ระนาดเป็นชื่อของเครื่องดนตรีไทยชนิดหนึ่ง ให้เสียงที่เป็นเอกลักษณ์ สะท้อนสื่อถึงความเป็นไทยอย่างน่าอัศจรรย์ เพื่อที่จะเล่นระนาด เราจะต้องใช้การตีด้วยไม้เพื่อสร้างเสียง ผู้เล่นระนาดใช้มือแต่ละข้างถือไม้ระนาดข้างละอัน ไม้ที่ใช้ตีระนาดเรียกว่า 'ไม้ระนาด' ในหนึ่งวงดนตรีไทยมีระนาดหลายตัว แต่ละตัวทำหน้าที่แตกต่างกัน โดยตัวที่เด่นที่สุดเราจะเรียกว่า 'ระนาดเอก' หน้าที่ที่สำคัญของระนาดเอกคือการเป็นผู้นำวง ระนาดนับได้ว่าเป็นเครืองดนตรีสำคัญในวงดนตรีไทย หรือกล่าวได้ว่าเป็นพระเอกของวงดนตรีไทย
เขาเป็นบุตรชายคนโตของปรามจารย์ระนาดยุค 60 ด้วยวัยเพียง 3 ขวบ ขุนอินเริ่มเล่นดนตรีกับบิดา และดูเหมือนว่าระนาดเอกจะเป็นเครื่องที่เขาโปรดปรานมากที่สุด ด้วยอัฉริยภาพที่ได้รับการส่งต่อ ขุนอินจึงได้รับทุนเพื่อศึกษาดนตรีไทยเดิม ณ วิทยาลัยนาฏศิลป์ สำเร็จการศึกษา ขุนอินได้ตัดสินใจทำอาชีพข้าราชการเพื่อรับใช้สังคมโลกดนตรีเป็นระยะเวลานานหลายปี ด้วยจิตวิญญาณที่เปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น ในตอนท้าย ขุนอินจึงอุทิศตนเพื่อให้ได้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เรียกว่า ‘ดนตรีไทย’ นับแต่การตัดสินใจในครั้งนั้น อาจารย์ขุนอินได้สรรค์สร้างงานดนตรีอันวิจิตร สวยงาม ประดับวงการดนตรีไทยสืบมา อาจารย์ขุนอิน เมื่อใครได้ยินชื่อ จึงเป็นรู้กันถึงความเพียร ความพยายาม และความเป็นอัจฉริยภาพอันหาใดเปรียบมิได้
เป็นที่รู้กันในหมู่นักดนตรี อาจารย์ขุนอินเป็นมือระนาดเอกชั้นครู รางวัลอันทรงเกียรติมากมายประดับเรียงรายล้อม เช่น รางวัลผู้สืบสานเอกลักษณ์ดนตรีไทย บุคคลสำคัญแห่งปี และกนกนาคราช ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ทางด้านดนตรีทำให้อาจารย์ขุนอินได้รับโอกาสประพันธ์เพลงถวายพระบรมวงศานุวงศ์ ผลงานของอาจารย์ได้รับเกียรติให้ใช้ในงานแสดงมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ใช่เพียงดนตรีไทยเดิม ดนตรีสากล Standard Jazz ภายใต้ชื่อ ‘Bangkok Acoustic’ อาจารย์ขุนอินคือศิลปินหลักในการสร้างชิ้นงาน
จากรางวัลอันทรงเกียรติ การสรรค์สร้างผลงานดนตรีมากมาย เกียรติศัพท์ภายใต้ชื่อ ‘อาจารย์ขุนอิน’ จึงเป็นเหมือนเครื่องการันตีในคุณภาพที่ทุกคนในวงการดนตรีไทยรู้โดยทั่วกัน
