ของขึ้นชื่อที่สุดของสกอร์ปิโอคืออาหารทะเลที่สดและได้คุณภาพ อาหารทะเลแปรรูปหลากหลายรูปแบบ ถ้าจะถามว่ามีสิ่งใดที่ชาวสกอร์ปิโอให้ความคุณค่ารองลงมาจากความแข็งแกร่ง นั่นก็คืออาหาร พวกเขาถือคติว่าสติที่แจ่มใส ร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์มีที่มาจากการทำงานหนักและอาหารสุกใหม่ ร้านอาหารชื่อดังมีมากมายทุกหัวมุมถนนพอ ๆกับร้านเหล้า ในตลาดกลางใกล้ท่าเรือใหญ่ ๆ จะมีเสียงของการประกอบอาหารดังต่อเนื่องตลอดทั้งวันไปจนดึกดื่น เพราะเหล่าคนเรือและคนงานท่าเรือนั้นโดยมากจะทำงานกันต่อเนื่องทั้งคืน อาหารของชาวสกอร์ปิโอขึ้นชื่อว่ารสจัดด้วยเครื่องปรุงและสมุนไพร แต่ยังมักได้รับความเห็นว่าถ้าสามารถใช้วัตถุดิบหรือพืชพันธุ์ที่มีคุณภาพทัดเทียมกับวัตถุดิบจากทะเลได้ อาหารของชาวสกอร์ปิโอก็คงไม่เป็นสองรองใคร
ชาวสกอร์ปิโอกินได้ทุกอย่างก็จริง แต่พวกเขานิยมอาหารพวกเนื้อสัตว์มากกว่าผัก ชอบอาหารมันและรสเข้มข้นจัดจ้าน ซึ่งจะเข้ากันได้ดีกับเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์เผ็ดร้อนดีกรีสูง
อาหารของสกอร์ปิโอนิยมปรุงเป็นชิ้น และนิยมกันว่าชิ้นใหญ่ๆ ยิ่งอร่อย
อาหารประเภทคาร์บที่นิยมก็จะเป็นพวกขนมปัง ซึ่งส่วนมากก็จะออกแนวแข็งเล็กน้อยแนวขนมปังไรย์
อาหารประเภทซุปคือยกถ้วยดื่มจริงๆ แล้วใช้ขนมปังหรือเนื้อกวาดส่วนผสมที่เป็นชิ้นในซุป
ชาวสกอร์ปิโอโดยทั่วไปยังนิยมกินอาหารด้วยมือเปล่าเนื่องเพราะอาหารของพวกเขามักเป็นอาหารทะเลที่ใช้มือเปล่ารับประทานได้ง่ายกว่าพึ่งพาอุปกรณ์อื่น หากจะใช้ก็เป็นมีดสั้นที่มีพกติดตัวกันหมดทุกคนเป็นอุปกรณ์ช่วยตัดหรือหั่นอาหาร บางคนก็พกมีดเล็กอีกอันสำหรับทานอาหารโดยเฉพาะ อาจจะเป็นมีดพับเล็กๆ เพราะมีดพกบางชนิดที่คนสกอร์ปิโอพก (เช่นกริชคดโค้งที่ผู้หญิงพกกัน) ไม่เหมาะกับการใช้ตัดอาหารเท่าใด
สำหรับชาวต่างชาติที่มาเยี่ยมเยือน และไม่ถนัดทานแบบคนพื้นเมืองก็ไม่จำเป็นต้องกังวล ตามร้านอาหารทั่วไปยังคงมีอุปกรณ์การทานอาหารตามปกติจัดเตรียมไว้ให้ อีกทั้งมีผ้าเช็ดมือและน้ำล้างมือบริการด้วย
