สุวรรณภูมิ
ยุคดึกดำบรรพ์

สุวรรณภูมิยุคดึกดำบรรพ์

แผ่นดินของโลกเมื่อหลายพันล้านปีมาแล้ว ในยุคดึกดำบรรพ์นั้นพบว่า แผ่นดินแหลมทอง หรือ สุวรรณภูมิที่ตั้งของประเทศไทย
ในปัจจุบันนี้ เคยเป็นแหล่งที่มีการวิวัฒนาการของพืช และ สัตว์ยุคดึกดำบรรพ์ เช่นเดียวกับ แผ่นดินดึกดำบรรพ์ ในแหล่งอื่นของโลก
การสำรวจทางธรณีวิทยาพบว่า แผ่นดินบริเวณแหลมทอง และ อ่าวไทยนั้น เป็นแหล่งน้ำมัน และ ก๊าซเหลวอยู่ใต้พื้นทะเล
เนื่องจากมีการขุดพบแหล่งน้ำมันดิบ และ ก๊าซในพื้นที่ดังกล่าว คือ พบแหล่งน้ำมันดิบ ที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่
แหล่งน้ำมันดิบที่แหล่งสิริกิติ์ อำเภอลานกระบือ จังหวัดกำแพงเพชร แหล่งก๊าซธรรมชาติที่อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น
และ แหล่งก๊าซธรรมชาติอยู่ใต้ทะเล กลางอ่าวไทย เป็นต้น

ดังนั้นแผ่นดินสุวรรณภูมิ จึงเป็นแผ่นดินของโลก ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลง โดยการระเบิดของภูเขาไฟ ที่พ่นลาวา
หรือ พื้นผิวโลกเกิดไหวตัวอย่างรุนแรง จนพืช และ สัตว์ดึกดำบรรพ์บนผิวโลกนั้น ตกลงไปอยู่ใต้ดิน และ เกิดการทับถมกันขึ้น
แล้วสรรพสิ่งต่างๆที่ถมทับอยู่นานนับเป็นล้านล้านปีก็เกิดแรงกดดันอัดแน่นจากการเปลี่ยนแปลงของผิวโลกจนทำให้
ซากสิ่งมีชีวิตนั้นเปลี่ยนสภาพเป็นก๊าซธรรมชาติและหลอมเหลวเป็นน้ำมันดิบฝังอยู่ใต้ดินเป็นเวลาหลายพันล้านปีต่อมา
ปัจจุบันบริเวณดังกล่าวได้มีการขุดเจาะพื้นดินเพื่อนำเอาทรัพยากรที่อยู่ใต้ดินขึ้นมาใช้เป็นเชื้อเพลิง
ช้ผลิตพลังไฟฟ้าและวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่างๆมากมาย

หลักฐานทางธรณีวิทยานั้นที่แสดงว่า ดินแดนสุวรรณภูมิแห่งนี้เคยเป็นพื้นมีภูเขาไฟมาก่อน ก็คือ พื้นที่ในจังหวัดบุรีรัมย์
สำรวจพบว่ามีเขาภูพระอังคาร เขาภูกระโดง และภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาทหินพนมรุ้ง นั้นเคยเป็นภูเขาไฟมาก่อน
แต่ได้ดับลงมานานนับล้านปีแล้ว บริเวณเขาฝาละมีและเขาพนมฉัตรที่จังหวัดลพบุรีสำรวจพบว่ามีหินอัคนีอันเกิดจาก
เถ้าถ่านของลาวาที่ออกมาจากภูเขาไฟอยู่ตามเชิงเขา ดังกล่าว

สิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นในยุคดึกดำบรรพ์นั้น ก็มีลักษณะเช่นเดียวกันกับแหล่งดึกดำบรรพ์ในพื้นที่อื่นๆกล่าวคือ
บริเวณพื้นผิวโลกหลายแห่งนั้นในระยะแรกได้เคยเป็นถิ่นที่สิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ที่วิวัฒนาการมาจากสัตว์เซลล์เดียวในทะเล
เช่นจำพวกหอย ปลา เป็นต้น ต่อมาสัตว์เซลเดียวนั้นได้วิวัฒนาการชีวิตมาตามลำดับ และพัฒนาการจนมีสัตว์หลากชนิดเช่น
สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และมีขนาดใหญ่ที่รู้จักกันดีคือ ไดโนเสาร์ สัตว์ดึกดำบรรพ์ที่มีขนาดใหญ่
แผ่นดินส่วนนี้จึงเป็นโลกของสัตว์ดึกดำบรรพ์แต่ละชนิดที่ครองพื้นที่ของโลกนี้มานานนับล้านปี

ดังนั้นพื้นที่ในประเทศไทยหลายแห่งจึงสำรวจพบว่า มีทรากพืชและสัตว์ฝังแน่นอยู่ในก้อนถ่านหินลิกไนท์
ในเขตอำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน และบ้านหนองปูดำ อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่
ซึ่งล้วนเป็นหลักฐานที่ยืนยันว่า แผ่นดินสุวรรณภูมินั้นเป็นแหล่งหนึ่งของโลกดึกดำบรรพ์ ที่ยุคนั้นมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์

