ชื่ออาชีพท้องถิ่น : ผักพ่อค้าตีเมียผักป่าชื่อแปลกทำรายได้ให้คนในชุมชน
ประวัติข้อมูลของผู้ประกอบอาชีพ
พ่อค้าตีเมียเป็นผักป่าชนิดหนึ่งที่สามารถเจริญเติบโตได้เองตามธรรมชาติ พบได้ในป่าเบญจพรรณที่มีลักษณะค่อนข้างเย็นและชุ่มชื้น ไม่ได้พบตามป่าทั่วไป สภาพพื้นที่ที่พบมักมีลักษณะเป็นดินทรายมีหินและกรวดซึ่งทำให้ยอดและลำต้นสามารถแทงโผล่มาได้ง่าย เจริญเติบโตได้ดีในฤดูฝนช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม ในพื้นที่ป่าหลายแห่งของจังหวัดลำพูนและแม่ฮ่องสอน พบผักพ่อค้าตีเมียเจริญเติบโตอยู่ในดินทรายปนหินจำนวนมาก หลายต้นกำลังแทงยอดเล็กๆ โผล่ออกมาจากดิน หลายต้นเจริญเป็นต้นที่โตเต็มที่ แผ่ใบสวยงาม และเป็นที่น่าสังเกตว่าบริเวณที่ผักพ่อค้าตีเมียเจริญเติบโต มักพบพืชจำพวกกระเจียว หรือพืชตระกูลขิงชนิดอื่นๆ ขึ้นอยู่ด้วยเสมอ ซึ่งแสดงว่าพื้นที่นั้นมีความอุดมสมบูรณ์จึงมีพืชหลากหลายชนิดเจริญเติบโตได้ดี การเก็บผักพ่อค้าตีเมียไปรับประทานชาวบ้านนิยมเก็บเฉพาะต้นที่ยอดกำลังคลี่ใบอ่อนเท่านั้นโดยจะตัดส่วนลำต้นและยอดทั้งหมดที่โผล่พ้นดินออกมา ส่วนต้นที่ใบกางเต็มที่แล้วก็จะปล่อยทิ้งไว้ในป่าเพื่อขยายพันธุ์ต่อไป
สำหรับพ่อค้าตีเมียมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Selaginella argentea (Wall ex. Hook & Grew) Spring อยู่ในวงค์ Selaginellaceae มีชื่ออื่นเรียกว่า ผักกับแก้ (ลำพูน) ภาคกลางเรียก เฟินแผง จัดเป็นเครือญาติใกล้ชิดของเฟิน ลักษณะเป็นพืชกึ่งล้มลุก ขนาดเล็ก ความสูงประมาณ 15-50 ซม. ลำต้นผอมบาง ลำต้นตั้งตรง มีเหง้าไหลทอดไปกับพื้น ใบเป็นใบประกอบและมีใบประกอบย่อยขนาดเล็กจำนวนมาก มีสีเขียวอ่อน ปนกับเขียวเข้ม มันวาว ก้านใบมีขน ต้นที่เจริญ เติบโตเต็มที่จะมีความสวยงาม สามารถปลูกเป็นพืชประดับได้
การนำผักพ่อค้าตีเมียไปปรุงอาหารนั้น ชาวบ้านนิยมนำไปแกงใส่เห็ดนางรมและปลาแห้ง หรือลวกกินกับน้ำพริก ผักพ่อค้าตีเมียที่ชาวบ้านนำไปขายตลาดจะขายเป็นมัดขนาดเล็กมัดละ 10 บาท เมื่อคิดตามน้ำหนักจะราคาประมาณกิโลกรัมละ 150-200 บาทและจะมีขายเพียงครั้งเดียวต่อปี ส่วนของอำเภอทุ่งหัวช้าง จังหวัดลำพูน ชาวบ้านในพื้นที่จะนำมาวางจำหน่ายตามตลาดนัดของชุมชน