อาหารที่นำข้าวแบบเป็นเม็ดมาปรุงนั้นแรกเริ่มเป็นอาหารที่ทานกันในหมู่ชนชั้นสูงหรือคนรวยที่มีโอกาสติดต่อแลกเปลี่ยนกับชาวต่างชาติมากกว่า ความที่ทานยาก และในยุคแรกๆ มันเป็นการปรุงในสไตล์ข้าวแฉะ(ใช้วิธีการปรุงแบบรีซ็อตโต้)เสียเป็นส่วนใหญ่ คนทั่วไปจึงไม่ชอบทาน ผลผลิตข้าวในสกอร์ปิโอจึงถูกแปรรูปเป็นแป้งเกือบหมด (ที่เหลือเป็นพวกเหล้า เบียร์ เครื่องหมัก) จนกระทั่งปาเอญ่าจากบารามอสมาถึงและคนสกอร์ปิโอรู้จักวัฒนธรรมข้าวแห้งๆ ถึงเริ่มนิยมทานเมนูข้าวกันมากขึ้น
สกอร์ปิโอสามารถผลิตอ้อยได้มากก็จริง แต่ประชาชนกลับไม่นิยมอาหารที่ปรุงรสหวานนำ พวกเขายอมรับได้หากเป็นรสหวานจากผลไม้ น้ำผึ้งก็พอรับได้เพราะมีสรรพคุณเป็นยา แต่ถ้าหวานจากน้ำตาลอ้อยล่ะก็ไม่ถูกใจนัก
เครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมกันในสกอร์ปิโอคือเหล้า กาแฟ และน้ำผลไม้
เหล้าที่ดื่มกันมากที่สุด มียอดจำหน่ายอันดับหนึ่งตลอดกาลคือรัมที่ผลิตจากกากน้ำตาล เนื่องจากสกอร์ปิโอมีการเพาะปลูกอ้อยและการผลิตน้ำตาลจำนวนมาก ทำให้มีประมาณการกลั่นรัมมากตามไปด้วย โดยรัมที่ขายดีที่สุดคือดาร์ครัมสีเข้มดีกรีแรง ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่คนเรือเนื่องจากราคาถูก อีกทั้งมีประโยชน์ใช้งานหลายอย่าง
โกลด์รัม หรือแอมเบอร์รัมเป็นที่นิยมรองลงมา ด้วยสีเหลืองทองที่มีรสชาติและดีกรีอ่อนกว่า ส่วนไลท์รัมสีใสนั้นนิยมใช้ในการผสมเหล้า หรือใช้เป็นเหล้าสำหรับปรุงอาหาร
หลังจากที่พบว่าสามารถเพาะปลูกกาแฟที่พบในท้องถิ่นเป็นพืชเศรษฐกิจได้ ชาวสกอร์ปิโอก็หันมาดื่มกาแฟมากขึ้น ในปัจจุบันสกอร์ปิโอมีกาแฟสามสายพันธุ์หลักที่เป็นผลิตพันธ์ยอดนิยม คือเซลเวนารา ไฮทรัล และรันทรา
สกอร์ปิโอมีผลไม้ท้องถิ่นจำนวนมากมายหลายชนิด แต่ด้วยลักษณะนิสัยของชาวสกอร์ปิโอที่เรียกตัวเองว่าเป็นพวก ‘กินเนื้อ’ ทำให้พวกเขาไม่นิยมทานกันสักเท่าไหร่ ผลไม้ส่วนมากจึงถูกส่งออกไปประเทศอื่น หรือไม่ก็ถูกนำมาแปรรูปเป็นซอส หรือเป็นน้ำผลไม้ ซึ่งอย่างหลังเป็นที่นิยมมากในหมู่เด็กและสตรี นอกจากที่ดื่มง่าย อีกเหตุผลคือให้ความสดชื่นทดแทนในอากาศที่ร้อน และแก้กระหายจากการดื่มแอลกอฮอล์ในอุณหภูมิเช่นนั้น ที่นิยมก็จะมีทั้งเป็นน้ำผลไม้คั้นสด หรือฟรุตพันช์ ถ้าเป็นงานเลี้ยงหรือการทานอาหารร่วมกันที่ผู้เข้าร่วมมีแต่ผู้ใหญ่ ก็จะเป็นพันช์ใส่เหล้าบางๆ