ในยุคที่โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นั้น ภูเขาไฟได้ระเบิดอย่างรุนแรงแล้วพ่นลาวาออกมา
ทำให้ป่าไม้ที่แน่นทึบถูกลาวาเผาไหม้ทำให้ต้นไม้กลายเป็นเถ้าถ่าน และทับถมอยู่นานนับหมื่นล้านปี
จนถ่านไม้นั้นได้กลายเป็นถ่านหินในที่สุด

พื้นที่ประเทศไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น สำรวจพบว่ามีต้นไม้ที่กลายเป็นซากหินอยู่ใต้ดิน
ซึ่งเกิดจากต้นไม้และพืชถูกฝังทับถมอยู่ในดินมาเป็นเวลานานนับหมื่นปีถึงหลายร้อยล้านปี
จนสารละลายของน้ำใต้ดินอันมีแร่ธาตุนั้นได้ซึมเข้าไปตกตะกอนหรือตกผลึก ในที่สุดก็ซึมเข้าไปแทนที่เนื้อไม้ที่สลายตัว
จนกลายเป็นซากหินแข็งในรูปลักษณะของต้นไม้นั้น พบจำนวนมากในแผ่นดินภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
แหล่งดึกดำบรรพ์ที่พบต้นไม้กลายเป็นหินนั้นมีอยู่หลายแห่ง ได้แก่ บ้านกุดตะขอน ตำบลท่าช้าง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
จังหวัดนครราชสีมา และบริเวณของจังหวัดต่างๆในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ขอนแก่น บุรีรัมย์ ชัยภูมิ สุรินทร์ อุบลราชธานี
และกาฬสินธุ์ เป็นต้น

แผ่นดินสุวรรณภูมิหรือประเทศไทยนี้ ในโลกยุคแรกนั้นมีสภาพเป็นป่าไม้ดึกดำบรรพ์แห่งหนึ่ง และปรากฏว่าเป็นพื้นที่
มีแร่ธาตุต่างๆทับถมอยู่มานานหลายสิบล้านปี จึงทำให้เป็นแหล่งกำเนิดแร่ธาตุที่สำคัญมากมายด้วย แหล่งแร่ธาตุที่สำรวจ
พบแล้ว ได้แก่

แหล่งแร่ทองคำ ที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคิรีขันธ์ ที่บ้านหนองสังข์ อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี
ที่หาดคำ ริมแม่น้ำโขง จังหวัดหนองคาย ที่เหมืองโต๊ะโม๊ะ อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส ที่ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง
จังหวัดเลย ที่เขาพนมพา จังหวัดพิจิตร และที่อำเภอสระแก้ว จังหวัดปราจีนบุรี

แหล่งแร่ดีบุก วูลแฟรม โคลัมไบท์ และแหล่งแร่ทานเทลั่ม(สำหรับทำหัวจรวดและยานอวกาศที่ต้องทนความร้อนสูง)
พบที่จังหวัดภูเก็ต ระนอง พังงา นครศรีธรรมราช(เขาศูนย์) บนดอยหมอกที่เชียงราย และดอยโง้มที่แพร่

แหล่งทองแดงโบราณขนาดใหญ่ ที่เขาพุคา เขาพระบาทน้อย เขาวงพระจันทร์ จังหวัดลพบุรีและที่ภูโล้น
ริมแม่น้ำแม่โขง ที่ตำบลม่วง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ซึ่งมีการขุดทองแดงมาถลุงตั้งแต่สมัยพุทธกาล

แหล่งแร่เหล็กที่เขาทับควาย ลพบุรี ที่บ่อเหล็กน้ำพี้กับบ่อพระแสง จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่เขาต้นน้ำลำพัน
ตำบลตลิ่งชัน อำเภอบ้านด่านลานหอย จังหวัดสุโขทัย และที่จังหวัดบุรีรัมย์

แหล่งแร่โปแตสสำหรับทำปุ๋ยที่อำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ
แหล่งแร่สังกะสีที่บ้านผาแดง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
แหล่งแร่ตะกั่วที่บ้านคลิตี้ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี นอกจากนี้ยังมีพลอยและหินสีมีค่าที่กาญจนบุรี
จันทบุรี และตราด
แหล่งแร่ธาตุสำคัญในประเทศไทยนั้น ปรากฏหลักฐานว่าในสมัยอยุธยานั้นดินแดนแห่งนี้ได้มีแร่ธาตุสำคัญ
เป็นสินค้าออกต่างประเทศแล้ว เช่น

