ต้นยี่หร่า

ชื่อ ยี่หร่า

ชื่อวิทยาศาสตร์ Ocimum gratissimum L.

ชื่อวงศ์ LABIATAE

คุณลักษณะ

ต้นยี่หร่า เป็นไม้พุ่มเตี้ย มีความสูงประมาณ 50-80 เซนติเมตร ลำต้นมีสีน้ำตาลแก่ แตกกิ่งก้านสาขาขนาดเล็ก กิ่งก้านไม่ใหญ่ ในช่วงปีแรกและปีที่สองจึงออกดอกออกผล ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและการปักชำกิ่ง เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยและมีความชื้นปานกลางในสภาพกลางแจ้ง

ใบยี่หร่า เป็นใบเดี่ยวออกตรงข้ามกันเป็นคู่ ๆ ลักษณะของเป็นรูปกลมรี โคนใบสอบ ปลายใบแหลม ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย ใบสีเขียวสด ผิวใบสากมือ ใบยี่หร่ามีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีรสร้อน จึงช่วยดับกลิ่นคาวจากอาหารจำพวกเนื้อสัตว์เนื้อปลาได้เป็นอย่างดี

ดอกยี่หร่า ออกดอกเป็นช่อที่บริเวณปลายยอด ช่อดอกนั้นจัดเป็นแบบ Spike-like raceme ดอกจะบานจากล่างไปหาปลายช่อ โดยแต่ละช่อจะประกอบไปด้วยดอกย่อยขนาดเล็กประมาณ 50-100 ดอก

ผลยี่หร่า หรือ เมล็ดยี่หร่า มีลักษณะเป็นรูปกลมรี แต่ละผลมีขนาดประมาณ 1 มิลลิเมตร เมื่อยังอ่อนจะเป็นสีเขียว แต่พอสุกหรือแก่แล้วจะกลายเป็นสีดำหรือสีน้ำตาลอ่อน ภายในผลมีเมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก ซึ่งผลจะนิยมนำมาตากแห้งหรือนำไปอบแห้ง เพื่อใช้ทำเป็นเครื่องเทศที่ใช้ประกอบอาหารเพื่อช่วยเพิ่มกลิ่นหอมให้อาหารน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น และยังช่วยดับกลิ่นคาวได้ดีเหมือนกับใบ

วิธีปลูก

วิธีการปลูกกะเพราด้วยเมล็ด

1. โรยเมล็ดพันธุ์บนดิน

2. ผสมดินกับปุ๋ยคอก และกาบมะพร้าวหั่นชิ้นเล็กๆ

3. แยกต้นอ่อนมาปลูก บนดินหรือในกระถาง

4. คอยตัดกิ่ง และเด็ดดอกทิ้ง จะแตกใบอ่อนมาเรื่อยๆ ถ้าปล่อยดอกไว้ต้นจะโทรม

วิธีการปลูกกะเพรานั่นด้วยการปักชำ

วิธีนี้เราจะใช้กิ่งอ่อนมาปักชำ ไม่ใช้กิ่งแก่ ซึ่งได้ผลสูงเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์หรือร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยตัดกิ่งยาวประมาณ 15-20 เซ็นติเมตร ริดใบออกบ้างเพื่อลดการคายน้ำของใบ วัสดุที่ใช้ปักชำควรมีคุณสมบัติในการระบายน้ำดี ซึ่งจะช่วยไม่ให้กิ่งเน่า แต่ก็รักษาความชื้นได้ดี โดยอาจใช้ดินสำหรับเพาะชำที่มีวางขายตามท้องตลาดทั่วไป หรือใช้ทรายละเอียดผสมแกลบเผาและขุยมะพร้าวในอัตราส่วนเท่าๆกัน โดยคลุกเคล้าให้เข้ากัน หรือจะใช้แกลบเผาอย่างเดียวก็ได้ การใส่วัสดุปักชำในภาชนะต้องอัดให้แน่นๆเต็มภาชนะ จากนั้นหาไม้หรืออะไรก็ได้มาแทงลงในวัสดุปักชำให้เป็นรูแล้วจึงเอากิ่งที่เราจะเอามาจยายพันธุ์ปักชำลงไปในรูนั้นืจากนั้นกลบวัสดุให้แน่นๆ เมื่อปักชำพันธุ์ไม้ในภาชนะเสร็จแล้วก็เอามาไว้ในที่แดดรำไร ถ้าเป็นหน้าฝน มีฝนตกชุกก็อาจไม่ต้องรดน้ำพันธุ์ไม้ที่ชำบ่อย ถ้าเป็นหน้าร้อนอาจต้องรดน้ำเช้าเย็น เพราะพืชจะมีการคลายน้ำสูงมากอาจทำให้พืชไม่ออกราก ถ้าเป็นหน้าหนาว อากาศจะแห้งมาก พืชจะออกรากยาก เพระพืชจะชอบพักตัวช่วงนี้ ประมาณ 15-20 วันพืชจะเริ่มออกราก เมื่อพืชออกรากเยอะแล้วก็ย้ายไปปลูกในภาชนะหรือลงดินก็ได้ ถ้ากิ่งพันธุ์ที่เอามาปักชำมาจากต้นที่มาจากการขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดที่มาจากบรรจุขายในซองที่ขายตามท้องตลาดทั่วไป โอกาสติดจะน้อย เพราะบริษัทพวกนี้ไม่ต้องการให้มีการต่อพันธุ์ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด จึงใช้เทคโนโลยีทำให้เอาไปต่อพันธุ์เองไม่ไดั ทำให้ต้องไปซื้อเมล็ดพันธุ์จากบริษัทตลอด และมักจะมีอายุไม่ยืน ต่างจากพันธุ์พื้นเมืองที่มีอายุได้หลายปีกว่า

ประโยชน์และสรรพคุณ

1. สามารถช่วยยับยั้งหรือช่วยชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็งได้ (ใบ)

2. ช่วยในการบำรุงธาตุในร่างกาย (ใบ)

3. ใบยี่หร่าอุดมไปด้วยวิตามินซีและธาตุแคลเซียม ซึ่งมีสรรพคุณในการช่วยขับเหงื่อซึ่งเป็นของเสียออกจากร่างกาย (ใบ)

4. ใบยี่หร่ามีสรรพคุณช่วยแก้อาการคลื่นไส้ ด้วยการใช้ใบนำมาชงเป็นชาดื่มจนกว่าจะหาย (ใบ)

5. ช่วยแก้โรคเบื่ออาหาร (ใบ)

6. ช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหาร (ต้น, รากแห้ง)

7. ช่วยแก้อาการปวดท้องเนื่องจากอาหารไม่ย่อย (ใบ)

8. ต้นยี่หร่ามีสรรพคุณช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาการปวดท้อง (ใบ, ต้น, รากแห้ง)

9. ช่วยในการขับลมในลำไส้ (ใบ, ต้น, รากแห้ง)

10. น้ำมันหอมระเหยจากยี่หร่ามีฤทธิ์ช่วยระงับอาการหดเกร็งของไส้ (น้ำมันหอมระเหย)

11. ช่วยฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ ด้วยการใช้ผลแห้งประมาณ 3-5 กรัมนำมาชงกับน้ำเดือดประมาณ 1 ลิตร ทิ้งไว้สักระยะแล้วจึงนำมาดื่มวันละ 3-4 ถ้วยตวง (ผล)

12. ยี่หร่ายังมีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อมดลูกคลายตัว ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดประจำเดือนในสตรีได้ (ใบ)