นอกจากนี้ยังมีวัฒนธรรมการดื่มตบท้ายมื้ออาหาร ซึ่งถึงแม้จะดื่มเหล้าเคียงกับมื้ออาหารไปแล้ว แต่หลังจบมื้อมักจะมีการเสิร์ฟเหล้าส้ม (arancello) แก้วเล็กๆตบท้ายเสมอ
นิสัยการดื่มของคนสกอร์ปิโอเปลี่ยนไปตั้งแต่ชนชั้นปกครองได้รับอิทธิพลจากการดื่มของชาติอื่นๆ จากที่นิยมดื่มเพียวๆ หรือดื่มแกล้มมื้ออาหาร ก็เริ่มพัฒนาการดื่มพร้อมกับแกล้มที่เข้ากับเครื่องดื่มมากขึ้น
จากรสนิยมของคนสกอร์ปิโอ มักไม่ค่อยทานขนมหรืออาหารที่รสหวานนำเป็นของว่างระหว่างมื้อกันบ่อยสักเท่าไหร่ พวกของว่างที่มักนำมาเป็นกับแกล้มเลยจะเป็นของรสเค็ม หรือของที่แนมของคาว/เค็มนำ
ถ้าเป็นน้ำผลไม้หรือพันช์ ของแกล้มก็เช่นพวกชีสบอร์ด ของทอด มันทอด chips แบบต่างๆ คานาเป้ แซนด์วิช สลัดเล็กๆ หรือพวกถั่วอย่างพิสตาชิโอ ที่จะแซมพวกแฮม เบค่อน ไปจนถึงแอนโชวี่ คล้ายกับอาหารที่จะจัดเสิร์ฟในงานเลี้ยงค็อกเทล
หรือถ้ามีการดื่มคู่กับกาแฟ หรือชาด้วย ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นของแกล้มที่มีสองรสตัดกัน เช่น เมล่อนแฮม ลูกแพร์อบกับอบเชยน้ำผึ้ง หรือผลไม้ย่าง (ทาเนย/น้ำผึ้ง)
สกอร์ปิโอสามารถผลิตเครื่องเทศได้เป็นจำนวนมาก นอกจากจะจำหน่ายแล้วก็ใช้ในการปรุงอาหารพื้นเมืองด้วย เครื่องเทศจากสกอร์ปิโอเป็นที่นิยมทั้งแบบสดและตากแห้ง นอกจากใส่ในการปรุงอาหารโดยตรง ยังนำมาทำซอสหลากหลายชนิด ซอสของสกอร์ปิโอมีตั้งแต่ชนิดที่หวานนำไปจนถึงเผ็ดจัดจ้าน จากเปรี้ยวจี๊ดไปจนถึงเค็มกลมกล่อม ตามตลาดมีร้านที่เปิดขายเฉพาะซอสโดยเฉพาะอยู่หลายเจ้า และแต่ละร้านต่างมีสูตรและรสชาติแตกต่างกันไป
สมุนไพรทั่วๆไป ที่มักพบเห็นในอาหารทุกจาน โดยเฉพาะสมุนไพรที่ใช้แบบสดๆ ถ้าเป็นในเมือง ก็มักจะปลูกกันตามบ้านเรือน ผักสวนครัวรั้วกินได้พบเห็นอยู่ทั่วไป แต่ก็มีคนที่ปลูกเป็นสวนสมุนไพรอยู่บ้าง โดยคนเหล่านี้ก็จะเก็บสมุนไพรส่งขายตามร้าน และใช้เพื่อแปรรูปขายด้วยในทีเดียว
ตามชนบทหรือหมู่บ้านเล็กๆรอบนอกก็จะปลูกแค่อะไรที่ตัวเองใช้บ่อย โดยจะใช้แนวทางการแลกเปลี่ยนกันในชุมชน
