ในวาระที่เดือนนี้มีวันสตรีสากล เรา UW Cast จึงอยากจะนำเสนอเรื่องราวที่น่าหนักใจสำหรับใคร ๆ หลาย ๆ คน มันเป็นเหตุการณ์ที่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ไม่ว่ากับใครก็ตาม โดยเฉพาะกับท่านสุภาพสตรีทั้งหลาย และเมื่อเวลามันเกิดขึ้น มันก็มักจะเป็นไปได้ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะหยุด หรือตอบโต้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ใช่แล้วครับ วันนี้เราจะมาเจาะลึกสำรวจในเรื่องของ “การ Bully แบบทีนัยยะ” มันไม่ใช่การ Bully ธรรมดา ๆ การ Bully ในรูปแบบนี้ เป็นการ Bully ที่เน้นการกรีดที่ลึก การกลั่นแกล้งกันอย่างเป็นระบบ มีชั้น มีเชิง วันนี้ UWP ของนำเสนอตอน Covert Aggression แกล้งกันแล้วยังทำหน้าตาย
ในปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ ถ้าธรรมดา ๆ ใครก็ตามที่ไม่ชอบกัน มันก็เป็นธรรมดาที่ใครสักคนจะแสดงความก้าวร้าวให้ปรากฏภาพออกมาให้เห็นในรูปแบบของการแสดงความเป็นศัตรูอย่างโจ่งแจ้ง เช่น ความรุนแรงทางร่างกายหรือการโจมตีด้วยวาจา อย่างไรก็ตาม มันยังมีรูปแบบการรุกรานอีกรูปแบบหนึ่งที่ร้ายกาจยิ่งกว่าการจู่โจมทางร่างการหรือวาจาแบบซึ่งหน้า มันเป็นการรุกราน โจมตีในรูปแบบที่มองไม่เห็น หรือเห็นไม่ชัด ซ่อนเร้นอยู่ใต้เงามืดของการบงการและการหลอกลวง ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า Covert Agression หรือที่แปลเป็นไทยว่า การบ่อนทำลาย โดย Covert Agression นี้ มันคือการแสดงออกถึงการกลั่นแกล้งที่แทรกซึม ร้าวลึก ไม่มีการเผชิญหน้าโดยตรง แต่ทรงพลัง ซึ่งสามารถสร้างความหายนะให้กับชีวิตและความสัมพันธ์ของบุคคลได้อย่างง่ายดาย
Covert Agression ครอบคลุมถึงพฤติกรรมหลายรูปแบบที่มีลักษณะทางอ้อมและซ่อนเร้น ต่างจากการ Bully แบบทั่ว ๆ ไป ที่เปิดเผย ซึ่งเป็นอะไรที่สามารถที่จะดูออกได้โดยง่ายและตรงไปตรงมา Cover Agression คือการรุกรานที่แอบแฝง ดำเนินการอย่างซ่อนเร้น โดยปกปิดความตั้งใจที่แท้จริงของมันไว้เบื้องหลังม่านแห่งการหลอกลวง ลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของ Covert Agression คือความสามารถในการสร้างอันตรายโดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็นที่มองเห็นได้ เหมือนการซ้อมทรมานโดยที่ไม่ทำที่ตรงใบหน้า หรือจุดที่มองเห็นได้ชัด ทำให้เหยื่อไม่สามารถหาหลักฐานเพื่อมาปกป้องตนได้ การกระทำอย่างนี้ทำให้การระบุหาและเผชิญหน้าการ Covert Agression เป็นสถานะการณ์ที่ท้าทายเป็นอย่างยิ่ง
Covert Agression สามารถที่จะแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ ซึ่งเป็นดังนี้
Passive Aggressive: Passive Aggressive หรือพฤติกรรมก้าวร้าวเชิงรับเป็นรูปแบบที่พบได้บ่ายที่สุดของ Covert Agression พฤติกรรมนี้มีความเกี่ยวข้องกับการแสดงออกถึงความเกลียดชังหรือความขุ่นเคืองอย่างแนบเนียนผ่านการตอบโต้จากข้อมูลที่ได้รับมา เช่น การเสียดสี (Sacasm) การชมเชยแบบส่อเสียด (Backhanded Compliment) หรือการกระทำบ่อนทำลายที่ซ่อนเร้น (Subtle Acts of Sabotage) แม้จะดูเผินๆ การกระทำเหล่านี้อาจดูไม่เป็นอันตรายหรือตลกขบขัน แต่ในความเป็นจริงมันกลับมีวาระที่ซ่อนเร้นในการบ่อนทำลายหรือทำร้ายผู้อื่นอย่างแยบยล
