สิ่งที่ มนุษยชาติปรารถนาอย่างยิ่งก็คือความสุข พระพุทธศาสนาของเราได้สอนถึงวิธีการบรรลุความสุขอย่างมีเหตุผลประกอบด้วยธรรม เราจะเห็นได้ว่า พระพุทธองค์มิได้สอนแต่เฉพาะพวกนักปรัชญา หรือสมณะเท่านั้น แต่แม้บุคคลธรรมคา เช่นชาวไร่ชาวนาตลอดจนเด็ก ๆ ที่รู้เดียงสาแล้ว คำสอนของพระองค์ก็ยังเป็นประโยชน์ ต่อการดำรงชีวิตของเขาเหล่านั้นอย่างมากที่สุด ถ้าแหละเขาทั้งหลายได้ปฏิบัติประพฤติตาม ทั้งนี้เพราะพระพุทธศาสนาไม่ใช่เป็นสิ่งที่ลึกลับจนเกินปัญญาของมนุษย์ที่จะพิจารณาไปถึงเลย พระพุทธศาสนาจะเป็นของยากเย็นก็เฉพาะบุคคลที่ไม่เคยคิดสนใจและไม่ยอมที่จะสนใจเท่านั้น พระพุทธองค์ไม่ได้สอนให้เราหลบหนีชีวิตอย่างขี้ขลาด แต่พระองค์ตรัสว่าเราจะต้องเข้มแข็ง กล้าผจญต่อชีวิตด้วยความรู้เท่าทัน และการรู้เท่าทันนั้น ที่สามารถนำความพ้นทุกข์ ให้แก่เราได้
ความทุกข์ที่มนุษยชาติต้องทรมานอยู่นั้น เป็นผลที่มนุษย์ก่อขึ้น การทำลายความทุกข์ไม่ใช่ทำลายที่ผลของมัน เราจะต้องแก้ไขเหตุของมันต่างหากและการแก้ไขเหตุนั้น ก็มิ ใช่เป็นการแก้ไขชนิดไปอ้อนวอนสิ่งลึกลับที่ไหน หรือการแก้ไขที่สิ่งภายนอกเช่นเศรษฐกิจและสังคมด้านเดียว เพราะการแก้ไขแต่สิ่งภายนอกด้านเดียว ย่อมนำมาซึ่งการนองเลือดการเบียดเบียนประโยชน์ของกันและกัน และ ผลสำเร็จที่เกิดจากการแก้ไขนั้นเล่า ก็เป็นผลสำเร็จที่ตั้งอยู่บนฐานแห่งการใช้อำนาจบังคับและระบายสีงดงามแต่เพียงภายนอก ส่วนภายในส่วนลึกของหัวใจก็ยังคงไม่ต่างอะไรกับความรู้สึกของมนุษย์ในยุคหิน คือความเห็นแก่ตนเห็นแก่คณะพรรคของตน และการมุ่งมาตรความร้ายกาจเข้าหากัน ซึ่งแม้การปฏิบัติเพื่อสนองกิเลสเหล่านี้ จะมีวิธีการอันชาญฉลาดแนบเนียนกว่าการปฏิบัติของมนุษย์ยุคหินก็ตาม ความจริงมิได้พิสูจน์แก่เราหรอกหรือว่า สัญชาตญาณแห่งการเอารัดเอาเปรียบของสัตวโลกนั้น มิอาจแก้ไขได้แม้ด้วยการศึกษาหรือลัทธิเศรษฐกิจใด ๆ เรามีหลักประกันอะไรเล่า ที่ยืนยันได้ว่า ถ้ามนุษยชาติมีการกินอยู่หลับนอนสบายแล้ว สงครามจะไม่เกิดขึ้นอีก ? แม้พระมหาจักรพรรดิราชในประวัติศาสตร์ อาทิเช่น อเล็กซานเดอร์, เจ็งกีสข่าน, นะโปเลียน ๆลฯ ก็ยังมีความรู้สึกพระองค์ว่ายากจน มีอาณาเขตไม่พอครอบครอง ในคัมภีร์ชาดก กล่าวถึงพระเจ้ามันธาตุราชผู้บรมจักรพรรดิราช มีอาณาเขตแผ่ไปในทวีปทั้ง ๔ ยังทรงไม่รู้สึกพอพระทัยในความสุขที่ได้รับ จนในที่สุด เสด็จขึ้นไปเสวยความสุขในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ร่วมกับพระอินทร์ จนพระอินทร์ล่วงลับไปแล้วถึง ๓๖ องค์ ท้าวเธอก็ยังรู้สึกว่าความสุขที่ได้รับนั้นน้อยนิดเดียวเท่านั้น คิดใคร่จะแย่งสมบัติของพระอินทร์มาครอบครองเสียเองฉะนี้ เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย ตราบใดใจของมนุษย์ยังเกลือกกลั้วอยู่กับอกุศลบาปธรรม มีจุดดำแห่งอหังการติดตรึงอยู่ ตราบนั้นการประกอบกรรมใด ๆ ของมนุษย์จะบริสุทธิ์พอที่จะอำนวยความสวัสดีให้แก่ตนเองและโลกหาได้ไม่ และดังนั้นเราจึงต้องปฏิวัติใจของตนเอง ก่อนที่จะคิดไปปฏิวัติผู้อื่น หรือก่อนที่จะคิดไปปฏิวัติต่อสิ่งภายนอก เมื่อทุก ๆ คนต้องลงมือปฏิวัติ. ขัดเกลาจุดดำแห่งอหังการของตนเองแล้ว โลกก็หมุนไปสู่สภาพแห่งความร่มเย็น เป็นการปฏิวัติสังคมไปในตัวเองเสร็จ การแก้ไขจากภายในออกไปหาภายนอกจึงเป็นผลสำเร็จอย่างบริสุทธิ์ ปลดความทุกข์ทรมานของปวงมนุษย์ทั้งทางใจ และทางกายให้หมดสิ้นไปได้ โดยมิต้องใช้อาวุธหรืออำนาจอาญาใด ๆ เลย
พระพุทธศาสนาไม่ได้ปฏิเสธว่า เหตุภายนอกหรือผลทางวัตถุไม่มีค่า เช่นโรคภัยของมนุษย์เป็นต้นพระพุทธองค์ตรัสว่า โรคบางอย่างเกิดเพราะกรรมในอดีตเป็นสมุฏฐานก็มี เกิดจากลมฟ้าอากาศอาหารและความวิปริตของธาตุในร่างกาย เป็นสมุฏฐาน ก็มี พระองค์หาได้ตรัสว่า พฤติกรรมของมนุษย์ล้วนเป็นกรรมเก่าบันดาลเสมอไปไม่ แต่พระพุทธองค์ตรัสว่า ผู้ที่สามารถชนะใจของตนเองได้ ก็สามารถจะชนะความวิปริตและทุกข์ทางร่างกายเหมือนกัน โดยวิธีไม่ไปยึดถือเกาะเกี่ยวกับมันจนเกินไป สิ่งแวดล้อมอาจจะสำคัญเฉพาะผู้ที่ยังมี ใจอ่อนแอ แต่สำหรับพระอริยบุคคลแล้ว สิ่งแวดล้อมจะไปทำความหวั่นไหวหรือเปลี่ยนแปลงอะไรในท่านไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นใจจึงเป็นผู้นำโลกและมีความสำคัญกว่าวัตถุ ความมุ่งหมายในการแก้ไขปรับปรุงภาวะของใจ มิใช่มุ่ง ให้ทุกคนต้องหลุดพ้นอย่างพระอรหันต์ แต่หมายความว่าอย่างน้อยที่สุดเราจะต้องบรรเทากิเลสในจิตของตนให้ลดน้อยลงมากว่าระดับเดิม อย่างน้อยก็ด้วยการปฏิบัติตนตามศีล ๕ และประพฤติตนตามธรรมมีเมตตากรุณาเพียงเท่านี้ก็พอแล้ว ที่จะนำสันติสุขมาให้แก่ตนเองและแก่สังคม
และเพราะฉะนี้กระมัง พระราชาธิราชเทวานัมปียะศรีอโศกผู้ยิ่งใหญ่แห่งปาฏลีบุตร หลังจากการแผ่อานาๆด้วยแสนยานุภาพทั่วแผ่นดินชมพูทวีปแล้วกลับได้รับแต่ความสลดใจ และทรงตระหนักในความจริงว่า “ชัยชนะที่แท้จริงและมั่นคง คือชัยชนะด้วยธรรมานุภาพ”