ส่วนสมุนไพรหายากที่ปลูกได้ยาก ก็จะมีคนที่ทำอาชีพเก็บของป่าคอยเก็บขายอยู่เรื่อยๆ คนธรรมดามักไม่ค่อยเข้าป่ากันเองเพราะมีสัตว์ดุร้ายและสัตว์มีพิษในป่าเยอะ
เนื้ออบแห้งเป็นของว่างที่จะมีอยู่ในกระเป๋าของชาวสกอร์ปิโอทุกคน ธุรกิจผลิตเนื้อแห้งเติบโตและขายดีเป็นล่ำเป็นสัน มีเนื้อของสัตว์ชนิดต่างๆมากมายเท่าที่จะจินตนาการได้ที่ถูกนำมาทำเป็นเนื้ออบแห้ง จนบางร้านก็ต้องเลือกไปเลยว่าจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนื้อจากสัตว์ชนิดไหนเป็นหลัก หรือจะจำหน่ายผลิตภัณท์ที่ผลิตจากเครื่องเทศชนิดใดเป็นหลัก
นอกจากเนื้ออบแห้ง บางครั้งพวกเขาจะจัดเตรียมผักผลไม้ที่มีความกรุบกรอบไว้เป็นเครื่องเคียงแกล้ม
ชาวสกอร์ปิโอแท้ๆ โดยเฉพาะคนที่ต้นตระกูลเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าผืนป่าและในครอบครัวไม่ได้แต่งงานกับคนประเทศอื่น มักจะหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากนม โดยเฉพาะอย่างยิ่งนมสด เนื่องจากอาการแพ้น้ำตาลแล็คโตส ในขณะที่คนจากเผ่าทะเลไม่ค่อยมีปัญหานี้ เนื่องจากเผ่าทะเลเป็นเผ่าของคนเร่ร่อนอพยพที่คุ้นเคยกับอาหารหลายหลายรวมไปถึงผลิตภัณฑ์จากนมมาตั้งแต่แรกแล้ว
แต่ถึงกระนั้นผู้สืบเชื้อสายจากตระกูลเผ่าผืนป่าหลายคนก็ไม่อาจทนความเย้ายวนจากรสชาติของผลิตภัณฑ์นมได้ โดยเฉพาะรสชาติหอมและเค็มมันของชีสชนิดต่างๆอันเป็นรสที่ชาวสกอร์ปิโอรักชอบที่สุด และเรามักพบเห็นคนที่ปวดท้องไม่สบายตัวหลังรับประทานผลิตภัณฑ์จากนมตามร้านขายยาหรือร้านหมอได้เป็นประจำ
เปิบพิศดาร
นอกจากอาหารปกติทั่วไปที่ได้จากการประมง การเกษตร การปศุสัตว์แล้ว ชาวสกอร์ปิโอได้ชื่อว่า✨พวกเขาจะกินทุกอย่างที่ขวางหน้า✨ ไม่ว่าจะมีพิษหรือไม่มีพิษก็ตาม
สาเหตุก็เพราะพวกเขาเคยเผชิญหน้ากับความอดอยากที่โหดร้ายมาก่อนในช่วงสงครามชนเผ่าและการผจญกับภัยธรรมชาติ การต้องทดสอบขีดจำกัดต่ำสุดของมนุษย์ธรรมดาในตอนนั้นช่างเป็นความทรงจำที่ยากจะทานทนไหว จนพวกเขาต้องปรับตัวให้เข้ากับทุรเข็ญทุกอย่างนั้นจนสามารถมีชีวิตรอดผ่านมาได้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้งจนทำให้เกิดลักษณะนิสัยที่แปลกประหลาดหลุดโลกขึ้นและสลักลงในกระดูกของชาวสกอร์ปิโอทุกคน
