จากกระแสความสำเร็จอย่างล้นหลามของภาพยนตร์เรื่องสัปเหร่อ นำมาสู่การตื่นรู้อย่างกว้างขวางในเรื่องของคำว่า Soft Power Soft Power นำมาสู่บทสนทนาที่น่าสนใจ บางท่านเมื่อใด้ยินคำนี้ก็อาจจะตีความกันไปในรูปแบบต่าง ๆ นา ๆ ได้อย่างน่าตื่นเต้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความ ว๊าว ความสนุก ความสวยงาม ไล่ตลอดไปจนถึงเรื่องของบุญวาสนา เรียกได้ว่า Soft Power นี่ มันได้แตะไปในเกือบจะทุกภาคส่วนของสังคมกันเลยทีเดียว
เพื่อให้เข้าใจได้อย่างง่าย ๆ วันนี้ UW Cast ขอรวบรวมสรุปแบบสังเขปมาให้ผู้ฟังทุกท่านได้รับทราบกันว่า Soft Power นั้น แท้จริงแล้วมันคืออะไร และเราจะสามารถที่จะเข้าใจมันได้อย่างง่าย ๆ ได้อย่างไร
เพราะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา แนวคิดเรื่องอำนาจจึงมีด้วยกันหลายรูปแบบ นอกเหนือจากความเข้าใจทั่วไปเกี่ยวกับอำนาจทางทหารและการใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจแล้ว มันยังมีรูปแบบอำนาจที่ลึกซึ้งกว่าแต่การมีอิทธิพล เมื่อคิดได้อย่างนั้นสิ่งที่เรียกว่า Soft Power แนวความคิดอันลึกซึ้ง ละมุนละม่อมจึงได้เริ่มกำเนิดขึ้น ริเริ่มโดย Joseph Nye (โจเซฟ ไนล์) นักการเมืองชาวอเมริกัน ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 ได้เขียนหนังสือเรื่อง The Book Power and Interdependence เขาได้เน้นย้ำ แสดงถึงความสามารถของประเทศในการมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมและการรับรู้ของผู้อื่นด้วยวิธีการที่ไม่บีบบังคับ ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกแก่นแท้ของ soft power โดยสำรวจองค์ประกอบและความสำคัญของอำนาจแบบลุ่มลึกในเวทีระดับโลก
Soft Power โดยแก่นแท้แล้วคือพลังแห่งแรงดึงดูด เย้ายวน มันเป็นการแสดงความสามารถของประเทศในการกำหนดพลวัตระหว่างประเทศโดยถูกมองผ่านความน่าดึงดูด น่าชื่นชม และน่าเชื่อถือ แตกต่างจากความเชื่อเรื่องอำนาจแบบเดิม ๆ ซึ่งอาศัยกำลังทหารหรือแรงกดดันทางเศรษฐกิจ soft power ใช้ประโยชน์จากเสน่ห์ทางวัฒนธรรม ความมีชั้นเชิงทางการทูต และความน่าดึงดูดใจของค่านิยมและนโยบายของประเทศ
Cultural Exports - การส่งออกทางวัฒนธรรม: ผ่านการแสดงออกทางวัฒนธรรมที่ดูดี มีชีวิตชีวา รวมถึงดนตรี ภาพยนตร์ วรรณกรรม และศิลปะ สามารถส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อ Soft Power ของประเทศ เมื่อวัฒนธรรมของประเทศหนึ่งสะท้อนกับผู้คนทั่วโลก มัน "อาจจะ" สร้างความอยากรู้อยากเห็น ส่งเสริมความสัมพันธ์ และเพิ่มอิทธิพลในระดับโลก ตัวอย่างเช่น Bollewood มีส่วนช่วยกำหนดการรับรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของประเทศอินเดียไปทั่วโลก
Diplomacy - การทูต: ความพยายามทางการฑูตเป็นเครื่องมือในการประคองไว้ซึ่งความสัมพันธ์ ส่งเสริมการบทสนทนาเชิงบวก เปิดช่องเจรจา และแก้ไขข้อขัดแย้งระหว่างประเทศ การทูตที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยให้ประเทศต่างๆ สร้างความร่วมมือและสร้างพันธมิตรที่ส่งเสริมผลประโยชน์ของตนได้โดยไม่ต้องใช้กำลังแม้แต่น้อย
Education Programs - โครงการการศึกษาและการแลกเปลี่ยน: การต้อนรับนักเรียนต่างชาติและการอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนทางการศึกษาและวัฒนธรรมก็เป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริม Soft Power ของประเทศได้ ด้วยการเสริมสร้างความเข้าใจ การผ่านร้อน ผ่านหนาวภายใต้ร่มเงาของการค้นความวิจัยจะช่วยสร้างมิตรภาพที่แน่นแฟ้นได้เป็นอย่างดี ผ่านการศึกษา มันจะสามารถสร้างความสัมพันธ์เชิงบวกที่คงอยู่ต่อไปได้อีกหลายชั่วอายุคน
