จุดดำลอยไปมาในตา อันตรายหรือไม่ ?
พญ.กรรภิรมย์ ตั้งพรธิรักษ์
พญ.กรกมล จุไรรัตน์พร
อ.พญ.วิภาดา เหล่าวิโรจนกุล
ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
“เมื่อ 2-3 วันก่อน มองไปในแก้วน้ำ เหมือนเห็นแมงอะไรลอยอยู่ในน้ำค่ะ”
“เหมือนมีอะไรติดอยู่ในตา พยายามขยี้ตาออกหลายครั้งก็ยังเห็นเป็นหยากไย่ลอยไปมา”
“เมื่อก่อนเห็นจุดดำๆ แต่ตอนนี้รู้สึกช่วงกลางคืนมักจะเห็นแสงฟ้าแลบมาจากทางหัวตา”
อาการสำคัญเหล่านี้เป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่มาตรวจตากับจักษุแพทย์ ซึ่งมักเป็นผู้ป่วยที่ไม่เคยมีอาการผิดปกติใด ๆ ทางตามาก่อน ไม่เคยมีอุบัติเหตุทางตา การเห็นสิ่งผิดปกติอยู่ในตาจึงสร้างความกังวลให้กับผู้ป่วยอย่างมาก
ภาวะวุ้นตาเสื่อม (Vitreous degeneration) เป็นภาวะที่เกิดได้ตามธรรมชาติเมื่อมีอายุมากขึ้น วุ้นตาที่เสื่อมจะเริ่มเปลี่ยนสภาพจากการเป็นของหนืดคล้ายเจล กลายเป็นน้ำที่มีความหนืดน้อยลง โปรตีนที่อยู่ในวุ้นตาจึงมีการเสื่อมสภาพตาม ส่งผลให้ผู้ป่วยมองเห็นตะกอนที่ลอยอยู่ในวุ้นตาเหล่านั้น การมีวุ้นตาเสื่อมไม่ใช่เรื่องอันตราย แต่สิ่งที่อาจพบร่วมด้วยกับภาวะวุ้นตาเสื่อม คือการเกิดรอยฉีกขาดบนจอประสาทตา เนื่องจากวุ้นตาที่เสื่อมนั้นมีการลอกตัวออกจากจอประสาทตา
ลองนึกภาพตามง่ายๆ ลูกตาเหมือนเป็นลูกบอลกลม จอประสาทตาของเราเหมือนวอลเปเปอร์ที่บุผนังด้านหลังของจอตา ในลูกบอลอันนี้เต็มไปด้วยวุ้นตาที่เคยเป็นของหนืด เมื่อของหนืดกลายเป็นของเหลว ทำให้เกิดการลอกตัวออกมาจากจอประสาทตาด้านหลัง โดยมีบริเวณที่มีการเกาะกันแน่นระหว่างวุ้นตากับจอประสาทตา คือบริเวณฐานของวุ้นตา เมื่อเกิดความพยายามจะลอกตัวออก ก็เลยดึงให้จอประสาทตาเกิดรอยฉีกขาดด้วย การเกิดรอยฉีกขาดนั้น จะทำให้เกิดปัญหาเมื่อมีน้ำในตาไหลเข้าไปผ่านรูที่ขาดบนจอประสาทตา แทรกเข้าไประหว่างชั้นใต้จอประสาทตากับชั้นเม็ดสี ก็จะทำให้จอประสาทตาลอกหลุด เกิดเป็นภาวะจอประสาทตาลอกหลุดชนิดที่มีรอยฉีกขาดของจอตา (Rhegmatogenous retinal detachment)