แม้กระทั่งปัจจุบันที่มีข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ พวกเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการกินทุกอย่างที่ขวางหน้า นั่นก็เพราะมันไม่ใช่แค่พฤติกรรมอีกต่อไป แต่ได้กลับกลายเป็น ‘วัฒนธรรม’ ไปเสียแล้ว
การล่าสัตว์เก็บของป่ายังคงอยู่ในสายเลือดของชาวสกอร์ปิโอ ถ้าเลือกได้ระหว่างวัตถุดิบนำเข้าหรูหรากับของป่าหายาก พวกเขาจะเลือกวัตถุดิบจากป่าอย่างไม่ลังเล
คนสกอร์ปิโอที่พื้นฐานอาศัยอยู่กับผืนป่าชอบกินเห็ดมาก ทุกหมู่บ้านจะมีผู้เชี่ยวชาญเรื่องเห็ด(โดยเฉพาะการรักษาคนที่ป่วยจากพิษเห็ด)อยู่ไม่หนึ่งก็สองคน
งูดองในขวดเหล้าหาได้ทั่วไป คนเฒ่าคนแก่เชื่อว่าหากใช้ทามีสรรพคุณในการแก้ปวดไขข้อ ใช้ดื่มจะเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
นอกจากงูแล้ว สัตว์เลื้อยคลานมีพิษหลายชนิดก็กลายมาเป็นของดองเหล้ายอดนิยมได้ แม้กระทั่งแมงป่อง…แต่ห้ามให้คนที่มีต้นตระกูลมาจากเผ่าผืนป่าเห็นเชียว นอกจากขวดจะถูกทุบแล้วคุณก็อาจจะถูกทุบหัวเอาด้วย
จระเข้น้ำจืดที่อาศัยตามลำน้ำเป็นอาหารโปรดชนิดหนึ่งของคนสกอร์ปิโอ หลังจากเลาะหนังที่เป็นสินค้าชั้นดีแล้วก็จะได้เนื้อแน่นและไร้ไขมัน ปรุงแบบไหนก็อร่อย คนสกอร์ปิโอชอบบ้องตันจระเข้เป็นที่สุด มักพบบ้องตันย่างไฟทั้งท่อนยกเสิร์ฟขึ้นโต๊ะในงานเลี้ยงหรูหรา ส่วนจระเข้น้ำเค็มนั้นไม่เป็นที่นิยม เพราะนอกจากความดุร้ายและล่ายากแล้ว เนื้อของมันยังอมรสเค็มจนเกินพอดี หากจะเอาไปทำเนื้อตากแห้งล่ะก็พอได้
เนื้ออีกอย่างที่ชาวสกอร์ปิโอโปรดปรานก็คือเนื้อของสัตว์ทะเลขนาดใหญ่อย่างวาฬ หรือกระทั่งมังกรสมุทรบางชนิด มีการจัดฤดูออกล่าอย่างเอิกเกริกรวมถึงประชันขันแข่งขนาดของวาฬที่ถูกจับมาได้ด้วย
เนื้อมังกรสมุทร จะมีทั้งชนิดเนื้อขาวและเนื้อแดง ตามลักษณะสายพันธุ์ของมังกรที่คนนิยมทาน
เนื้อขาวมีลักษณะของเนื้อคล้ายปลาหิมะ เนื้อจะเด้ง นุ่ม มีความมันสูง รสชาติออกไปทางจืด เหมาะกับการใช้เครื่องปรุงรสจัดจ้านหมักปรุงก่อนทำให้สุก แต่ความคาวน้อยกว่าแบบเนื้อแดง
