"นักเรียนลองสืบค้นและศึกษาตัวอย่างนวัตกรรม จากเว็บไซต์ http://ipst.me/9182 แล้วคัดเลือกนวัตกรรมที่นักเรียนสนใจ"
“นักเรียนคิดว่า ผู้สร้างนวัตกรรมที่นักเรียนสนใจ จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่องใดบ้าง”
1.1 ความรู้กับการแก้ปัญหา
1.1.1 ความรู้พื้นฐาน
ได้แก่ตวามรู้ด้านคณิตศาตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์
“นอกจากความรู้พื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมนักเรียนคิดว่ามีสิ่งใดที่ผู้สร้างควรรู้และให้ความสำคัญเพื่อให้เกิดทักษะที่ดีในการสร้างนวัตกรรม”
1.1.2 ความรู้และทักษะในการปฏิบัติงาน
ความรู้และทักษะในการปฏิบัติงาน เช่น ความรู้เกี่ยวกับข้อบังคับต่างๆ ทางกฎหมาย รวมถึงแนวปฏิบัติ คุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณในการปฏิบัติงาน และทักษะที่จำเป็น เช่น การสื่อสาร การคิดเชิงระบบ ความคิดสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การทำงานร่วมกับผู้อื่น
1.2 การคิดเชิงออกแบบกับการแก้ปัญหา
การคิดเชิงออกแบบเริ่มตั้งแต่เข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้ง การรวบรวมข้อมูลที่รอบด้าน การพิจารณาผู้ใช้เป็นสำคัญ เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหา การทดสอบ การปรับปรุง และการนำเสนอผลลัพธ์ การคิดเชิงออกแบบ อาจแบ่งเป็น 3 กระบวนการย่อย ได้แก่ การระบุและตีความปัญหา การพัฒนาแนวคิด และการสร้างแนวทางแก้ปัญหา
1.2.1 การระบุและตีความปัญหา
ผู้แก้ปัญหาต้องมีการระบุปัญหาและตีความปัญหาเพื่อความเข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้ง เพื่อนำไปสู่การสร้างหรือประดิษฐ์สิ่งที่เปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขปัญหานั้น คำถามที่ผู้แก้ปัญหาต้องตอบคือ 5W1H
Who = ใคร
What = อะไร
Where = ที่ไหน
When = เมื่อไหร่
Why = ทำไม
How = อย่างไร
1.2.2 การพัฒนาแนวคิด
เมื่อผู้แก้ปัญหาระบุและตีความปัญหาแล้ว คำถามต่อมาคือ จะแก้ปัญหาอย่างไร โดยอาจจะพิจารณาถึงหน้าที่ องค์ประกอบ หรือสภาวะแวดล้อมของวิธีการหรือสิ่งประดิษฐ์ที่สร้างเพื่อแก้ปัญหา แล้วจึงนำข้อมูลและความรู้ที่รวบรวม มากำหนดแนวคิดในการแก้ปัญหา ในกระนวนการนี้ผู้แก้ปัญหาต้องประเมิน และตัดสินใจเลือกข้อมูลและความรู้เพื่อพัฒนาแนวคิดในการแก้ปัญหา และอาจต้องค้นหาและรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม
1.2.3 การสร้างแนวทางการแก้ปัญหา
หลังจากได้แนวคิดในการแก้ปัญหา กระบวนการถัดไปคือการนำแนวคิดนั้นมาสร้างให้เป็นจริง โดยอาจสร้างเป็นต้นแบบ และนำไปทดสอบกับผู้ใช้เพื่อรับข้อมูลย้อนกลับ หรือนำไปทดสอบกับสถานการณ์จริงและเก็บข้อมูลผลการทดสอบ
ในระหว่างการทดสอบการทำงานของต้นแบบเพื่อเก็บข้อมูล ทักษะที่จำเป็นคือการสังเกต การสืบค้น และการวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง เพื่อนำข้อมูลนั้นมาพิจารณาปรับปรุงต้นแบบให้สามารถแก้ปัญหา หรือนำไปใช้งานได้ตามต้องการมากที่สุด
“นักเรียนคิดว่าการคิดเชิงออกแบบ และ กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม มีความสัมพันธ์กันอย่างไร และผู้พัฒนาเทคโนโลยีใช้ทั้ง 2 กระบวนการนี้ในการทำางานต่างกันอย่างไร”
ทบทวนความรู้
การออกแบบเชิงวิศวกรรม (engineering design process) มีกระบวนการดังนี้ การวิเคราะห์ปัญหา กำหนดประเด็นและรวบรวมข้อมูล ออกแบบ วางแผนและสร้างชิ้นงาน ทดสอบ ประเมินผล ปรับปรุงแก้ไขชิ้นงาน และนำเสนอผลการแก้ปัญหา
ทั้งสองกระบวนการเป็นกรอบการดำเนินงาน หรือแนวทางการดำเนินงานเพื่อแก้ปัญหา หรือพัฒนางานอย่างเป็นขั้นตอนเหมือนกัน โดยเริ่มต้นจากการระบุปัญหา กล่าวคือ ต้องทราบสาเหตุของปัญหา ศึกษาความต้องการของผู้ใช้ และเงื่อนไขรวมถึงผลกระทบในหลายแง่มุม ต้องมีการรวบรวมข้อมูลและความรู้ทุกขั้นตอนการดำเนินงาน แล้วจึงเลือกข้อมูลหรือองค์ความรู้ที่ต้องใช้เพื่อออกแบบวิธีการแก้ปัญหา และกำหนดขั้นตอนการทำางาน ลงมือดำเนินการเพื่อสร้างต้นแบบทดสอบโดยอาจให้ผู้ใช้หรือกลุ่มเป้าหมายได้มีส่วนร่วมในการทดสอบและประเมินประสิทธิภาพของชิ้นงานหรือวิธีการ เก็บข้อมูลย้อนกลับจากกลุ่มผู้ใช้แล้วนำมาปรับปรุงผลงาน ในการปรับปรุง ผู้พัฒนาอาจหาข้อมูลหรือความรู้เพิ่มเติม
ผู้เรียนเปรียบเทียบ การคิดเชิงออกแบบ และ กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมในประเด็นต่อไปนี้
เป้าหมายและองค์ประกอบที่จำเป็นของการคิดเชิงออกแบบ
เป้าหมายและองค์ประกอบที่จำเป็นของกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
ความสัมพันธ์ระหว่างการคิดเชิงออกแบบและกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
เขียนผลการวิเคราะห์ที่ได้ในแบบฟอร์ม/แบบฟอร์มออนไลน์ ที่ครูเตรียมไว้ให้