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกภาวะที่อาจมีอาการแสดงคล้ายกันได้ คือการเห็นจุดดำจากเลือดที่ออกในวุ้นตา (Vitreous hemorrhage) ซึ่งอาจเกิดจากการลอกตัวของวุ้นตาที่เกิดตามธรรมชาติเช่นกัน และยังเพิ่มความเสี่ยงที่จะตรวจพบรอยฉีกขาดของจอประสาทตาร่วมด้วย นอกจากนี้ยังสามารถเกิดจากภาวะอื่น ๆ ได้ เช่น การมีเส้นเลือดงอกใหม่ที่ผิดปกติในวุ้นตา ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น ผู้ป่วยเบาหวานที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน
นอกจากเลือดแล้ว การเห็นจุดดำลอยไปมาในตาอาจเกิดจากวุ้นตาอักเสบ ทำให้มีเม็ดเลือดขาวผิดปกติมากขึ้นในตา พบในกลุ่มคนไข้ที่เป็นโรคตาอักเสบ ซึ่งต้องตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติมต่อไป
การป้องกันการเกิดจอประสาทตาลอกหลุด คือ การตรวจพบที่รวดเร็ว ดังนั้น ผู้ป่วยที่สงสัยว่าตนมีอาการเห็นจุดดำลอยไปมาในตาหรือเห็นแสงฟ้าแลบ ควรได้รับการตรวจตาโดยจักษุแพทย์ตั้งแต่ช่วงเริ่มแรกที่มีอาการ เนื่องจากหากตรวจพบรอยฉีกขาดที่จอประสาทตาในขณะที่ยังไม่ได้มีน้ำเซาะไปใต้จอประสาทตา จะสามารถยิงเลเซอร์ป้องกันไม่ให้เกิดจอตาลอกหลุดตามมาได้ หรือหากยังไม่มีรอยฉีกขาดเกิดขึ้น ก็ควรได้รับการตรวจตาเป็นระยะจนกว่าจะมีการลอกหลุดของวุ้นตาโดยสมบูรณ์ โดยในระหว่างนี้ จักษุแพทย์จะให้คำแนะนำแก่ท่านเสมอว่าหากมีอาการตามัวลง เห็นเป็นเงาดำคล้ายม่านบังหรือแสงฟ้าแลบในตาข้างดังกล่าว ให้รีบกลับมาพบจักษุแพทย์ทันทีไม่ต้องรอถึงวันนัด เนื่องจากอาการดังกล่าวแสดงว่าอาจมีการหลุดลอกของจอประสาทตาเกิดขึ้นแล้ว
ในการมาตรวจตาดังกล่าว ท่านจำเป็นต้องได้รับการขยายม่านตาโดยใช้ยาหยอดตา และรอให้ม่านตาขยายประมาณ 15-30 นาที เพื่อให้แพทย์สามารถตรวจหารอยฉีกขาดได้ทั่วทั้งจอประสาทตา การหยอดยาดังกล่าวจะมีผลยับยั้งการหดตัวของเลนส์ตาร่วมด้วย ดังนั้น หลังหยอดยาจะมีอาการตามัว ไม่สามารถโฟกัสภาพในระยะใกล้ได้ จึงไม่แนะนำให้ขับรถมาตรวจเองเพราะอาจจะเป็นอันตราย อาการตามัวดังกล่าวจะหายเป็นปกติภายใน 6 ชั่วโมงเมื่อยาหมดฤทธิ์
หากตรวจพบว่าท่านมีรอยฉีกขาดของจอประสาทตา ท่านจะได้รับการยิงเลเซอร์เพื่อป้องกันจอประสาทตาหลุดลอก แต่หากพบว่าเริ่มมีจอตาหลุดลอกบางส่วนแล้ว อาจไม่สามารถยิงเลเซอร์ป้องกันได้ในผู้ป่วยทุกราย จักษุแพทย์จะแนะนำแนวทางการรักษาต่อไป เช่น การผ่าตัดวุ้นตาเพื่อซ่อมแซมจอประสาทตา ซึ่งการตรวจพบและรักษาในเวลาที่รวดเร็วจะเพิ่มโอกาสที่จอประสาทตาจะกลับไปติดสมบูรณ์ได้มากขึ้น และเพิ่มโอกาสการมองเห็นให้กลับเป็นปกติหรือใกล้เคียงปกติได้