ส่วนชนิดเนื้อแดง ลักษณะของเนื้อมีสีแดงเข้มตามชื่อ แทรกด้วยเส้นไขมันสีขาว (คล้ายเนื้อม้าส่วนมัน หรือโอโทโร่) แต่เมื่อทานจะไม่ค่อยมีรสชาติของมันหรือความมันมากนักเพราะรสเนื้อจะค่อนข้างเข้ม เนื้อมีความเค็ม รสคล้ายเหล็กติดปลายลิ้นแต่ไม่มีกลิ่นเหล็ก จะเป็นกลิ่นที่มีความเค็มคล้ายกลิ่นมันกุ้ง เนื้อแข็งกว่าแบบเนื้อขาวและมีความกรุบ เป็นเนื้อที่นิยมทานทั้งแบบปรุงสุก และกึ่งสุกกึ่งดิบ นิยมแต่งรสตอนจะทาน (ราดซอส/ทา-จิ้มน้ำจิ้ม) มากกว่านำไปหมักปรุงรส
เนื้อวาฬนอกจากถูกใช้เป็นอาหารแล้ว ทุกส่วนของวาฬยังถูกนำมาแปรรูปเพื่อวัตถุประสงค์การใช้งานในชีวิตประจำวันอีกด้วย ส่วนมากเนื้อวาฬที่ล่าได้มักจะนิยมใช้ประกอบอาหารแบบสดๆ แต่ก็มีการนำมาแปรรูปถนอมอาหารเพื่อเก็บไว้ทานนอกฤดูกาลเช่นกัน นิยมทั้งตากแห้ง หมักเกลือ หมักเครื่องเทศ หมักรมควัน ดองในน้ำเกลือ ดองในน้ำมัน
อาหารที่เรียกว่า ‘กุ้งบก’เป็นที่นิยมมากในเขตป่าฝน โดยมากแล้วสิ่งนี้ก็คือสัตว์อย่างตะขาบ แมงมุม แมงป่องยักษ์ ซึ่งว่ากันว่าเนื้อของมันมีรสชาติและเนื้อสัมผัสคล้ายกับกุ้งแม่น้ำมาก
ตระกูลที่มีเชื้อสายมาจากเผ่าผืนป่าจะงดเว้นการกินแมงป่อง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำเผ่าสกอร์เปี้ยน ผู้ปลดแอกเผ่าผืนป่าจากการปกครองกดขี่จากเผ่าทะเล ถือว่าเป็นการให้เกียรติกัน
ส่วนตระกูลที่สืบเชื้อสายมาจากเผ่าทะเล จะบริโภคแมงป่องหากมีให้กิน พวกเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก เพียงทำตามธรรมเนียมการกินอาหารอย่างชาวเรือ คือกินทุกอย่างให้คุ้มค่าและไม่กินทิ้งขว้าง
หลายพื้นที่ในสกอร์ปิโอยังนิยมกินของดิบ
บางครั้งอวัยวะหายากในสัตว์ หรือสมุนไพรที่มีการเปลี่ยนสภาพจากสิ่งแวดล้อมที่สุดขั้วก็มักจะถูกนำมารับประทานในฐานะของยาบำรุง โดยมีทั้งโยนเข้าปากและกลืนทั้งชิ้นทั้งแบบนั้น หรือนำไปดองกับสุราให้สุรานั้นกลายเป็นยา และนำมาดื่มด้วยเชื่อว่าจะสามารถบำรุงร่างกายให้แข็งแรงทนทาน
แถบชายทะเลสามารถพบการกินปลาดิบได้ทั่วไป โดยมักจะเป็นเนื้อปลาทะเล ราดด้วยการัม(น้ำปลาหมัก) เคียงด้วยผักและสมุนไพรสด หรือในบางครั้งอาจเสิร์ฟพร้อมน้ำมันมะกอก พรมด้วยเลม่อนหรือซอสที่มีรสเปรี้ยว พร้อมของหมักดองที่มีรสชาติจัดจ้านอย่างมะกอก พริก หัวหอม เคเปอร์ดอง โรยหน้าด้วยชีสขูด
