ความหมายและความเป็นมาของหม้อห้อม
ความหมาย
ห้อม หรือ ฮ่อม มีชื่ออื่นๆคือ ฮ่อมเมือง ครามหลอย ครามเหล็กขูด ครามย่าน ใบเบิกอยู่ในวงศ์ Acanthaceae สกุล Strobilanthesเป็นพืชล้มลุกอายุหลายปี มีโครโมโซม 2n = 16 และ 32 ลำต้นความสูง 0.5-1.5 เมตร ลำต้นตั้งตรง ลำต้นเกลี้ยง เป็นข้อปล้องคล้ายขาไก่แตกกิ่งก้านตามข้อ ลำต้นกลม ห้อม สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดใบใหญ่ จะมีลักษณะใบเป็นใบเลี้ยงเดี่ยว การจัดระเบียบของใบที่ติดอยู่ตามลำต้นเป็นแบบตรงกันข้ามตั้งฉากกัน โดยแต่ละคู่ของใบในข้อหนึ่งอยู่ในแนวตั้งฉากกับคู่ของใบอีกข้อหนึ่ง ก้านใบยาว ประมาณ 0.5-1.5เซนติเมตร แผ่นใบมีลักษณะเป็นรูปไข่กลับ ขนาดใบกว้าง ประมาณ 6.2-8.3 เซนติเมตร ยาว 18.2-24 เซนติเมตร การจัดเรียงเส้นใบเป็นแบบร่างแหรูปขนนก รูปร่างของใบเป็นแบบใบหอกกลับ ปลายใบแหลม โคนใบเรียวแหลม ขอบใบเป็นหยักฟันเลื่อยละเอียด ส่วนห้อมชนิดใบเล็ก มีลักษณะของใบคล้ายกับชนิดใบใหญ่ แต่ขนาดจะเล็กกว่า ใบด้านบนสีเขียวมัน ใบแก่หรืออ่อนเมื่อถูกกด หรือทุบทิ้งไว้กลายเป็นสีดำเส้นแขนงใบเป็นร่างแหมีจำนวนเส้นใบ 7-9 คู่ดอก ดอก สีม่วง ออกเป็นช่อออกตามซอกใบและปลายกิ่งเป็นช่อแยกแขนง ช่อดอกยาว 1-6 ซม. ก้านช่อดอกยาว 1-12 ซม. มีใบประดับรองรับกลีบเลี้ยง ปลายแยก 5 แฉก แต่ละแฉกยาว 0.8-1.5 มม. มีขนนุ่มปกคลุม กลีบดอกเชื่อมติดกันรูปทรงกระบอกยาว 3.5-5 ซม.ปากกว้าง 3 มม. ปลายกลีบดอกแยก 4 แฉก แต่ละแฉกมีขนาด 9 x 9 มม.สีม่วง ขนาดแตกต่างกันเล็กน้อย ปลายกลีบโค้งเล็กน้อยด้านนอกเกลี้ยง เกสรเพศผู้ 4 อัน ก้านชูอับเรณูยาว ประมาณ 7 มม. ผลแห้งแบบแคปซูลขนาด 1.5-2.2 ซม. เกลี้ยง 4 เมล็ด เมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลแตกง่าย ออกดอกในช่วงเดือน กรฎาคม–กุมภาพันธ์ติดผลในช่วงเดือน ธันวาคม – กุมภาพันธ์
ห้อมสามารถเจริญเติบโตได้ดีในป่าดิบชื้นพื้นที่ที่มีแสงรำไร และไม่ชื้นแฉะ ซึ่งอยู่เหนือความสูงจากระดับน้ำทะเล 100 – 2,000 เมตร สามารถพบได้ในประเทศจีน ( ฝูเจี้ยน, กวางตุ้ง, กวางสี, กุ้ยโจว, ไหหนาน,มณฑลหูหนาน เสฉวน, ไต้หวัน, ตะวันออกเฉียงใต้ของเจ้อเจียง ) ยูนาน ทิเบต บังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย ลาว พม่า ไทย และเวียดนาม จากการสำรวจแหล่งกระจายพันธุ์ของต้นฮ่อมในภาคเหนือทั้งที่เป็นแหล่งขึ้นเองตามธรรมชาติ และแหล่งปลูกตามชุมชน พบว่าในแหล่งขึ้นเองตามธรรมชาติเป็นป่าดิบเขาระดับต่ำ ณ ระดับความสูง 900–1,200 เมตร จากระดับทะเล ในสภาพดินร่วนจนถึงดินร่วนปนทรายและอินทรียวัตถุมากบนชั้นหน้าดิน ส่วนใหญ่พบอยู่เขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์เช่น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยเชียงดาว อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ทุ่งแสลงหลวง ดอยภูคา พบตามที่ชุ่มน้ำในป่าดงดิบ เช่น ป่าแม่คำมี จ.แพร่ ป่าแม่จางฝั่งซ้าย จ.ลำปาง ป่าวังใหญ่และป่าแม่น้ำน้อย จ.กาญจนบุรี ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่อิงฝั่งขวา ป่าแม่งาวจ.เชียงราย ป่าสงวนแห่งชาติน้ำเปื่อย น้ำหย่วน และป่าน้ำลาว จ.พะเยา เป็นต้น นอกจากนี้ผ้าหม้อห้อมที่ย้อมสีธรรมชาติ ยังมีจุดเด่นสำคัญคือช่วยดูดซับแสงยูวีได้ ทำให้ผู้สวมใส่ไม่ร้อน และไม่เป็นอันตรายต่อผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ จึงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศอย่างกว้างขวาง มีการปลูกเป็นการค้าในประเทศจีน ญี่ปุ่นและบังคลาเทศ สำหรับประเทศไทยมีแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญได้แก่ บ้านนาตอง บ้านน้ำจ้อม บ้านน้ำกลายตำบลช่อแฮ บ้านนาคูหา ตำบลสวนเขื่อน บ้านแม่ลัว ตำบลป่าแดง และบ้านห้วยม้า ตำบลห้วยม้า อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ มีพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 100 ไร่ ส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์ในการผลิตเนื้อห้อมคือ ใบ และยอด ราคากิโลกรัมละ 5-7 บาท โดยที่ห้อมสด 10-12 กิโลกรัม หมักได้เนื้อห้อม 2.5 กิโลกรัม ราคาเนื้อห้อมกิโลกรัมละ 80-100 บาท แต่การผลิตห้อมยังประสบกับปัญหาหลาย ๆ อย่าง เช่น มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ปลูก ที่มีอากาศร้อนชื้น มีสภาพแสงรำไร และวัตถุดิบต้นห้อม ไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ผลิต