ความแตกต่างของหม้อห้อมแต่ละสายพันธุ์
ห้อมและคราม พืชคนละชนิด ให้สีครามเหมือนกัน
ก่อนจะกล่าวถึงการย้อมหม้อห้อม ขอกล่าวถึงต้นไม้ที่นำมาเป็นสีธรรมชาติเพื่อการย้อมคือต้นห้อมและต้นคราม ผู้คนส่วนใหญ่อาจมีความเข้าใจ
คลาดเคลื่อนว่าห้อมและครามเป็นพืชชนิดเดียวกัน ดังนั้นเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องจึงขอกล่าวถึงพืชให้สารสีทั้งสองชนิดนี้ดังนี้
ต้นห้อม เป็นพืชชนิดหนึ่งสีสามารถนำมาทำให้เป็นสารสีครามสำหรับย้อมผ้าได้ ห้อมเป็นพืชสกุล Baphicacanthus วงศ์ ACANTHACEAE ชนิด cusiaBrem มีชื่อเรียกแตกต่างกันแต่ละท้องถิ่นเช่น ทั่วไปเรียก คราม แม่ฮ่องสอนเรียกครามดอย
น่านเรียกห้อมเมือง ห้อมหลวง เชียงใหม่ เชียงราย แพร่ ลำปาง เรียก ห้อมน้อย
ลักษณะเป็นไม้พุ่ม ลำต้นตั้งตรงมีกิ่งก้านสาขา ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงตรงกันข้ามรูปวงรี ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อยละเอียด ดอกออกเป็นช่อที่ชอกใบมีด
อกย้อยหลายดอก กลีบดอกสีม่วงเชื่อมติดกันเป็นหลอดโค้งงอเล็กย้อย ลำต้นสูงประมาณ 50-100 เซนติเมตร ขยายพันธุ์ด้วยลำต้นนำมาปักชำไว้รากจะงอกบริเวณข้อ ห้อมชอบอยู่ในที่ร่มเย็น แดดรำไร มีน้ำซึมตลอดเวลา ใบห้อมสามารถเก็บมาใช้
ทำสีน้ำเงินได้ต่อเนื่องเมื่อย่างเข้าปีที่2 ระยะของการเก็บไม่จำกัดแล้วแต่จะออกแขนงช้าหรือเร็ว ถ้าห้อมต้นใหญ่ มีมากจะตัดทั้งกิ่งและใบมาใช้ ถ้าต้นเล็กใช้ใบเป็นหลัก ห้อมบริเวณนี้จะมีอายุถึง8-9 ปีในจังหวัดแพร่พบที่บ้านแม่ลัว บ้านนาตองซึ่งเป็นพื้นที่มีความชุ่มเย็น บนพื้นที่สูง แต่ยังขาดการจัดการในการปลูกเพื่อผลิตเชิงธุรกิจได้
แหล่งสีครามธรรมชาติ เป็นพืชสกุล Indigofera วงศ์ PAPILIONACEAE ชนิด tinctoria Linn. มีชื่อเรียกทั่วไปว่า “คราม” และเรียกแตกต่างแต่ละถิ่น เช่นกระเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียก นอยอ นะยอ เชียงใหม่เรียกครามดอย (ellipticaRoxb) ครามเขา ครามขน(hirsute Linn, local Saib) ครามป่า(sootepensisCraib) ลักษณะทั่วไปเป็นพืชตระกูลถั่วขนาดย่อม ลำต้นสูงประมาณ 100-160 เซนติเมตร แตกกิ่งก้านสาขาเป็นพุ่ม ใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ
ปลายใบเดี่ยว ใบย่อยรูปรี ดอกช่อ ออกตามซอกใบ ดอกย่อยรูปดอกถั่ว กลีบดอกสีชมพู ผลเป็นผัก มีทั้งฝักตรงและฝักโค้ง ภายในฝักมี 7-12 เมล็ด รากเป็น
ระบบรากแก้ว ลำต้นประกอบด้วยข้อและปล้อง มีตาและตาดอกเกิดขึ้นบริเวณข้อ แล้วเกิดเป็นช่อดอกในภายหลัง แต่ละดอกประกอบด้วยกลีบดอก 4 กลีบ เกสรตัวผู้ 10 อัน เกสรตัวเมีย 1 อัน เมล็ดของครามมีลักษณะเหลี่ยมค่อนข้างกลม ขนาดเล็ก ใช้ใบและก้านใบของครามอายุ 3 เดือนจะให้ปริมาณสีครามมากที่สุด ครามขึ้นได้ดีในที่มีแสงแดดส่องถึง ซึ่งจะปลูกในเดือนพฤษภาคม ถึง มิถุนายน และสามารถเก็บไปทำน้ำครามได้ราวเดือน พฤศจิกายน แหล่งครามที่ใหญ่อยู่ในภาคอีสาน ในอำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนครที่ทำสารย้อมสีครามจำหน่ายทั่วประเทศและอำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตรซึ่งเป็นชุมชนลาวครั่ง ส่วนที่บ้านทุ่งโฮ้งปลูกได้แต่ไม่เพียงพอนำมาใช้ย้อมผ้า ต้องนำเข้ามากจากจังหวัดสกลนครในรูปของครามเปียก
https//sites.google.com/site/mo263566/home/top-10-thi-theiyw