สำหรับคุณค่าทางอาหารนั้น ผักพ่อค้าตีเมียมีคุณค่าอาหารเหมือนผักอื่นทั่วไป มีปริมาณเหล็ก โพแทสเซียม ฟอสฟอรัสและแคลเซียมค่อนข้างสูง มีวิตามินอี วิตามินบี และมีปริมาณแอนติออก ซิเดนท์ จึงมีประโยชน์ต่อร่างกาย
ส่วนที่มาของชื่อผักชนิดนี้ว่า พ่อค้าตีเมีย อาศัยเรื่องเล่าจากชาวบ้านว่า พ่อค้าเดินทางไปขายสินค้า พอกลับมาถึงบ้านจึงทั้งเหนื่อยและหิว ด้วยความหิวจึงเรียกภรรยาให้ยกสำรับมาให้ ในสำรับมีแกงผักชนิดหนึ่ง พอพ่อค้าได้รับประทานแกงผักชนิดนี้เข้าไป ผักในแกงยังกรอบและไม่นุ่ม จึงด่าภรรยาว่าแกงผักไม่สุกแล้วเอามาให้รับประทาน และด้วยความโมโหจึงคว้าไม้ไล่ตีภรรยา ซึ่งความจริงแล้วผักชนิดนี้เมื่อนำไปปรุงอาหารจะมีลักษณะเฉพาะคือ มีความกรอบ ไม่เปื่อยยุ่ยเหมือนผักชนิดอื่น ด้วยสาเหตุนี้ผักชนิดนี้จึงได้ชื่อว่า ผักพ่อค้าตีเมีย ทำให้เป็นผักป่าที่มีชื่อแปลกกว่าผักชนิดอื่น
ที่อยู่ ที่ตั้ง (พิกัด) ของผู้ประกอบการ
กระบวนการขั้นตอนการผลิตหรือองค์ความรู้
พ่อค้าตีเมีย” ผักพื้นบ้านชื่อแปลกของชาวล้านนาในบรรดาพืชพื้นบ้านหรือผักพื้นบ้านในพื้นที่ ภาคเหนือตอนบนพบว่ามีหลากหลายชนิดที่นำมา ใช้เป็นอาหาร โดยชาวบ้านนิยมนำส่วนต่าง ๆ ของผักมาปรุงอาหาร มีผักพื้นบ้านหลายชนิดที่เก็บมาจากป่าเพราะสามารถเจริญเติบโตได้เองตามธรรมชาติ ชาวบ้านจึงนิยมเรียก ผักป่า
พ่อค้าตีเมีย เป็นผักป่าชนิดหนึ่งที่สามารถเจริญเติบโตได้เองตามธรรมชาติ พบได้ในป่าเบญจพรรณที่มีลักษณะค่อนข้างเย็นและชุ่มชื้น ไม่ได้พบตามป่าทั่วไป สภาพพื้นที่ที่พบมักมีลักษณะเป็นดินทรายมีหินและกรวดซึ่งทำให้ยอดและลำต้นสามารถแทงโผล่มาได้ง่าย เจริญเติบโตได้ดีในฤดูฝนช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม ในพื้นที่ป่าหลายแห่งของจังหวัดลำพูนและแม่ฮ่องสอน
สามารถปลูกเป็นพืชประดับได้ ชาวบ้านนิยมนำไปแกงใส่เห็ดนางรมและปลาแห้ง หรือลวกกินกับน้ำพริก
ผักพ่อค้าตีเมียมีคุณค่าอาหารเหมือนผักอื่นทั่วไป มีปริมาณเหล็ก โพแทสเซียม ฟอสฟอรัสและแคลเซียมค่อนข้างสูง มีวิตามินอี วิตามินบี และมีปริมาณแอนติออกซิเดนท์
ส่วนที่กินได้ของผักพ่อค้าตีเมียคือ บริเวณยอดอ่อนที่อยู่ในระยะม้วนงอ พบมากในต้นฤดูฝน นำมาแกงกับปลา หรือใช้เป็นผักรวมสำหรับแกงแค ลวกจิ้มกับน้ำพริกก็ได้ความหวานและกรุบแปลกไปอีกแบบ ปัจจุบันผักพื้นบ้านหากินยากขึ้นทุกวัน เพราะพื้นที่ป่าถูกทำลายและอีกอย่างความรู้เรื่องผักพื้นบ้านก็ยิ่งลดน้อยลงไป คนรุ่นใหม่ไม่รู้จักหน้าตาของผักทำให้ผักพื้นบ้านถูกหลงลืมไป ต้นอ่อนและยอดอ่อนใช้เป็นผัก ต้นอ่อนจะออกในช่วงฤดูฝน ราวเดือนพฤษภาคม-เดือนมิถุนายน
