601710070
601710070
601710070 สมชัย ศัพทศรีครินทร์
นิติราษฎร์วิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ Nitirad College, Chiangmai
นิติราษฎร์วิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ คือการออกแบบโครงการวิทยานิพนธ์บนพื้นที่การศึกษา สนามนิติศาสตร์ โดยเป็นการวิทยานิพนธ์เชิงบูรณาการณ์ในการศึกษาทฤษฎีทางสังคมวิทยา สู่การเชื่อมโยงทฤษฎีเพื่อการออกแบบสถาปัตยกรรม ซึ่งในการศึกษาวิทยานิพนธ์นี้ ได้สนใจในการศึกษากลไกลของรัฐสมัยใหม่ และแนวคิดวาทกรรม ของมิเชล ฟูโกต์ ที่กระทำการกดทับบนพื้นที่ทางสังคมสู่พื้นที่สถาปัตยกรรม นำมาเชื่อมโยงกับการศึกษาทฤษฎีการรื้อสร้างของฌาร์ค แดรริดาร์ เพื่อทำให้พื้นที่ทางสังคมและพื้นที่สถาปัตยกรรมเป็นพื้นที่ๆหนึ่ง ที่จะยกระดับมนุษย์ที่ถูกกดทับให้มีพลังในการต่อรอง
จากการศึกษาในข้างต้น ได้นำทฤษฎีดังกล่าวมามองบนบริบทของรัฐไทย พบถึงการกดทับด้วยวาทกรรมหลักในรูปแบบของรัฐไทยที่น่าสนใจ คือ พื้นที่การศึกษา สนามนิติศาสตร์ ที่ทำให้เกิดการผลิตนักกฎหมายที่มีหน้าที่รับใช้รัฐและชนชั้นนำ ซึ่งได้ผลิตวาทกรรมเป็นตัวบททางกฎหมาย เช่น กฎหมายจำกัดการชุมนุมบนพื้นที่สาธารณะที่กดทับสิทธิและเสรีภาพของผู้แสดงออกทางการเมือง หรือกฎหมายจำกัดสิทธิแรงงานและจำกัดพื้นที่การค้าขายบนเมืองที่กดทับกลุ่มคนชายขอบผู้ใช้แรงงานและชาติพันธุ์บนเมือง สู่จุดประสงค์ของโครงการเพื่อการออกแบบพื้นที่ทางสถาปัตยกรรมที่ยกระดับบุคคลที่ถูกกดทับให้มีพลังในการต่อรองทางสังคม, ต่อต้านการถูกกดทับให้เป็นอื่น และขับเคลื่อนวาทกรรมใหม่ๆ ที่ทำให้เกิดการวิวัฒน์สังคมไปพร้อมๆกันด้วยทุกคนอย่างเท่าเทียม จึงเกิดเป็นสมมติฐานของโครงการคือ พื้นที่การเรียนรู้ ในการผลิตนักทฤษฎีความยุติธรรม และยกระดับมนุษย์ที่ถูกกดทับด้วยวาทกรรมหลักบนพื้นที่การศึกษา สนามนิติศาสตร์ ให้สามารถต่อรองกับการถูกกดทับด้วยแนวคิดรื้อสร้าง
จากสมมติฐานในข้างต้น จึงได้นำแนวคิดรื้อสร้างมาต่อยอดแนวคิดเพื่อการออกแบบสถาปัตยกรรมที่ต่อต้านวาทกรรมหลักที่กดทับบนเมืองเชียงใหม่ หรือ Anti-Discourse Architecture โดยมีรายละเอียดของการออกแบบเพื่อพิสูจน์สมมติฐานดังนี้
1. การสร้างกลไกของพื้นที่โครงการกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆของเมืองทั้งสามพื้นที่ ทำให้กลายเป็นพื้นที่วิทยาลัยที่ไร้ขอบเขต ซึ่งเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ของทุกคนอย่างเท่าเทียม
2. การสร้างรูปทรงและพื้นที่อาคารที่ตอบสนองต่อกลไกของพื้นที่เมืองใหม่ๆที่เกิดขึ้นจากโครงข่ายดิจิตอลโนแมดที่กระเพื่อมพื้นที่เมืองให้เกิดการชี้นำสู่ตำแหน่งแห่งที่และย่านใหม่ๆ
3. การสร้างกลไกการเชื่อมต่อของพื้นที่ลานสาธารณะท่าแพ สู่พื้นที่ลานของโครงการเพื่อยกระดับสิทธิและเสรีภาพของผู้แสดงออกทางการเมือง
4. การสร้างกลไกการเชื่อมต่อของถนนที่ตัดผ่านเข้ามาภายในโครงการ เพื่อเป็นตรอกสาธารณะเมืองใหม่ๆที่ให้พื้นที่แก่คนใช้แรงงานและกลุ่มชาติพันธุ์ที่ต้องการค้าขายโดยไม่ผิดกฎหมายและกลายเป็นเส้นทางที่ใช้ร่วมกันของคนในเมืองจริงๆโดยไม่ถูกกดทับ
จากแนวทางการออกแบบชุดเดียวกันของทั้งสามพื้นที่โครงการที่กล่าวมา จึงเกิดย่านเศรษฐกิจและย่านการเรียนรู้ใหม่ๆที่ยกระดับผู้ที่ถูกกดทับ จากการสัญจรและใช้พื้นที่โครงการบนพื้นที่เมืองบริเวณในทั้งสามพื้นที่ที่ผูกกันของโครงข่ายนี้จากผู้คน ทั้งนักศึกษาและผู้มาใช้พื้นที่เมืองบริเวณนี้ร่วมกันกับโครงการ