1.1 ทักษะการทำงาน

ทักษะกระบวนการทำงาน

ทักษะการทำงาน หมายถึง ความสามารถในการทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว ว่องไว รวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำ และความชำนาญในการปฏิบัติจนเป็นที่เชื่อถือและยอมรับ

กระบวนการ หมายถึง แนวทางการดำเนินงานเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างมีขั้นตอน ซึ่งวางไว้อย่างเป็น ลำดับตั้งแต่ต้นจนจบแล้วเสร็จตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ ขั้นตอนดังกล่าวช่วยให้การดำเนินการมี ประสิทธิภาพนำไปสู่ความสำเร็จตามจุดประสงค์และเป้าหมายได้ โดยใช้เวลาและทรัพยากรน้อยที่สุด

การทำงาน (Work) หมายถึง กิจกรรมที่บุคลากรในบุคลากรหนึ่งกระทำขึ้นด้วยกำลังกายและ กำลังใจ เพื่อจุดมุ่งหมายหนึ่งที่เขาต้องการ เช่น เพื่อการดำรงชีวิต เพื่อความสบายใจ หรือเพื่อช่วยส่งเสริม สังคม เป็นต้น

ทักษะที่จำเป็นในการทำงานเพื่อการดำรงชีวิต ได้แก่

1.ทักษะการทำงานร่วมกัน หมายถึง ซึ่งประกอบไปด้วย กลุ่มบุคคล ภาระงาน และการจัดการจะต้องรู้จักการวิเคราะห์งานและวางแผนการจัดวางลำดับขั้นตอนของงานให้สัมพันธ์กัน วิธีการทำงานในแต่ละขั้นตอนอย่างถูกต้องและสร้างสรรค์จัดคนทำงานให้สอดคล้องกับลักษณะงาน มีความรับผิดชอบ และไม่เอาเปรียบผู้ร่วมงาน

2.ทักษะการจัดการ หมายถึง กระบวนการดำเนินงานอย่างใด อย่างหนึ่งเป็นระบบโดยเริ่มตั้งแต่การ วางแผนดำเนินงาน การทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามหน้าที่อย่างสร้างสรรค์และเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ราบรื่นมี ประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลสูงสุดรวมไปถึงการประเมินงานเพื่อปรับปรุง แก้ไข หรือพัฒนา งานให้ดี ยิ่งขึ้นซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานต่าง ๆ ทั้งส่วนตัว และงานกลุ่ม หรือองค์กรได้

3.ทักษะการแก้ปัญหา หมายถึง ความสามารถในการใช้ประสบการณ์กำหนดทางเลือก เพื่อจัดการ กับปัญหาที่เกิดขั้นในการทำงาน หรือในชีวิตอย่างเป็นระบบและเหมาะสมกับตนเองที่สุด การแก้ปัญหาจึงเป็น กระบวนการของความพยายามในการทำงานเพื่อให้ประสบความสำเร็จ เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นมาสามารถหาแนว แก้ปัญหาได้อย่างเป็นระบบ แก้ปัญหาได้อย่างเด็ดขาดและทันท่วงที

4.ทักษะการแสวงหาความรู้คือ การค้นคว้าหาความรู้ และสามารถสร้างความรู้ใหม่เพิ่มเติมได้ อาจจะมาจากการคิด การศึกษา การทดลอง การค้นคว้า หรือปฏิบัติด้วยตนเอง แล้วนำมาวิเคราะห์เพื่อให้เกิด ความรู้ใหม่ ซึ่งสัมพันธ์กับความรู้เดิมที่มีอยู่ โดยการศึกษาค้นคว้านั้น ไม่จำกัดว่าจะมาจากแหล่งความรู้ใด อาจ เป็นความรู้ในห้องเรียน ความรู้ตามป้ายสถานที่ต่างๆไปจนสื่ออื่นๆ ก็ได้

5. คุณธรรม จริยธรรม ในการทำงาน คุณธรรม หมายถึง สภาพคุณงามความดีและความถูกต้องในการแสดงออกทั้งกาย วาจา และใจของ แต่ละบุคคลซึ่งยึดมั่นไว้เป็นหลักในการประพฤติปฏิบัติจนเกิดเป็นนิสัย จริยธรรม หมายถึง กฎเกณฑ์ที่เป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติตนในสิ่งที่ดีงาม เหมาะสม และ เป็นที่นิยมชมชอบหรือยอมรับจากสังคม เพื่อความสันติสุขแห่งตนเองและความสงบเรียบร้อยของสังคม

ความสำคัญในการทำงานเพื่อการดำรงชีพ

การประกอบอาชีพเป็นที่มาของรายได้เพื่อนำไปใช้จ่ายในการดำรงชีวิต ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยสี่ใน การดำรงชีวิตและสร้างมาตรฐานที่ดีให้แก่ตนเอง ครอบครัว และสังคม อาชีพมีอยู่มากมาย ควรพิจารณาเลือก ประกอบอาชีพที่มีความถนัดและความสนใจ สุจริต มีความมั่นคงในชีวิตและมีรายได้เพียงพอความจ าเป็นของ การประกอบอาชีพมีดังนี้

