เมื่อโจทก์ผู้เสียหายฟ้องเป็นคดีแพ่งต่อศาล ต่อมาเมื่อจำเลยมาศาล โจทย์และจำเลยอาจจะมีการเจรจาตกลงกัน โดยการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งในสัญญานี้จะระบุเป็นข้อๆว่า จำเลยจะชำระหนี้ให้กับโจทก์เมื่อไหร่ เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ จำนวนกี่งวด โดยข้อตกลงนี้เป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างโจทก์กับจำเลย
ประเด็นคือเมื่อ จำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษา ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์แล้ว ต่อมาจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความนี้ ก็คือจำเลยไม่ยอมจ่ายเงินตามสัญญานั่นเอง ทีนี้บทบาทจะมาอยู่ที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ว่าจะทำยังไงกันต่อไป
ปกติเมื่อทำสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยต้องปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น เมื่อจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามจึงทำให้โจทก์มีอำนาจยึดอายัดทรัพย์ ของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์ ต่อไป
โดยในขั้นตอนแรก โจทก์หรือเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจ ะต้องทำการสืบทรัพย์ของจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาก่อนว่ามีอะไรบ้าง จากนั้นจึงเลือกทรัพย์ที่ เหมาะกับมูลหนี้ของตน เพื่อมาทำการยึดหรืออายัด จากนั้นส่งเรื่องไปที่บังคับคดี เพื่อนำทรัพย์ของจำเลยออกขายทอดตลาด และเมื่อขายได้เงินมาเต็มนำเงินมาชำระหนี้ให้กับโจทก์ ต่อไป
ติดต่อ แก้ปัญหา ลูกหนี้ไม่จ่ายหนี้ ที่ line id : @vmw5257c
จะเห็นว่ามันมีขั้นตอนอีกหลายขั้นตอนเมื่อจำเลยไม่ยอม จ่ายเงินตามสัญญาประนีประนอม
1. โจทก์ทำการสืบทรัพย์ของจำเลย
2. เลือกทรัพย์ของจำเลยที่เหมาะกับ ยอดหนี้
3. ตั้งเรื่องที่บังคับคดี
4. เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยืดหรืออายัดทรัพย์จำเลย
5. ทรัพย์ของจำเลยถูกขายทอดตลาด เมื่อได้เงินมา นำเงินนั้นมาชำระหนี้ให้กับโจทก์