ว่าวฮมลำพูน

ที่มา

ว่าวเป็นเครื่องเล่นชนิดหนึ่งทำด้วยกระดาษสำหรับปล่อยให้ลอยไปตามลม ทั้งนี้ ว่าว ในล้านนามี 2 ประเภท คือชนิดที่ใช้สายเชือกยึดไว้ให้ดึงตัวสูงขึ้นไปในอากาศ เรียกว่า ว่าว หรือ ว่าวลม และชนิดที่ทำเป็นถุงรับความร้อนจากควันไฟ เพื่อพยุงให้ลอยขึ้นไปในอากาศได้ ได้เรียก ว่าวฅวั่น ว่าวรม หรือ ว่าวฮม และตอนหลังมักมีผู้เรียกว่า โคมลอย

ว่าวฅวัน ว่าวรม (อ่าน “ว่าวฮม” แต่ก็มีผู้ออกเสียงเป็น “ว่าวลม” และเขียนว่าวลมอีกด้วย) เป็นเครื่องเล่นที่ต้องทำกันอย่างจริงจัง เพราะต้องลงทุนและทำในรูปแบบที่ละเอียด มิฉะนั้นว่าวจะบขึ้น คือไม่ยอมลอยขึ้นไปในอากาศ

ว่าวฅวันนิยมทำกันอยู่ 2 แบบคือ ว่าวสี่แจ่ง คือว่าวที่ทำเป็นทรงสี่เหลี่ยม และว่าวมนคือว่าวที่ทำเป็นทรงมนทางด้านหัวและด้านท้าย

ว่าวสี่แจ่ง

ว่าวสี่แจ่ง ที่นิยมทำกันนั้นจะใช้กระดาษว่าว คือกระดาษสีที่เนื้อบางแน่นและเหนียว โดยใช้กระดาษว่าวนี้จำนวน 36 แผ่นมาต่อกันเข้าเป็นหกด้าน คือด้านข้างทั้งสี่รวมทั้งด้านบนและล่างด้านละ 6 แผ่น ส่วนที่สำคัญที่สุดของว่าวนี้ก็คือด้านปาก ในการทำปากว่าวนั้น ให้พับครึ่งกระดาษสองครั้ง เพื่อหาจุดศูนย์กลาง นำเอาเชือกหรือด้ายมาวัดจากจุดศูนย์กลางไปหาขอบกระดาษ แบ่งเชือกออกเป็นสามส่วน ยกมาใช้เพียงส่วนเดียวแล้วแบ่งเป็นสามส่วนอีกครั้งหนึ่ง แล้วตัดสามส่วนนั้นให้เหลือเพียงสองส่วนเพื่อเป็นความกว้างของปากว่าว ตัดกระดาษออกเป็นวงกลมให้มีขนาดย่อมกว่าปากว่าวเล็กน้อย จากนั้นนำเอาไม้ไผ่ยาวประมาณ 1.20 เมตร มาเหลาเป็นเส้นกลมขนาดประมาณครึ่งเซนติเมตร แล้วขดเป็นวงกลมตามขนาดที่กำหนดและผูกยึดไม้ขอบปากว่าวแล้วพับกระดาษขึ้นมาปิดด้วยกาวหรือแป้งเปียก ด้านก้นของว่าวสี่แจ้งนั้น จะทำจุกไว้ตรงกลางเพื่อที่จะใช้ไม้ส้าว(ไม้ที่มีขนาดยาว) สอดไว้ในตอนรมด้วยควันเมื่อจะปล่อยว่าว ทั้งนี้สล่าหรือช่างบางคนอาจไม่ทำหมงหรือจุกดังกล่าวก็ได้ เมื่อได้ส่วนปากและส่วนก้นเรียบร้อยแล้วก็จะนำกระดาษในแต่ละด้านมาต่อขึ้นรูปเป็น ว่าวสี่แจ่ง

ว่าวมน

                ว่าวมน คือว่าวทรงมนนั้นนิยมใช้กระดาษว่าวอย่างน้อย 64 แผ่น สำหรับทำส่วนปากและก้นอย่างละ 12 แผ่น ส่วนด้านข้างนั้นจะต้องใช้กระดาษ 40 แผ่นด้วยกัน หากจะทำให้ใหญ่กว่านี้จะต้องทำให้ได้สัดส่วนที่ลงตัวกันได้พอดี