หลักฐานจากจดหมายเหตุของลาลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศส ซึ่งเดินทางเข้ามาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ได้บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับแร่ธาตุในแผ่นดินสยาม ไว้ว่า “ไม่มีประเทศใด จะมีชื่อเสียงในความสมบูรณ์ทางแร่ มากกว่าสยาม
ดังจะเห็นได้จาก พระพุทธรูปและเครื่องโลหะหล่อจำนวนมหาศาลและการที่ชาวสยามสกัดทองคำได้จำนวนมาก
ซึ่งมิใช่จะใช้ประดับพระพุทธรูปที่มีอยู่จำนวนมากมายเหลือคณานับเท่านั้น แม้ในอาคารสถานที่ เช่น ฝาผนังห้อง เพดาน
และหลังคาโบสถ์ยังดาดด้วยทองคำอีกด้วย มีบ่อแร่ทองคำเก่าพบกันอยู่ทุกวัน และก็ยังมีซากเตาถลุงจำนวนมาก
ซึ่งเชื่อว่าถูกทอดทิ้งไปเพราะสงครามกับพม่านานมาแล้ว”

ในสมัยรัตนโกสินทร์ก็มีบันทึกของมิสเตอร์เกรแฮม ที่ปรึกษาราชการแผ่นดินในสมัยรัชกาลที่ ๕ และรัชกาลที่ ๖
กล่าวถึง แหล่งทองคำในสยาม ไว้ในหนังสือสยาม ว่า “Fine grains of gold are present in the sands of all
the streams of Siam” (แปลว่า “เมล็ดทองคำละเอียดในหาดทราย มีอยู่ในเกือบจะทุกลำธารน้ำในประเทศสยาม”)

ความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินสุวรรณภูมินี้ ยังปรากฏในวรรณคดีสำคัญของไทย เรื่องขุนช้างขุนแผน
ซึ่งมีการกล่าวถึงโลหะ ที่ขุนแผนนำมาใช้ตีดาบฟ้าฟื้นไว้เป็นความรู้ มีความตอนหนึ่ง ว่า

“จะจัดแจงตีดาบไว้ปราบศึก ตรองตรึกเหล็กไว้หนักหนา

ได้เสร็จสมอารมณ์ตามตำรา วางไว้ในมหาสาตราคม

เอาเหล็กยอดพระเจดีย์มหาธาตุ ยอดปราสาททวารามาประสม

เหล็กขนันผีพรายตายทั้งกลม เหล็กตรึงโลงตรึงปั้นลมสลักเพชร

หอกสัมฤทธิ์กริชทองแดงพระแสงหัก เหล็กปฏักสลักประตูตะปูเห็ด

พร้อมเหล็กเบญจพรรณกัลเม็ด เหล็กบ้านพร้อมเสร็จทุกสิ่งแท้

เอาเหล็กไหลเหล็กหล่อบ่อพระแสง เหล็กกำแพงน้ำพี้ทั้งเหล็กแร่

ทองคำสัมฤทธิ์นากอะแจ เงินที่แท้ชาติเหล็กทองแดงคง

เอามาสุมคุมควบเข้าเป็นแท่ง เผาให้แดงตีแผ่แช่ยาผง

ไว้สามวันซัดเหล็กนั้นเล็กลง แต่ยังคงพองามตามตำรา”

สังคมไทยในอดีตนั้นมีความรู้เรื่องวิชาเล่นแร่แปรธาตุมาช้านานดังปรากฏในวรรณคดีสมัยอยุธยา
บทกลอนนั้นปรากฏว่ามีการกล่าวถึงโลหะที่เกิดจากบ่อพระแสงและบ่อน้ำพี้ ซึ่งเป็นแหล่งแร่เหล็กคุณภาพดีของ
จังหวัดอุตรดิตถ์ ส่วนนากอะแจ คือโลหะนาก ที่ใช้ทองคำผสมกับทองแดงนั้น เชื่อว่าเป็นโลหะที่นำมาจากเมืองอะแจ
หรืออาเจห์(ACEH) ตั้งอยู่ตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย เป็นข้อความที่แสดงถึงเส้นทางการติดต่อ
ค้าขายที่มีมาแต่สมัยโบราณ ว่าได้มีการติดต่อระหว่างอาณาจักรศรีวิชัยกับกรุงศรีอยุธยาโดยเรือสินค้า
มาตั้งแต่สมัยอยุธยาหรือก่อนนั้น

แผ่นดินสุวรรณภูมิ(ประเทศไทย) จึงเป็นแผ่นดินเก่าที่เกิดขึ้นแล้วในโลกดึกดำบรรพ์ เป็นแหล่งที่มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์
และ เป็นแหล่งธรณีวิทยาที่มีไม้กลายเป็นหิน มีถ่านหิน มีแร่ธาตุสำคัญ และมีสัตว์ดึกดำบรรพ์อาศัยอยู่หลายชนิด
โดยเฉพาะ ไดโนเสาร์ และช้าง พบว่ามีจำนวนมากในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ถัดไป สุวรรณภูมิยุคไดโนเสาร์ >>