การบงการ (Manipulation) เป็นการแสดงออกถึง Covert Agression ในอีกรูปแบบหนึ่ง มันเป็นการกระทำโดยที่บุคคลใช้ไหวพริบและการหลอกลวงเพื่อควบคุมเหยื่อ สิ่งนี้อาจมีหลายรูปแบบ ตั้งแต่การสร้างความรู้สึกผิด (Guilt-Tripping) ผ่านการการทวงบุญคุณและการแบลคเมลทางอารมณ์ (Emotional Blackmail) ไปจนถึงการจัดฉากให้คนหนึ่งๆ รู้สึกว่าสิ่งที่เขาตั้งคำถามนั้น ที่แท้เขาเข้าใจนั้นผิด และนั่นเองคือการปั่นหัวที่แยบยลที่เราเรียกกันว่า Gaslighting จะเห็นได้ว่าบรรดากลยุทธที่กล่าวมาต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีการ Bully ที่ร้ายกาจ โดยเฉพาะบรรดาการ Manipulate ที่เกี่ยวข้องกับการบิดเบือนความเป็นจริงที่ทำให้เหยื่อสงสัยในการรับรู้และสติของตนเอง ด้วยการเล่นกับความอ่อนแอและความไม่มั่นคงของเหยื่อ ผู้บงการสามารถโน้มน้าวพวกเขาให้เป็นไปตามใจปรารถนา ในขณะที่ก็ยังสามารถที่จะรักษาหน้า รักษาความบริสุทธิ์เอาไว้ได้ในคราวเดียวกัน
สร้างแพะรับบาป (Scape Goat) เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่บ่อย ๆ โดยที่ผู้จู่โจมจะหันเหความผิดไปยังผู้อื่นทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงแล้วมันเป็นความผิดที่พวกเขาก่อขึ้นมาเอง ด้วยการบอกเป็นนัย ๆ หรือการกล่าวหาแบบหว่าน (veiled accusations) ผู้จู่โจมทำให้ชื่อเสียงของเหยื่อเสื่อมเสียและบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของพวกเขา ขณะเดียวกันก็ยังเป็นการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบต่อการกระทำของพวกเขาไปในตัว สิ่งนี้อาจส่งผลร้ายแรงต่อจิตใจของผู้ที่ถูกแพะรับบาป นำไปสู่ความรู้สึกโดดเดี่ยว ความสงสัยในตนเอง และความสิ้นหวังได้อย่างง่ายดาย
Withholding เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งในคลังแสงของผู้รุกรานที่แอบแฝง โดยที่พวกเขาจะกั๊กข้อมูล กั๊กความรัก หรือกั๊กความรู้สึกของความต้องการที่จะสนับสนุนไว้ก่อนเพื่อที่จะได้ใช้ข้อมูลที่ถูกกั๊กไว้เป็นเครื่องควบคุมหรือลงโทษในภายหลัง ด้วยการกีดกันเหยื่อจากความจริงที่จำเป็น ผู้จู่โจมจะสามารถรักษาตำแหน่งของอำนาจและการครอบงำเอาไว้ได้ ซึ่งนั้นส่งผลให้เป้าหมายของพวกเขารู้สึกไร้พลังและรู้สึกว่าตนเองเป็นที่พึ่งพาไม่ได้
การจัดการกับ Covert Agression ต้องใช้หลากหลายแนวทาง หลายหลายแง่มุม เช่น ต้องใช้ความมันใจในการตระหนักรู้ในตนเอง ความกล้าแสดงออก และการกำหนดขอบเขต ต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์บางส่วนในการจัดการกับ Covert Agression
ตระหนักถึงสัญญาณของการมาเยื่อนของ Covert Agression: เราต้องให้ความรู้กันตัวเองเกี่ยวกับกลวิธีต่าง ๆ ที่ผู้รุกรานแอบแฝงใช้อย่าง 4 กลยุทธ์ที่ได้กล่าวไป เมื่อเข้าใจกลยุทธ์เหล่านี้ คุณจะสามารถระบุได้ดีขึ้นว่าเมื่อใดที่กลยุทธ์เหล่านี้ถูกใช้เพื่อรังแกคุณ