       สำหรับผู้ที่เกิดในปีเสีดหรือปีจอ(ปีหมา)นั้น ตามธรรมเนียมชาวล้านนาถือว่าชูธาตุ หรือครั้งที่วิญญาณมาปฏิสนธินั้นจะพักอยู่ที่เจดีย์จุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เสียก่อน ดังนั้นผู้ที่เกิดในปีเส็ด(ปีหมา)จะถือว่าพระธาตุประจำปีเกิดของคนคือพระธาตุเจ้าจุฬามณี เมื่อเดินทางไปไหว้พระธาตุปีเกิดของตนไม่ได้ก็มักทำว่าวให้นำเครื่องสักการะของตนไปแทน โดยจัดทำสะทวง (อ่าน "สะตวง") คือกระบะบัตรพลีซึ่งบรรจุเครื่องบูชาต่างๆ ผูกไปกับปากว่าวด้วย และต่อมาก็มีผู้จัดทำกระบะบัตรพลีเช่นเดียวกันฝากไปกับว่าวเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ของตนก็มี

ทั้งนี้พบว่ามักจะมีการเขียนที่กระดาษปะไว้ที่บริเวณปากว่าวมีใจความทำนองในที่ว่า บอกชื่อและที่อยู่ของเจ้าของว่าว เหตุผลในการทำว่าวครั้งนั้น และอาจบอกให้นำป้ายดังกล่าวไปรับเงินรางวัลจากเจ้าของว่าวก็มีวาระที่จะปล่อยว่าว หรือรมว่าว (อ่าน "ฮมว่าว") นั้นคือในวันยี่เพง (อ่าน "ญี่เป็ง") คือวันเพ็ญเดือนยี่ ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือนสิบสองของไทยภาคกลาง พอถึงเวลาสาย น้ำค้างแห้งแล้ว ชาวบ้านจะทำสะทวง (อ่าน "สะตวง") คือกระบะบัตรพลีขนาดเล็กบรรจุเครื่องพลีกรรมห้อยไว้ที่ปากของว่าวโดยกล่าวเป็นสองนัยว่า เพื่อไปบูชาพระธาตุเกศแก้วจุพามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และบ้างก็ว่าเพื่อส่งเคราะห์ให้ลอยไปเสียชาวบ้านมักจะนำว่าวไปรมหรือปล่อยที่ลานหน้าวิหาร

เทศบาลเมืองลำพูน ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน จัดการประกวดการปล่อย “โคมลอย” หรือที่คนล้านนาโบราณเรียกว่า “ว่าวควัน” (ว่าวฮม) ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมของงานประเพณีลอยกระทงจังหวัดลำพูน สืบสานวัฒนธรรม ส่งเสริมและอนุรักษ์ประเพณี บอกเล่าเรื่องราววัฒนธรรมที่งดงามให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้ซึมซับผ่านจารีต ขนบธรรมเนียมดั้งเดิม การประกวดการปล่อย “โคมลอย" เป็นการแข่งขันปล่อยโคมลอยประเภทนักเรียน/นักศึกษาและประชาชน ซึ่งรับความสนใจจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยเฉพาะโคมลอยแฟนซีขนาดใหญ่ ทั้งรูปทรงกลม ทรงเหลี่ยม รูปตัวการ์ตูนในวรรณคดีของไทย ที่ทำมาจากกระดาษว่าวสีสันสวยงามและมีส่วนประกอบที่เป็นลูกเล่น ทั้งติดร่มชูชีพ ติดเครื่องบินเล็กที่หาง 

ที่มา....

Lamphuncity. (2565).ทศบาลเมืองลำพูน จัดแข่งขัน “โคมลอยแฟนซี” (ว่าวควัน/ว่าวฮม) สืบสานประเพณีล้านนา สร้างเสน่ห์สีสันยี่เป็งลำพูน. ค้นเมื่อ 28 ตุลาคม 2566. จากhttps://lamphuncity.go.th/55779/

Creative Lanna Blog.(2564).ว่าว.ค้นเมื่อ 28 ตุลาคม 2566. https://accl.cmu.ac.th/Knowledge/details/2414