มีสิ่งจะต้องปฏิบัติตามอย่างไรบ้างเมื่อมรหมายเรียกทางอาญามาถึงท่าน
1. กรณีออกหมายเรียกอาญาครั้งที่ 1 ถ้าไม่มีเหตุขัดข้องก็ควรไปตามหมายเรียกนั้น
2. ถ้ามีเหตุขัดข้อง ก็ต้องแจ้งให้พนักงานสอบสวนทราบเป็นลายลักษณ์อักษร
3. กรณีออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ถ้าไม่ไปตามหมายเรียกนั้น ท่านจะถูกออกหมายจับ
4. การไปตามหมายเรียกเพียงเพื่อเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหา ทางคดีอาญาซึ่งมี ผู้เสียหายแจ้งความ ร้องทุกข์ไว้
เมื่อได้รับหมายเรียก ท่านก็น่าจะรู้ตัว เบื้องต้นว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร
เมื่อ จะเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาก็ เตรียมข้อมูลหรือพยานหลักฐานต่างๆไปด้วย
กรณีให้การ เราสามารถให้การเป็นลายลักษณ์อักษรได้ โดยนัดหมายกับพนักงานสอบสวนว่าจะเข้าไปวันไหนอย่างไร
การให้การเป็นลายลักษณ์อักษรจะต้องมีการเขียนอย่างเป็นระเบียบตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่ง ก็ไม่ง่าย
ถ้าเขียนไม่ได้ ให้หาทนายความ มาช่วยดูแลในคดีอาญานี้ ตั้งแต่ต้น
"เพื่อประโยชน์ของท่าน เมื่อได้รับหมายเรียก ควรนำหมายเรียกมาปรึกษากับทนาย ก่อนที่จะไปให้การต่อตำรวจ"
ให้ไปตามนัดที่พนักงานสอบสวนนัดมา
อย่าให้ได้ออกหมายจับ เพราะถ้าออกหมายจับแล้วก็จะต้องมีการประกันตัว ( โดยที่ท่านยังไม่ได้เข้าไปสอบปากคำเลย) ก็คือยังไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรกันแน่นั่นเอง
ส่วนมากวันที่เข้าไปรับทรัพย์ข้อกล่าวหา ถ้าไม่ใช่คดีที่ร้ายแรงหนักหนาสาหัส มักจะไม่ต้องประกันตัว
การออกหมายเรียกตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา หมวด 1
มาตรา 53 หมายเรียกต้องทำเป็นหนังสือและมีข้อความ ดังต่อไปนี้
(1) สถานที่ที่ออกหมาย
(2) วันเดือนปีที่ออกหมาย
(3) ชื่อและตำบลที่อยู่ของบุคคลที่ออกหมายเรียกให้มา
(4) เหตุที่ต้องเรียกผู้นั้นมา
(5) สถานที่ วันเดือนปีและเวลาที่จะให้ผู้นั้นไปถึง
(6) ลายมือชื่อและประทับตราของศาล หรือลายมือชื่อและตำแหน่งเจ้าพนักงานผู้ออกหมาย
มาตรา 54 ในการกำหนดวันและเวลาที่จะให้มาตามหมายเรียกนั้น ให้พึงระลึกถึงระยะทางใกล้ไกล เพื่อให้ผู้ถูกเรียกมีโอกาสมาถึงตามวันเวลากำหนดในหมาย
มาตรา 55 การส่งหมายเรียกแก่ผู้ต้องหา จะส่งให้แก่บุคคลผู้อื่นซึ่งมิใช่สามีภริยา ญาติหรือผู้ปกครองของผู้รับหมายรับแทนนั้นไม่ได้
"เพื่อประโยชน์ของท่าน เมื่อได้รับหมายเรียก ควรนำหมายเรียกมาปรึกษากับทนาย ก่อนที่จะไปให้การต่อตำรวจ"
ตามมาตรา 55 การส่งหมายเรียกแก่ผู้ต้องหา จะส่งให้แก่บุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่สามีภรรยาญาติหรือผู้ปกครองของผู้รับหมาย ให้รับแทนไม่ได้
จะเห็นได้ว่าการออกหมายเรียกคดีอาญา จะต้องถ้ามีเหตุ ทำไมจึงออกหมายเรียก ผู้นั้นมา
ดังนั้นการได้รับหมายเรียก ข้อเท็จจริงในคดีพนักงานสอบสวนก็ยังไม่ทราบว่ามันคืออะไรใครถูกใครผิด เป็นเพียง มีผู้เสียหายไปแจ้งความและพิจารณาแล้วว่ามีเหตุ หรือมีเรื่องเกิดขึ้นก็จึงออกหมายเรียกนั่นเองเพื่อเรียกผู้ต้องหาอีกฝ่าย เข้ามาให้ปากคำก็คือเข้ามาให้ข้อมูลให้รายละเอียดต่างๆ และเมื่อเสร็จแล้วจึง นำสำนวนนี้ยื่นต่อพนักงานอัยการ ทำการร่างและเขียนคำฟ้องเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลในเขตอำนาจต่อไป
เมื่อศาลรับฟ้องแล้ว จึงมีขั้นตอนใน ชั้นศาลหรือในชั้นพิจารณา เช่นการคุ้มครองสิทธิ์ การที่จะต้องยื่นคำให้การของจำเลย และสุดท้ายก็คือการ ที่จะต้องสืบพยานเพื่อให้รู้ว่าใครถูกใครผิดต่อไปในชั้นศาลเพื่อ ศาลที่จะได้มีคำพิพากษา
จะเห็นได้ว่า การที่ท่านไปตามหมายเรียกเพื่อไปให้ปากคำเป็นเพียงขั้นตอนเริ่มต้นใน การดำเนินคดีอาญาเท่านั้น การที่ท่านไม่ไปตามหมายเรียกเป็นผลเสียต่อท่าน
แน่นอนท่านอาจถูกออกหมายจับ ทำให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจจับกุมเมื่อเจอตัวท่านได้
ท่านไม่ได้ไปให้ปากคำ ก็เลยไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงในคดีมันเป็นอย่างไร อีกฝั่งอาจจะแจ้งความมาไม่ถูกต้องทั้งหมดก็ได้
เมื่อถูกหมายจับ จะทำให้ต้นทุน ในการดำเนินคดีของท่านแพงมากขึ้นเพราะต้องมีเรื่องประกันตัว
เมื่อได้รับหมายเรียกคดีอาญาก็ไปตามหมายเรียกแค่นั้นแหละ ไม่ได้มีอะไรน่ากลัว ง่ายๆว่ามีคนแจ้งความและเราก็ต้องมาให้ข้อมูลเพื่อไปเคลียร์ตัวเอง