ประโยชน์ในการเป็นพืชสมุนไพร
จากรายงานผลการวิจัยพบว่า พ่อค้าตีเมียจัดเป็นผักพื้นบ้านประเภทหนึ่งซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงมีสรรพคุณในการลด หรือยับยั้งการสร้างเซลล์มะเร็งได้ดี
ลักษณะทางพฤษศาสตร์ของพ่อค้าตีเมีย
พ่อค้าตีเมีย จัดเป็นไม้กึ่งล้มลุกกึ่งคลุมดินประเภทเฟิร์น มีความสูงประมาณ 30-45 ซม. พบทั่วไปในป่าผลัดใบผสม ป่าเต็งรัง พบได้ทุกภาคของประเทศ ขึ้นบริเวณที่มีความชื้นสูง ต้นน้ำและริมลำธาร เป็นไม้ที่ในช่วงฤดูแล้งต้นจะแห้งเฉา และงอกลำต้นใหม่ในฤดูฝน ในยามที่ต้นยังไม่เจริญเต็มที่ช่วงต้นฤดูฝน ชาวบ้านจะเก็บต้นอ่อนมารับประทานเป็นผัก มีลำต้นเป็นเหง้าไหลทอดไปกับพื้นดิน ชูส่วนปลายยอดตั้งขึ้น และมักแตกกิ่งก้านเป็นคู่ๆ แผ่กระจายในระนาบเดียว ใบ เป็นใบประกอบสีเขียว รูปทรงยาวและหนา ดูสวยงามคล้ายกับใบเฟิร์นเขากวางแต่จะมีใบประกอบย่อยขนาดเล็กจำนวนมาก ใบมีความยาวราว 30-40 ซม. ใบคลี่แผ่ออกเป็นแผ่นกว้าง มีใบอ่อนม้วนและงอ ออกเป็นเกลียววนรอบลำต้น ก้านใบมีขน หลังใบมีสปอร์อยู่หลังขนาดเล็กและเบามาก มี 2 ชนิดอยู่รวมกันในซอกใบ ซึ่งสปอร์ 2 ชนิดนี้ จัดเรียง 4 แถว ติดอยู่ที่แกนของใบ พันธุ์ไม้ชนิดนี้ ขยายพันธุ์โดยการแยกต้นอ่อน จึงนิยมใช้ต้นอ่อนที่เจริญออกมาจากต้นแม่ เช่นเดียวกับผักกูด ส่วนใหญ่ชาวบ้านนิยมเก็บจากแหล่งธรรมชาติ
สื่อประกอบ
เขียน / ผู้เรียบเรียงเนื้อหา : นางสาวสุจิตรา ศรีชำนาญ
ภาพถ่ายและบทความโดย : ศูนย์อาชีพและธุรกิจมติชน (Matichon Academy)
คลิป You Tube : 1. ขอขอบคุณ คลิปผักป่าชื่อแปลก "ผักพ่อค้าตีเมีย" มีให้กินปีละครั้ง
โดย สำนักข่าวไทย TNAMCOT (MCOT)
2. ขอขอบคุณ คลิป แกงผักพ่อค้าตีเมีย โดย แพนวรภพ Pancooking
3. ขอขอบคุณ คลิป ผักพ่อค้าตีเมีย "ผักพื้นบ้านอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย
และลดการสร้างเซลล์มะเร็ง โดย โลกดาราและดราม่า
4. ขอขอบคุณ คลิป ข่าวภาคเหนือ 29 พฤษภาคม 2567 ผักพ่อค้าตีเมีย หนึ่งปี
มีให้รับประทานครั้งเดียว โดย NBT ภาคเหนือ