1.เพื่อตนเอง เป็นการประกอบอาชีพเพื่อให้ได้เงินหรือรายได้มาจับจ่ายใช้สอยสำหรับการดำเนินชีวิต และ ตอบสนองความต้องการของตนเอง เช่น ซื้อเครื่องซักผ้า เครื่องตัดหญ้า เตาไมโครเวฟ รถยนต์ฯลฯ ซื้อสิ่ง สร้างความบันเทิงและการพักผ่อน เช่น วิทยุโทรทัศน์วีดิทัศน์ ตลอดจนซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น เครื่องประดับ ราคาแพง น้ำหอม เครื่องสำอาง เป็นต้น

2.เพี่อครอบครัว ครอบครัวเป็นหน่วยสังคมที่เล็กที่สุด สมาชิกของครอบครัวประกอบด้วย พ่อ แม่ลูก ซึ่งมีภาระหน้าที่ ที่จะต้องปฏิบัติต่อกัน เช่น พ่อแม่มีหน้าที่เลี้ยงดูลูกและให้การศึกษา เพื่อประกอบอาชีพในอนาคต ลูกมีหน้าที่ ศึกษาเล่าเรียนจนสำเร็จการศึกษา แล้วแสวงหาอาชีพ เพื่อหารายได้มาเลี้ยงดูตนเอง พ่อแม่ และทุกคนใน ครอบครัว ให้มีมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

3. เพื่อชุมชน ครอบครัวเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนหรือสังคม หากสมาชิกแต่ละครอบครัวประกอบอาชีพที่สุดจริต ถูกต้องตามกฎหมาย และมีอาชีพที่มั่นคง รายได้ดีและมีโอกาสก้าวหน้าภายในชุมชน ทำให้ชุมชนเข้มแข็ง เศรษฐกิจของชุมชนเจริญรุ่งเรืองสามารถพึ่งพาตนเองได้

4.เพื่อประเทศชาติ เมื่อประชาชนในชาติมีการประกอบอาชีพ มีรายได้มาเลี้ยงตนเองและครอบครัว ทำให้อัตราการ ว่างงานลดน้อยลง ย่อมเป็นการแก้ไขปัญหาสังคมให้กับรัฐบาล สภาพสังคมมีความเป็นอยู่ที่ดีมีการใช้ ทรัพยากรภายในชุมชน รายได้เกิดการหมุนเวียน ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศก้าวหน้า ผลจากการที่ ประชาชนประกอบอาชีพ มีงานทำ มีรายได้ชุมชนมีความเข้าแข็งและชำระภาษีให้แก่รัฐ เพื่อรัฐจะได้นำไป พัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ เช่น การสร้างถนน สะพาน เขื่อน โรงไฟฟ้า เป็นต้น การประกอบอาชีพของ ประชาชน ในชุมชนและในประเทศ จึงเป็นการช่วยพัฒนาประเทศชาติได้อีกทางหนึ่ง

หลัก 6P เพื่อการทำงานให้ประสบความสำเร็จ

1.Positive Thinking การมองโลกในแง่ดี

มุมมองในการทำงานเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรามีความสุขและสนุกกับงานได้ง่ายๆ ยกตัวอย่างเช่น เวลาเรามีปัญหาในการทำงาน หากเรามองปัญหานั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี เราก็จะรู้สึกแย่กับงานนั้น รู้สึกเบื่อ ไม่อยากทำงาน แต่เมื่อใดที่เรามองว่าปัญหานั้นเป็นสิ่งที่จะช่วยพัฒนาการทำงานของเราให้ดีขึ้น ทำให้เราเก่งขึ้นเราก็จะรู้สึกดี มีความสุขในการทำงานได้

2. Peaceful Mind การมีจิตใจที่สงบ

มีสติกับสิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้เราสามารถ มองเห็นปัญหาชัดเจน และคิดหาทางแก้ไขได้ง่ายขึ้น

3.Patient การอดทน

ไม่ว่าจะทำงานแบบไหน ย่อมมีปัญหาเกิดขึ้นอยู่แล้ว การที่เราอดทนกับปัญหา รู้จักระงับอารมณ์ ความรู้สึกที่ไม่ดีต่างๆ จะทำให้เราสามารถผ่านพ้นอุปสรรคไปได้

4. Punctual ตรงต่อเวลา

การเป็นคนตรงต่อเวลาไม่ได้แค่แสดงถึงว่าเราเป็นคนมีวินัย แต่ยังแสดงให้เป็นว่าเราเป็นคนมีความรับผิดชอบ บริษัทและลูกค้าสามารถไว้เนื้อเชื่อว่าเราสามารถที่จะทำให้งานของเขาบรรลุผลสำเร็จได้

