ตาบอดสีเป็นอย่างไร ? เมื่อโลกทั้งใบไม่ได้เป็นสีขาวดำ
พญ.อภิสรา สวัสดี
พญ.ตระการตา วรรณพานิชย์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ไพฑูรย์ ประฏิภาณวัตร
ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ภาวะตาบอดสี เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติหรือความบกพร่องของเซลล์ที่อยู่บริเวณจอตา ทำให้ผู้ป่วยมีการมองเห็นสีบางสีผิดเพี้ยนไปจากคนทั่วไป แต่ยังคงเห็นบางสีได้บ้างไม่ถึงกับเห็นภาพเป็นสีขาว-ดำ ซึ่งโรคตาบอดสีพบได้สูงถึง 8% ในกลุ่มประชากรทั่วไป ถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกมักเป็นโรคตาบอดสีแต่กำเนิด มักพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง และเป็นในตาทั้ง 2 ข้างเพราะถูกถ่ายทอดทางพันธุกรรม ส่วนกลุ่มสองมักเป็นจากการที่เซลล์ในจอประสาทตาถูกทำลายจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น ผลข้างเคียงของสารเคมีหรือยาที่ส่งผลกระทบต่อจอประสาทตา โรคต่าง ๆ ที่เกิดบริเวณจอตา เช่น จอตาขาดเลือด จอตาอักเสบ เนื้องอกในจอตา หรืออุบัติเหตุที่ส่งผลกระทบกระเทือนต่อจอตา
ภาวะตาบอดสีมีหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีอาการแสดงที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์ประสาทรูปกรวยที่ทำงานบกพร่องหรือขาดหายไป สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มหลักได้แก่ กลุ่มแรกคือการที่เซลล์รูปกรวยสีใดสีหนึ่งขาดหาย อาจเป็นสีแดง สีน้ำเงินหรือสีเขียว ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักจะเห็นภาพสีที่ผิดปกติจากคนที่มีเซลล์รูปกรวยครบทั้งสามสี ผู้ป่วยกลุ่มนี้ถูกเรียกว่า Dichromatism ซึ่งผู้ป่วยจะเห็นภาพดังรูปด้านบน Dichromatism สามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยได้แก่ Protanopia การขาดหายของเซลล์ประสาทรูปกรวยสีแดง ผู้ป่วยจะไม่สามารถแยกระหว่างสีแดงและสีเขียวได้และมีผลกระทบต่อการมองเห็นความเข้มของสี กลุ่มย่อยที่สอง คือ Deuteranopia ซึ่งจะไม่สามารถแยกระหว่างสีแดงและสีเขียวได้ แต่ไม่มีผลกระทบต่อการมองเห็นความเข้มของสี และกลุ่มย่อยกลุ่มสุดท้ายคือ Tritanopia คือการขาดหายของเซลล์ประสาทรูปกรวยสีฟ้า ทำให้ผู้ป่วยมองเห็นสีเหลืองส้มเป็นสีชมพู และเห็นสีม่วงเป็นสีแดงเข้มดังรูปด้านบน กลุ่มที่สองคือภาวะตาบอดสีรุนแรง ซึ่งผู้ป่วยจะมีการขาดหายไปของเซลล์รูปกรวยสองในสามสี ภาวะนี้ถูกเรียกว่า Monochromatism และจะทำให้ผู้ป่วยที่มีภาวะนี้มองเห็นภาพเป็นสีขาวดำ ดังรูปด้านบน
การตรวจตาบอดสีโดยแพทย์
การตรวจตาบอดสี มีหลายวิธี แต่จะขอยกวิธีที่ได้รับความนิยมและใช้บ่อยมา 3 วิธีดังนี้
Ishihara test เป็นการทดสอบที่ดีที่สุดสำหรับคัดกรองตาบอดสีในกลุ่มตาบอดสีแต่กำเนิดชนิดสีเขียว-แดง (congenital color vision deficiency ชนิด red-green defect) แพทย์จะให้ผู้ป่วยอ่านแผ่นภาพสีที่ประกอบด้วยตัวเลขและลายเส้นหลายรูปแบบ และนับจำนวนแผ่นภาพที่ผู้ป่วยอ่านได้ถูกต้อง การทดสอบนี้ไม่สามารถใช้แยกชนิดย่อยต่าง ๆ ของตาบอดสี และไม่สามารถใช้แบ่งระดับความรุนแรงได้
HRR (Hardy, Rand and Rittler) test ใช้หลักการเดียวกับ Ishihara test แต่มีการจัดกลุ่มของแผ่นภาพเพื่อให้แยกชนิดของตาบอดสีได้ แนะนำให้ใช้ HRR test ตรวจเพิ่มเติมในรายที่ตรวจ Ishihara test แล้วพบว่าเป็น red-green deficiency
Fransworth D-15 test เป็นการทดสอบการเรียงเม็ดสีจำนวน 15 สี โดยจะให้ผู้ป่วยเรียงสีที่ใกล้เคียงกันมากที่สุดอยู่ติดกัน ผู้ที่มีตาบอดสีจะไม่สามารถเรียงลำดับสีเหล่านี้ได้ถูกต้อง
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยตาบอดสี
ตาบอดสี ทำใบขับขี่ได้หรือไม่ ? – ในปัจจุบันการตรวจตาบอดสียังเป็นส่วนหนึ่งของข้อกำหนดสำหรับการทำใบอนุญาตขับรถ อย่างไรก็ตาม มีการผลักดันให้แก้ไขข้อกำหนดเหลือเพียงการตรวจความสามารถในการแยกสีไฟจราจรที่มีความจำเป็นเท่านั้น แนะนำให้ติดตามข่าวล่าสุดจากกรมการขนส่งทางบก
ตาบอดสี เรียนแพทย์ได้หรือไม่ ? – หากเป็นผู้ป่วยตาบอดสีชนิดไม่รุนแรง สามารถเรียนแพทย์ได้ สำหรับอาชีพอื่น ๆ อาจขึ้นกับดุลยพินิจและลักษณะงาน แนะนำหลีกเลี่ยงอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการแยกชนิดสีที่ใช้ความละเอียดสูง
ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาสำหรับผู้ป่วยตาบอดสีแต่กำเนิด อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ได้มีปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวันและสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