ระยะหลังมานี้ มี Platform VDO ใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาก สร้างโอกาสอย่างมหาศาล เราจะได้เห็นนักตัดต่อมากขึ้น ทั้งหน้าใหม่ หน้าเก่า ต่างพากันตบเท้าเข้ามา เพื่อมาร่วมเล่าเรื่องที่มีพลังมากมายจากทุกความเป็นไปได้บนโลกนี้ วันนี้ UW Cast เลยอยากจะมาอาสาสรุปถึงหลักการสำคัญของ Editor เพื่อย้ำเตือนว่าแม้เรื่องราวจะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่ผืนผ้าใบแห่งการเล่าเรื่องไม่เคยเปลี่ยนแปลง
สำหรับวันนี้เราขอนำเสนอตอน หลักการ การประดิษฐ์เรื่องเล่าด้วยภาพ คู่มือฉบับกระชับฉับไวสำหรับ Editor ผู้ที่มีความกระตือรือล้นในการตัดต่อวิดีโอ
การตัดต่อวิดีโอเป็นความพยายามในการสร้างสรรค์ และเป็นงานที่ใช้พลังแห่งความพยายามในการแปลง "Raw Footage (ฟุตเทจดิบ)" ให้ได้กลายเป็นการเล่าเรื่องด้วยภาพและเสียงที่ดึงดูด น่าสนใจ มันเริ่มตั้งแต่การตรวจสอบสคริปต์เบื้องต้นไล่ยาวไปจนถึงการตัดขั้นสุดท้าย การจะได้มาซื่งผลงานที่ดี ผู้ตัดต่อจะต้องดำเนินการผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ที่กำหนดไว้อย่างครบถ้วน ประหนึ่งว่ามีเป็นพิธีกรรมอะไรสักอย่าง โดยพิธีกรรมที่ได้กล่าวมา ในแต่ละขั้นตอน มันก็มีบทบาทความสำคัญในการกำหนดรูปแบบเรื่องราว ทำให้เรื่องราวมีชีวิตขึ้นมาในตอนท้ายได้อย่างน่ามหัศจรรย์
ทั้งหมดของพิธีกรรมอะไรสักอย่าง มันก็มีอยู่ด้วยกัน 5 ขั้น เป็นดังนี้ครับ
– 1 –
ขั้นตอนแรก ให้คิดถึงเรื่องของข้อควรพิจารณาก่อนการตัดต่อ การวางรากฐาน เพราะการทำความเข้าใจในเรื่องของ "สาระสำคัญ" เป้นหัวใจหลักของโปรเจ็กต์ ดังนั้นการเริ่มต้นด้วยการทบทวนสคริปต์และสตอรี่บอร์ดอย่างละเอียด ขั้นตอนนี้จะช่วยให้ Editor ได้รับทราบถึงแผนสำหรับการเล่าเรื่อง และยังเป็นส่วนสำคัญในกำหนดแนวทางสำหรับกระบวนการแก้ไข กระบวนการ Review นี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การกระทำส่วนบุคคล แต่ยังรวมไปถึงการร่วม Review กันระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วย การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพกับทีมงานผู้สร้างสรรค์ ผู้กำกับ และโปรดิวเซอร์ถือเป็นสิ่งสำคัญ การปรับจูนเล็กน้อยของ Script และ Story Board ให้มีสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ เป้าหมาย และความคาดหวังของโปรเจ็กต์อยู่อย่างสม่ำเสมอจะทำให้เรามั่นใจได้ว่า การเดินทางในการ Editing จะเป็นการทำงานผ่านความร่วมมือกันอย่างกลมกลืน
– 2 –
ขั้นที่ 2 ก็จะมาถึงการเตรียมฟุตเทจเพื่อให้มีความพร้อมต่อการตัดต่อ การนำเข้าฟุตเทจและการจัดระเบียบคือสิ่งต่อมาที่จะต้องได้รับการจัดการ เมื่อมีรากฐานของการจัดการ Footage ที่ดีแล้ว Editor จะสามารถดำเนินการนำเข้า Raw Footage ลงในซอฟต์แวร์ตัดต่อได้อย่างเป็นระบบระเบียบ การจัดระเบียบไฟล์อย่างพิถีพิถันจะช่วยให้เข้าถึงคลิปที่จำเป็นได้อย่างง่ายดายไปตลอดกระบวนการแก้ไข รับรองว่าคุณจะไม่เสียใจที่ได้ทำมัน การจัดการแบ่งกลุ่มสามารถแบ่งได้หลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งตามเวลาที่การบันทึก แบ่งตามเทค หรือแบ่งตาม Location การจัดกลุ่มที่ดี จะทำให้การการเลือกเทคหรือช่วงเวลาที่ดีที่สุดเป็นไปได้ มันจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับกระบวนการตัดต่อ ทำให้เราสามารถเข้าถึงฟุตเทจที่ได้ทำการคัดสรรมาเพื่อใช้งานได้อย่างไม่ตกหล่น นอกจากนั้น เมื่อเสร็จจาการจัดหมวดหมู่แล้ว เราแนะนำให้ทำการการแปลงรหัสและให้ทำการแก้ไขผ่าน Proxy Format เพราะด้วยเหตุผลทางเทคนิก การแปลงไฟล์เป็นรูปแบบที่เหมาะสม การใช้ Proxy Format เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน Editor ไม่ต้องมานั่งรอการ Background Render การตัดต่อได้อย่างสด ๆ จะช่วยให้เรามั่นใจได้ถึงประสบการณ์การแก้ไขที่ราบรื่นซึ่งทำให้ Editor สามารถเข้าถึงอารมณ์ของการเล่าเรื่องได้อย่างลื่นไหล
