ตอนนี้เราอยู่ใน Collection ของการสร้าง VDO ที่ผ่านมาเราได้พูดถึงกระบวนการตัดต่อ ว่ามีควรจะมีวิธีในการทำอย่างไรกันบ้าง มาในวันนี้ UW Cast มีความภูมีใจที่จะสำเสนออีกหนึ่งขั้นตอนที่นับได้อย่างเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างงานภาพ กระบวนการที่ว่าก็คือ การสร้างสคริป หรือบทนั่นเอง การเขียนบทเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ไม่ง่าย เป็นเรื่องพื้นฐานแต่แฝงไปด้วยความซับซ้อนของการสร้างภาพยนตร์ Script คือตัวโน๊ตของงานภาพ โดยมันจะทำหน้าที่เป็นพิมพ์เขียวเชิงสร้างสรรค์ เป็นแนวทางให้กับกระบวนการผลิตทั้งหมด บทความนี้เราจะมาเจาะลึกแง่มุมต่าง ๆ ของการเขียนบท โดยเราจะมาร่วมกันสำรวจขั้นตอน โครงสร้าง และความสำคัญของ Script ในโลกของภาพยนตร์
การเริ่มต้นของการเดินทางในการเขียนบทเริ่มต้นด้วยการสร้างความคิด (Idea) หรือแนวคิด (Concept) ทั้ง Idea และ Concept นี้เองที่เป็นเมล็ดพันธุ์ สามารถหยั่งรากลึก เป็นที่ตั้งมั่น เป็นฐานแรกในการเริ่มสร้าง Script ได้ Concept Idea สามารถหาได้จากประสบการณ์ส่วนตัว เกิดจากดัดแปลงจากเนื้อหาที่มีอยู่ หรือเป็นการสร้างต้นฉบับใหม่ทั้งหมดก็ได้ เมื่อมี Concept Idea แล้ว จากนั้นนักเขียนก็ดำเนินการสร้างโครงร่างหรือที่เราเรียกกันว่า Outline โดย Outline ส่วนใหญ่จะมุ่งเน้น 3 อย่างหลัก ๆ ได้แก่ 1. ประเด็นหลักของเรื่อง 2. พัฒนาการของตัวละคร และ 3. ฉากสำคัญ การได้มาซื่ง Outline นี้จะทำหน้าที่เป็นแผนงาน เป็นแผนที่ภาพรวมที่มีส่วนช่วยในการกำหนดฉากทัศน์ของการเล่าเรื่องได้เป็นอย่างดี
เมื่อเราได้ Outline มาแล้ว ขั้นตอนต่อมาก็คือ การสร้างตัว Script เอง โดยการสร้าง Script จะต้องมีสิ่งหนึ่งที่ต้องรู้ก็คือว่า มันไม่สามารถเขึยนรูปแบบบทตามแต่ใจได้ คุณสมบัติที่โดดเด่นอย่างหนึ่งของการเขียนบทคือ “การปฏิบัติตามรูปแบบเฉพาะ” หรือ ตาม Format ที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เพราะอุตสาหกรรมภาพยนตร์มี Supply Chain ที่ยาว แผ่ขยายไปยัง Suppliers หลายภาคส่วน มันจึงได้มีการตกลงกันว่ารูปแบบใดกันที่บรรดา Supplier จะสามารถเข้าใจได้ และสามารถปฏิบัติได้ตามความต้องการของ Script ด้งนั้น ส่วนประกอบของ Script จะกำหนดไปด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ ดังนี้ ได้แก่ 1. Scene Headings หรือส่วนกำหนดภาพรวมของฉาก 2. Action Descriptions หรือคำอธิบายการกระทำ 3. Character Dialogue หรือบทสนทนาของตัวละคร และ 4. Transitions หรือการเปลี่ยนผ่านฉาก การจัดรูปแบบที่เป็นมาตรฐานนี้จะเป็นการรับประกันความชัดเจนและความสม่ำเสมอ รวมถึงเป็นส่วนช่วยอำนวยความสะดวกในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพระหว่าง Suppliers ที่หลากหลายในทีมผู้ผลิต
โครงสร้างแบบสามองก์มักจะถูกใช้เป็นกรอบในการเขียนบท ทั้งนี้ ผู้ฟังสามารถรับฟังข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงสร้างเรื่องได้ที่ Podcast ตอนก่อนหน้านี้ได้ สำหรับโครงสร้างเรื่องแบบ 3 องก์นี่ประกอบไปด้วย องก์ที่ 1 Scene Setting ซึ่งจะทำหน้างที่เป็นส่วนกำหนดฉากและแนะนำตัวละคร องก์ที่ 2 คือ ส่วนของการพัฒนาการของความขัดแย้ง และองก์ที่ 3 resolves หรือแก้ไขความตึงเครียดให้นำไปสู่การคลี่คลายของเรื่อง โครงสร้างแบบ 3 องก์อย่างท่ีได้กล่าวมาจะทำหน้าที่เป็นแม่แบบที่ใช้งานได้ดี ผ่านการทดสอบตามเวลามานับครั้งไม่ถ้วน และยังส่งมอบประสบการณ์การเล่าเรื่องที่สมดุลและน่าดึงดูดใจได้เป็นอย่างดี
อีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญในการสร้าง Script ที่ดีก็คือ การมีพัฒนาการของตัวละครที่สมจริง มีเหตุผล มีแรงจูงใจ มีบุคลิกที่ชัดเจน ไม่เลอะเทอะ สับสน การสร้างตัวละครเป็นประหนึ่งกันการปั้นวาดความฝันด้วยเม็ดทราย เป็นงานที่มีความละเอียดอ่อน ต้องการเวลา ความรัก และความใส่ใจ นักเขียนควรจะใช้เวลาให้มากในการแยกแยะบุคลิก กำหนดแรงจูงใจ และความเป็นไปของตัวละครแต่ละตัว อย่างปฏิเสธไม่ได้ ตัวละครที่ถูกสร้างสรรค์มาอย่างดีจะมีส่วนสำคัญต่อการมีส่วนร่วมทางอารมณ์ของผู้ชม น่าหลงไหน ชวนดึงดูด และให้ความเชื่อมโยงกับเรื่องราวอย่างลึกซึ้ง
และที่ขาดไปเสียไม่ได้ในการเขียนบทก็คือ “บทสนทนา” ซึ่ง Dialogue นี้เองที่จะเป็นจุดแสดงความเป็นตัวเป็นตนของบรรดาตัวละครที่ได้ถูกสรรค์สร้างขึ้น เป็นรากฐานสำคัญที่ต้องอาศัยความเอาใจใส่อย่างพิถีพิถัน บทสนทนาที่มีเข้าถึงใจไม่เพียงแต่ขับเคลื่อนโครงเรื่องให้ได้ไปข้างหน้าเท่านั้น แต่มันยังเผยให้เห็นถึงลักษณะนิสัยและอารมณ์ของตัวละครอีกด้วย การสร้างความสมดุลที่เหมาะสมระหว่าง Exposition หรือการปรากฏ, Emotion อารมณ์, and Intension หรือเจตนา เป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับการสร้างบทสนทนาที่แท้จริงและน่าดึงดูด
กระบวนการเขียนบทมักจะเกี่ยวข้องกับการแก้ไขหลายครั้ง ดังนั้น นักเขียนจะตรวจสอบและปรับปรุงงานของตนอย่างพิถีพิถัน มีโครงสร้าง จากหลากหลายความเห็น ไม่ว่าจะเป็นจากผู้ร่วมงาน โปรดิวเซอร์ หรือผู้กำกับ วิธีการทำซ้ำนี้เอง จะช่วยเพิ่มความสอดคล้องกันของสคริปต์ และรับประกันความสอดคล้องกับวิสัยทัศน์โดยรวมของภาพยนตร์ทั้งเรื่อง
และเพื่อให้มั่นใจได้ว่า Script จะมีความสมบูรณ์ อีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญที่จะต้องมีก็คือการนำเอาบทมาทำสิ่งที่เรียกว่า Readthroudh หรือ Table Read ภาษาบ้านเรา จะเรียกสิ่งนี้ว่าการซ้อมต่อบท ซึ่งการซ้อมต่อบทด้วยนักแสดงจริงนี้เองจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้บทได้มีการเชื่อมโยงกันกับบรรดานักแสดงและตัวละครที่อยู่ในบทนั้น การมีส่วนร่วมของนักแสดงจะทำหน้าที่เป็นแบบทดสอบประสิทธิภาพของสคริปต์ได้เป็นอย่างดีที่สุดแล้ว เสียงตอบรับจากเซสชั่นเหล่านี้เป็นอะไรที่มีค่าอย่างยิ่ง การทำ Table Read จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเว้นจังหวะ ไดนามิกของบทสนทนา และการโต้ตอบของตัวละคร
เมื่อทุกอย่างที่กล่าวมาในข้างต้นได้มารวมตัวกัน สคริปต์จะเปลี่ยนเป็นแบบพิมพ์เขียวของภาพยนตร์ เพื่อชี้แนะผู้กำกับ นักแสดง และทีมงานสร้างทั้งหมด อิทธิพลของ Script ที่ทรงคุณค่าจะแผ่ขยายไปไกลกว่าคำที่เขียนขึ้น โดยมันจะส่งกำลังเป็นตัวช่วยกำหนดองค์ประกอบ Effect ด้านภาพและการเสียงด้วย ซึ่งจะเป็นการเสริมส่งประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์ในตอนท้าย
สรุปก็คือ การเขียนบทเป็นศิลปะที่ผสมผสานความคิดสร้างสรรค์เข้ากับความแม่นยำทางเทคนิค มันสรุปแก่นแกนของการเล่าเรื่อง ทำหน้าที่เหมือนกับพิมพ์เขียวที่ใช้สร้างภาพยนตร์ทั้งหมดตั้งแต่แนวความคิดไปจนถึงร่างขั้นสุดท้าย การเขียนบทเป็นกระบวนการที่ต้องใช้พลังและต้องใช้ร่วมมือกันเพื่อสร้างความตราตรึงให้กับภาพยนตร์ด้วยเรื่องราวที่น่าดึงดูด เข้าถึงหัวใจของผู้รับชม