ในระดับสากล อาจารย์ขุนอินมีผลงานฝากไว้ในโลกนี้มากมาย ‘Khun-In Off Beat, Siam’ และ ‘Khun In Jazz of Siam’ เป็นสองอัลบั้มที่นำพาชื่ออาจารย์ขุนอินสู่ระดับนานาชาติ มีการจัดทัวร์คอนเสิร์ตจากเพลงของสองอัลบั้มนี้ในหลายประเทศ อาจารย์ยังได้รับเชิญจากประเทศต่าง ๆ ให้ไปเดี๋ยวระนาดเอกในโอกาสสำคัญ เช่น งานมหกรรมภาพยนตร์ที่ Los Angeles งาน Taiwan International Percussion Convention ณ เมืองไทเป หรือกระทั่งงาน Thai Fest ที่ประเทศออสเตรเลีย หยั่งรากลึกไปถึงระดับการประพันธ์ข้ามวัฒนธรรม ณ ประเทศสวิสเวอร์แลนด์ ศิลปิน Jazz ชื่อดังอย่างฟรองซัว รินเดอร์แมน ได้เห็นถึงความมีเอกลักษณ์ไทย และได้เชิญอาจารย์ขุนอินเพื่อทำการบันทึกเสียงร่วมกัน ผ่านการเดินทางรอบโลกบนถนนสายดนตรี ผลงานของอาจารย์ขุนอินเป็นที่ประจักษ์ ชัดเจน และยังคงบรรเลงอย่างต่อเนื่องต่อไปด้วยความภาคภูมิ
นอกจากอัจฉริยภาพทางเสียงเพลงแล้ว อาจารย์ ขุนอินยังมีความเป็นอรรถ-อัจฉริยะ (Multiple Intelligence) มีพรสวรรค์อันหลากหลาย มีผลงานแตกฉาน แตกกิ่งก้านในหลายแขนงไม่เพียงแต่ด้านดนตรี แต่ยังเป็นด้านการประพันธ์และการแสดงมากมายอีกด้วย ขุนอินเป็นผู้ประพันธ์หนังสือชื่อ 'ขุนอินนักเลงระนาด' ถ่ายทอดประวัติส่วนตัวตั้งในมุมมองอันแตกต่างของชีวิตของอาจารย์แต่วัยเด็กจนถึงวันที่อุทิศตนเพื่องานศิลปะอย่างเต็มตัว กว่าทศวรรษแล้ว อาจารย์วิพากษ์ความเป็นไปของสังคมศิลปินผ่านการเป็นคอลัมนิสต์ให้กับหนังสือพิมพ์ชื่อดังของไทย บทความกว่า 400 บทความได้ถูกตีพิมพ์ภายใต้ชื่อคอลัมน์ 'โลกใบนี้ดนตรีไทย'
จากอักษรในหนังสือ สู่ความเป็นไปในโลกการแสดง อาจารย์ขุนอินยังรับบทเป็นตัวละครในภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง
ภาพยนตร์ที่ทำให้อาจารย์ขุนอินได้มีชื่อเสียงในโลกการละครคือภาพยนตร์เรื่อง 'โหมโรง' รับบทเป็นนักระนาดเอกผู้ใช้ชีวิตในพระราชวังสมัยปลายศตวรรษที่ 19 ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวได้รับการยอมรับ ยกย่อง และคว้ารางวัลมาแล้วในหลายภูมิภาค รางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมคือดาวประดับความประทับใจในอัจฉริยภาพแห่งการแสดงอันมิรู้ลืมที่อาจารย์ได้ฝากเอาไว้ให้ ด้วยอาจารย์ขุนอินเป็นทั้งนักดนตรี เป็นนักประพันธ์ และเป็นนักแสดง อย่างไร้ข้อกังขา อาจารย์จึงเป็นหนึ่งในผู้ขับเคลื่อน ผู้มีอิทธิพลเป็นอย่างยิ่งต่อวงการศิลปะของไทย
อาจารย์ขุนอินไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนางานดนตรี ทำให้ผลงานของเขาได้รับการยกย่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาจารย์ขุนอินยังมีผลงานด้านการเขียนและด้านการแสดงซึ่งได้รับการยอมรับโดยทั่วกัน ด้วยความสามารถ ความเป็นอรรถ-อัจฉริยะ และการมีพรสวรรค์อันหลากหลายอย่างหาใดเปรียบมิได้ ทำให้อาจารย์ขุนอินขึ้นแท่นเป็นอัจฉริยะบุคคล เป็นที่รัก และเป็นความภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