับคนจันทาลเมื่อสมัยพุทธกาลตามนิทานเล่ามา

ประวัติศาสตร์สองรักผูกพันธ์รักมาถูกกรีดกั้นหันแหลกให้แยกทาง

โอ้อกเลยโอ้ว่าเรวัตตะหนีไปบวชเป็นพระสละตนให้พ้นตาม

แต่ฝ่ายหญิงยอมจะทิ้งสมบัติบวชเป็นชีหนีวัดตัดพ่อแม่ออกติดตาม

จะว่าเวรหรือว่าเป็นคู่กรรมจึงได้มาต้อยต่ำกรรมจริงทั้งหญิงชาย

ซึ่งทางนางลีลาวดีได้ติดตามหลวงพี่ล้มป่วยจวนตาย

โอ้ชีวิตชั่งวกวนเวียนว่ายก่อนจะสิ้นใจตาย เออ...เอย...

เออ...เอย...เอ่อ เฮ้อ เอย

บัดนี้มากล่าวถึงลีลาวดีน้อยกำลังสวมบทโศรก

โลกคือนวยลูกกลิ้งบ่อกะแจ้งกะจ้างตา

คิดขึ้นมา ...คิดขึ้นมาน้ำตาไหลอั้งล้นได้ขมขืนน้อข่มใจ

เรวัตตะเพิ่นได้ไปไลลา... ปล่อยให้นางนี่ทนกลั้น

หลวงพี่เอ้ยบ่อคิดเห็นคำที่เคยเว้าสัญญากันกับหลวงพี่

บัดนางบวชเป็นชี สิตามมาฮอดแล้วกะเห็นแก้วนวยบ่อคืน

โลกนี้น้อบัดมีตั้งแต่วุ้นที่นี่วุ่นวายหนา

เสียแฮงตามหารักแลนบ่อหันบ่อทันอ้าย

ลีลาวดีพออยากเอาคอขัดไม้ให้มันตายเสียหายซวง

หลวงพี่เอย จักว่าหลอกหรือลวง .....เฮอ.

ให้นางหอบห่อผ้า บัดมาพ้อตั้งแต่ฮอย

ตั้งแต่ฮอย เออ เอ้ย หลวงพี่ เอย เอ่ย

โอ้ โอ โอ่ เออ เฮ้อ เอย โอ้ชีวิตคิดไปใจหมองหม่น

โลกสร้างคนมารับใช้หนี้ หนีปัญหา

เกิด แก่ สุข ทุกข์ร้อน ทรมา

เหมือนลีลาผู้แบกโลก โศรก ..โสกี

หลวงพี่เอย ลีลาวดีสิขอตาย ห่วงพี่ชายบ่อหมายมั่น

(รับ)ลีลาวดีชาตินี้ยังเป็นรอง

ตายไปเถิด ภาคสองยังมีต่อให้รอฟัง

จากนิยายรักอมตะชื่อดังเรียบเรียงมาให้ฟังเป็นกลอนสะท้อนใจ

ค่ำลงเมื่อเวลาสายันดอกลำดวนสารภัญญ์จะได้ขอลาไป

หากมีงานวาสนากรรมใดจะไห้มารับใช้ติดต่อไว้เสียเลย

จบบทกลอนฝากสุนทรน้องใหม่ ขอขอบคุณที่ให้ฝากแรงใจเสียงที่มา

ขอขอบคุณที่ให้ฝากแรงใจเสียงที่มา

แสดงน้อยลง