ซอสที่ใช้ในการดองสมุนไพรและเครื่องเทศเพื่อถนอมอาหารถูกดัดแปลงสูตรจนกลายมาเป็นซอสที่ใช้ดองอาหารทะเล ปลา กุ้ง หอย ปลาหมึก ไปจนถึงปู โดยเฉพาะปูทะเลที่มีไข่ในกระดองของมันเป็นที่นิยมเป็นพิเศษเลยทีเดียว
หอยนางรมสดใหม่เป็นที่นิยมมากด้วยการทานคู่กับการบีบเลม่อน หรือไม่ก็ซอสรสชาติเผ็ดและเปรี้ยว ซึ่งจะสามารถชูรสหวานของหอยนางรมออกมาได้มากที่สุด
หอยสองฝาประเภทที่มีเลือดมากอย่างหอยแครงนั้นเชื่อกันว่าเป็นอาหารบำรุงที่ดีของคนที่ได้รับบาดเจ็บและเสียเลือดมาก เคยถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของยาในสมัยโบราณ แต่กระทั่งปัจจุบันก็ยังมีคนนิยมกินเพราะเชื่อว่าเสริมความเข็งแรงของหลอดเลือดและผิวหนัง ไม่ทำให้บาดเจ็บได้ง่ายๆ
เมนูเนื้อสับอย่างเสต็กทาร์ทาร์เองก็เป็นที่นิยมจากซอสปรุงรสที่มีรสชาติเผ็ดร้อน ซอสสีแดงที่แม้หยดไปแค่หยดเดียวก็ให้รสชาติเผ็ดร้อนนี้ยังมีกลิ่นรสที่แตกต่างกันไปในแต่ละร้าน
อย่างไรก็ดี พวกเขาพบว่าเนื้อของสัตว์ปีกนั้นมักมีปัญหาเมื่อเอามาทานดิบ เพราะก่อให้เกิดอาการป่วยหลายประการ พวกเขาจึงไม่นิยมทานเนื้อสัตว์ปีกดิบกันไปโดยปริยาย
อาหารหลายชนิดที่คนสกอร์ปิโอนิยมกินกันเป็นอาหารที่มีพิษ หรือส่งผลเสียต่อร่างกาย แต่คนสกอร์ปิโอก็จะหาทางกำจัดพิษหรือลดปริมาณพิษลง
ลักษณะนิสัยเช่นนี้ของชาวสกอร์ปิโอทำให้ตำแหน่งนักพิษวิทยาเป็นที่ต้องการมาก ทั้งตามสถานพยาบาล สถานที่ท่องเที่ยว ตลาด เทศกาลอาหาร ไปจนถึงตามท่าเรือ
ตามสถานพยาบาลต่างๆนั้น ผู้ป่วยจากอาการอาหารเป็นพิษ หรือได้รับพิษจากอาหารที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาตัวและพักฟื้นร่างกายนั้นมีจำนวนมากเป็นอันดับสองรองจากการประลองและทะเลาะวิวาทเลยทีเดียว
ลักษณะนิสัยทั้งหลายเหล่านี้ของชาวสกอร์ปิโอ ทำให้เมื่อพวกเขาได้กลายไปเป็นนักเรียนของโรงเรียนพระราชา ที่นัดพบสำหรับการทานอาหารร่วมกันจึงมักเป็นห้องอาหารสฟิงซ์ของปราการปราชญ์ ซึ่งได้รับการขนานนามว่ามีแต่เมนูอาหารแปลกประหลาดที่ชาวเอเดนส่วนใหญ่มักไม่นิยมรับประทานกัน อาหารทั้งหลายเหล่านี้มักทำให้เด็กๆชาวสกอร์ปิโอที่อยู่ห่างจากถิ่นฐานรู้สึกสบายใจเหมือนได้กลับบ้าน