Foreign Aid - ความช่วยเหลือจากต่างประเทศ: การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและความช่วยเหลือด้านการพัฒนาประเทศแสดงให้เห็นถึงความเต็มใจของประเทศที่จะมีส่วนร่วมในความเป็นอยู่ที่ดีของโลก การกระทำดังกล่าวสามารถเพิ่มชื่อเสียงและอิทธิพลของประเทศต่าง ๆ ในเวทีระหว่างประเทศได้ด้วย
Values and Policies - ค่านิยมและนโยบายของประเทศ: ความมุ่งมั่นของประเทศต่อหลักการประชาธิปไตย หลักสิทธิมนุษยชน และหลักนโยบายต่างประเทศที่มีจริยธรรมจะสามารถเสริมสร้าง Soft Power ของประเทศได้ ค่านิยมเหล่านี้ทำให้เป็นแบบอย่างที่น่าสนใจ เป็นการเชิญชวนให้ผู้อื่นได้ทำตามสิ่งดี ๆ และน่ายกย่อง
Public Diplomacy - การให้ความสำคัญของทุก ๆ คนบนโลก: การมีส่วนร่วมกับสาธารณชนผ่านการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เช่น การกล่าวสุนทรพจน์ในที่เวธีโลกผ่านกิจกรรมต่าง ๆ การรณรงค์ผ่านสื่อ และโซเชียลมีเดีย สามารถสร้างการรับรู้เชิงบวกระหว่างประเทศต่อประเทศได้ ตัวแทนประเทศหรือผู้นำที่สามารถถ่ายทอดวิสัยทัศน์และค่านิยมของประเทศของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มักจะได้คะแนน Soft Power อันมหาศาลผ่านกิจกรรม
Soft Power ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดทางทฤษฎี แต่เป็นเครื่องมือเชิงปฏิบัติและเชิงกลยุทธ์ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ต่อไปนี้เป็นเหตุผลบางประการที่มีความสำคัญ:
การแก้ไขข้อขัดแย้ง: Soft Power สามารถช่วยป้องกันความขัดแย้งและแก้ไขข้อพิพาทผ่านการทูต ส่งเสริมความเข้าใจซึ่งกันและกัน และสร้างความไว้วางใจ
การสร้างพันธมิตร: ประเทศที่มีอำนาจอ่อนสูงสามารถสร้างพันธมิตรและแนวร่วมได้ง่ายขึ้น ช่วยเพิ่มอิทธิพลและขีดความสามารถของพวกเขา
การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม: Soft Power ก่อให้เกิดความหลากหลายทางวัฒนธรรมระดับโลกและความมั่งคั่งร่วมกัน ในขณะที่ประเทศต่างๆ แบ่งปันศิลปะ ดนตรี อาหาร และประเพณีของตน
ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ: การดึงดูดนักท่องเที่ยว นักศึกษา และการลงทุนทางธุรกิจมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับพลังอ่อนของประเทศ ภาพลักษณ์ที่ดีในระดับนานาชาติสามารถกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจได้
การส่งเสริมค่านิยมสากล: Soft Power สามารถเป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกได้ เนื่องจากประเทศที่สนับสนุนค่านิยม เช่น ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นปฏิบัติตาม
โดยสรุป ขอบเขตของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นอะไรที่ห่างไกลจากการถูกกำหนดโดยความรุนแรงผ่านการแสดงออกทางแสงยานุภาพของกองทัพและเศรษฐกิจ Soft Power จึงกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของชุดเครื่องมือนโยบายต่างประเทศของประเทศได้ด้วยการนำเสนอเส้นทางสู่การมีอิทธิพลและกำหนดทิศทางโลกผ่านการสร้างอัตลักษณ์ที่มีเสน่ห์และความปรองดอง ในขณะที่ประเทศต่าง ๆ ยังไม่แตกหัก การพูดคุย สนทนาพาทียังเป็นไปได้ การทำความเข้าใจและการควบคุมพลัง Soft Power จะมีความสำคัญมากสำหรับการสร้างความสัมพันธ์กันกับประเทศต่างๆ
ในยุคที่การเชื่อมต่อและข้อมูลไหลข้ามพรมแดนได้อย่างง่ายดาย soft power ถือเป็นสกุลเงินที่มีความสำคัญระดับโลกที่ไม่ควรมองข้าม มันเป็นสิ่งเตือนใจว่าก ารกำหนดรูปแบบโลกสามารถทำได้ไม่เพียงแต่ด้วยกำลังเท่านั้น แต่ยังผ่านพลังของความคิด วัฒนธรรม และการเคารพซึ่งกันและกันอีกด้วย