เชื่อสัญชาตญาณของคุณ: หากมีบางอย่างรู้สึกผิดประหลาดไป หรือคุณรู้สึกว่าคุณกำลังถูกบงการ หรือถูกปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสม ขอให้คุณเชื่อสัญชาตญาณของคุณ อย่าเพิกเฉยต่อความรู้สึกของคุณ หรือปล่อยให้ตัวเองถูกรังแก
กำหนดขอบเขต: สื่อสาร กำหนดขอบเขตของคุณให้ชัดเจนกับผู้ไม่หวังดีที่กำลังแอบแฝงตัวอยู่ บังคับใช้กฏที่ตั้งขึ้นมาอย่างแน่วแน่ เป็นรูปธรรม แจ้งให้เขาได้ทราบว่าพฤติกรรมใดที่คุณยอมรับไม่ได้ และให้เขาเตรียมพร้อมที่จะรับผลกรรมกับสิ่งที่เขาได้ทำไป
ขอการสนับสนุน: ติดต่อเพื่อนที่เชื่อถือได้ สมาชิกในครอบครัว หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเพื่อรับการ Support และการรักษาหากมีความจำเป็น การมีเครือข่ายที่สนับสนุนนี้สามารถให้มุมมองและช่วยเพิ่มความมั่นใจในการรับมือกับ Covert Agression ได้เป็นอย่างดี
ให้ดูแลรักษาตนเอง: ดูแลสุขภาพกาย อารมณ์ และจิตใจด้วยการทำกิจกรรมที่ทำให้คุณมีความสุข เติมเต็มจิตวิญญาณ ฝึกฝนเทคนิคการดูแลตนเอง เช่น การมีสติ การทำสมาธิ และการผ่อนคลาย เพื่อให้เห็นถ่องแท้ถึงความจริง ลดความเครียด และพัฒนาด้านการเปิดใจ
บันทึกเหตุการณ์เป็นเอกสาร: เก็บบันทึกเหตุการณ์ Covert Agression รวมถึงวันที่ เวลา และพฤติกรรมต่าง ๆ เอาไว้อย่างถ้วนถื่ เอกสารนี้จะมีประโยชน์ เพรา Covert Agression เกิดถื่และแทบจะตลอดเวลาส่วนใหญ่แล้วเรามันจะลืมว่าเราถูกล่วงละเมิดมาแล้วกี่ครั้ง หากคุณต้องการเผชิญหน้ากับผู้รุกรานหรือแสวงหาความช่วยเหลือจากภายนอก บันทึกเหตุการณ์คือสิ่งที่ดีที่จะระบุถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
เปิดเผยซึ่งหน้า: คุณอาจเลือกที่จะเผชิญหน้ากับผู้รุกรานที่แอบแฝงเกี่ยวกับพฤติกรรมของพวกเขาโดยตรงได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และระดับความกล้าหาญของคุณ ทั้งนี้ หากคุณเลือกที่จะเผชิญหน้า คุณต้องมันใจว่าคุณสามารถที่จะจำแนก แยกแยะประเภทของสิ่งที่เกิดขึ้น รวมถึงหลักฐานประจักษ์ได้อย่างชัดเจน มิฉะนั้น จะเป็นตัวคุณเองที่เป็นคนที่ Bully คนอื่น
รู้ว่าเมื่อใดควรเลิกมีส่วนร่วม: หาก Covert Agression ยังคงมีอยู่แม้ว่าคุณจะพยายามจัดการกับมันแล้วก็ตาม ให้ลองจำกัดหรือยุติปฏิสัมพันธ์ของคุณกับผู้รุกรานเสีย จำไว้ว่าความเป็นอยู่ที่ดีของคุณควรเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรกเสมอ และคุณสามารถเอาตัวเองออกจากสถานการณ์ที่ Toxic หรือไม่ได้ด้วยตัวเองเช่นกัน
โดยสรุป การจัดการกับ Covert Agression ต้องใช้ความระมัดระวัง ความกล้าแสดงออก และความรักที่มีให้กับตนเอง ด้วยการตระหนักรู้ถึงเวลาที่มันเกิดขึ้น การกำหนดขอบเขต การขอความช่วยเหลือ และการรู้จักรักษาตน คุณสามารถที่จะบรรเทาผลกระทบที่เป็นอันตรายจาก Covert Agression ได้ นอกจากนี้ การเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและการคำนึงถึงความเท่าเทียมกันมากขึ้นจะสร้างความไว้วางใจ ความเคารพ และความเข้าใจซึ่งกันและกันในตอนท้าย ด้วยการจับพฤติกรรม Covert Agression และดำเนินการเชิงรุกเพื่อแก้ไขปัญหาให้ได้เท่านั้น ที่จะสร้างโลกใหม่ บรรยากาศใหม่ ๆ ขึ้นได้ บรรยากาศที่การเชื่อมต่อและความเห็นอกเห็นใจระหว่ากันจะได้เกิดขึ้นมาอย่างแท้จริง