– 3 –
ขั้นต่อมาคือการทำ Rough Assembly หรือการประกอบหยาบ เพราะการตัดต่อเป็นประหนึ่งการวาดรูป การค่อย ๆ สร้างรูปจากเค้าโครงหยาบ ๆ ทำให้เราเห็นถึงภาพรวมคร่าว ๆ ได้อย่างไม่ยากเย็น การทำ Rough Assembly หรือการ string-out จะเป็นการวางโครงเรื่องขั้นต้นแรกสุดเพื่อนำไปสู่ขั้นตอนสำหรับกระบวนการแก้ไขอย่างเป็นระบบต่อไป การจัดเตรียมเบื้องต้นนี้ ทำให้เราและผู้ที่เกี่ยวข้องได้เห็นภาพรวมโดยรวมของเนื้อหาที่มีอยู่ และทำหน้าที่เป็นรากฐานสำหรับการแก้ไขในขั้นที่มีความละเอียดขึ้นต่อ ๆ ไป
– 4 –
ขั้นที่ 4 ขั้นตอน Core Editing Phases ซึ่งจะประกอบไปด้วยขั้นย่อย ๆ อีก 3 ขั้น ได้แก่การ Assembly Cut, Rough Cut, and Fine Cuts
ซึ่งแต่ละขึ้นมีไว้เพื่อตอบจุดประสงค์ที่ต่างกัน ดังนี้
1. การ Assembly Cut หรือการตัดประกอบ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการแก้ไขอย่างเป็นทางการ Raw Footage ทั้งหมดที่เลือกมาแล้ว จะได้รับการรวบรวมเป็นลำดับ ยังไม่ต้องใส่ Multicam, Graphic Animation, Automation / Key Frame, B Roll หรือภาพประกอบเสริม โดยจุดประสงค์ก็เพื่อนำเสนอมุมมองที่ครอบคลุมทั้งหมดของโครงสร้าง เรื่องราว
ต่อมาเราค่อยกลับมาอีกครั้งเพื่อมาดูในส่วนของการทำ Rough Cut เพื่อปรับแต่งการเล่าเรื่องให้มีอรรถรสให้มากขึ้น ในขั้นตอนการตัดต่อนี้ Editor ควรจะตัดสินใจอย่างมีวิจารณญาณเพื่อปรับแต่งการเล่าเรื่องให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น การแสดงภาพไม่จำเป็นถูกตัดออก สอดใส่ Multicam, Graphic Animation, Automation / Key Frame, B Roll ต่าง ๆ เข้าไป รวมถึงลำดับภาพต่าง ๆ ที่อยากจะให้ถูกจัดเรียงใหม่ก็สมควรจะทำในระยะนี้ เพื่อสร้างวิดีโอในเวอร์ชันที่มีความแท้ทรู มีความสอดคล้องกันกับสาระสำคัญตาม Script ที่มี
และขึ้นสุดท้ายของ Core Editing Phrase ก็คือการทำ Fine Cut หรือการขัดเกราเพื่อสร้างความสมบูรณ์แบบ
การตัดต่ออย่างประณีตถือเป็นจุดสุดยอดของการตัดต่อ โดยให้ความใส่ใจอย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียด การเปลี่ยนจังหวะ การเว้นจังหวะ เสียง และการประแต่งสีล้วนจะได้รับการปรับแต่งอย่างละเอียดเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายที่ราบรื่นและน่าดึงดูด
– 5 –
หลังจาการทำ Core Editing เสร็จ ก็ต้องเผื่อใจไว้สำหรับขั้นสุดท้ายด้วย นั่นก็คือการสรุปผลและการรับฟัง
ซึ่งขั้นนี้นั้นมันจะทำเป็นการทำให้ผลงานชิ้นเอกที่เราทำจะได้มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น การตรวจสอบการตัดอย่างละเอียด Editor ควรรวบรวมข้อเสนอแนะและทำการแก้ไขเพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายโดยแสวงหาข้อมูลจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เมื่อได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนแล้ว Editor จะได้ทำการปรับเปลี่ยนที่จำเป็นเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อให้แน่ใจว่าวิดีโอสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่ได้สร้างมาอย่างสมบูรณ์ ไม่บกพร่อง
ด้วยการทำตามขั้นตอน 5 ขั้นที่ครอบคลุมเหล่านี้ Editor จึงจะได้แปลง Raw Footage ให้ได้กลายเป็นประสบการณ์ภาพที่สวยงามและน่าดึงดูด กระบวนการตัดต่อวิดีโอเป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความแม่นยำทางเทคนิคและสัญชาตญาณที่สร้างสรรค์ ทุกการตัดสินใจมีส่วนช่วยให้การเล่าเรื่องด้วยภาพให้ได้เป็นไปอย่างราบรื่น
ที่สุดแล้ว Editor จะสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกที่ดึงดูดและโดนใจผู้ชมทั่วโลกผ่านขั้นตอนที่รอบคอบเหล่านี้ในตอนท้าย