5. Polite สุภาพ อ่อนโยน

การทำงานที่ใดก็ตาม หากเราพกพาความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนไปด้วยแล้วไม่ว่าใครๆ ก็อยากที่จะเข้าหาเรา อยากช่วยเหลือเรา และมีความเกรงใจให้เรา

6.Professional มืออาชีพ

คือ การทำงานอย่างเป็นมืออาชีพ ทำงานด้วยความรู้ความสามารถ รู้จักแสวงหาความรู้อยู่เสมอ เพื่อนำมาพัฒนาศักยภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้คุณเป็นที่ชื่นชมและไว้วางใจของบริษัทให้ดูแลงานต่อไป

หลักการทำงานให้ประสบความสำเร็จ

ในการทำงานให้ประสบความสำเร็จนั้น เราจำเป็นต้องมมีการปรับปรุงพัฒนาวิธีการทำงานอยู่เสมอ โดยอาศัยกระบวนการ PDCA 4ขั้นตอน ได้แก่ P (Plan) D (Do) C (Check) A (Act) และหลักการ ” D-E-V-E-L-O-P” ซึ่งมีดังนี้

D = Development

หัวใจไม่หยุดยั้งการพัฒนาผลงานและตนเองอยู่เสมอ ทั้งในเรื่องบุคลิกภาพ พฤติกรรมหรือแม้แต่วิธีการทำงาน หาจุดแข็งและจุดบกพร่องของตัวเองให้เจอ แล้วพยายามพัฒนาเพิ่มจุดแข็งตัวเองให้เด่นขึ้นและกล้าที่จะปรับปรุงจุดบกพร่องของตัวเองให้ดีขึ้นด้วย

E = Endurance

มุ่งเน้นความอดทน หนักเอาเบาสู้ เมื่อไรที่คุณมีความอดทนพอ ไม่ว่าจะเป็นอดทนต่อคำพูด อดทนต่อพฤติกรรมการสบประมาทจากคนอื่น และอดทนต่อความเครียดในการทำงาน คุณคนนั้นก็จะจัดการกับปัญหาที่เข้ามาทั้งเบาหรือหนักแบบที่ว่ากระโดดผ่านไปได้อย่างสบาย

V = Versatile

มีความสามารถหลากหลาย คุณจะต้องเป็นคนรอบรู้ในทุกอย่างสามารถที่จะรับมือกับงานที่เข้ามาได้ทุกรูปแบบโดยที่ไม่ปฏิเสธหรือพยายามหลีกเลี่ยงงาน เพียงเท่านี้คุณก็มีโอกาสที่จะก้าวหน้าการทำงานมากกว่าคนอื่นแล้ว

E = Energetic

กระตือรือร้น มีพลังในการใช้ชีวิตอยู่เสมอเพราะเมื่อไรถ้าคุณเกิดหยุดที่จะตื่นตัวแสวงหาความรู้ใหม่ๆ คุณจะไม่มีแรงที่ต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคที่เข้ามาอย่างลุล่วงเลย

L = Love

รักงานที่ทำ ถ้าคุณเป็นคนที่เลือกงานไม่ได้คุณก็ต้องพยายามรักงานที่คุณกำลังทำอยู่ให้ได้ แล้วสิ่งนั้นจะดีเอง อย่าลืมว่าความรู้สึกเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างชิ้นงานต่างๆขึ้นมา

O = Organizing

จัดการเป็นเลิศ อย่าคอยพูดว่าไม่มีเวลาถ้าคุณไม่เคยลำดับการวางแผนเรื่องราวว่าควรทำอะไรก่อนและหลังบ้าง แต่ถ้าคุณรู้ว่ามีสิ่งไหนสำคัญกับคุณบ้างแล้ว ก็ขอให้หยิบกระดาษกับปากกาออกมาจดโน๊ตสั้นๆจัดลำดับสิ่งที่ต้องทำในชีวิต แล้วเวลาจะกลับมาหาคุณเอง นอกจากนั้นงานที่คุณทำก็จะมีประสิทธิภาพอีกด้วย

P = Positive Thinking

คิดแต่ทางบวก การมองโลกในมุมดีมีความสำคัญกับการทำงานมากจริงๆ เพราะเป็นเหมือนยาวิเศษที่เราสร้างขึ้นเองอย่างที่คุณคิดไม่ถึง ถือเป็นกำลังใจและพลังชั้นเยี่ยมที่จะทำให้มีความสนุกและความสุขกับงานทุกชิ้นทีเดียว

การใช้หลักการทำงาน PDCA

Plan การวางแผน

Do การลงมือปฏิบัติงาน

Check การตรวจสอบ

Act การปรับปรุงแก้ไข

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

ที่มา : https://itjobsforum.wordpress.com

https://www.dltv.ac.th/teachplan/episode/27042