ค่านิยมและรสนิยมทางเพศ
ค่านิยมทางเพศของชาวสกอร์ปิโอนั้น โดยทั่วไปแล้วยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างเพศชายหญิงเป็นปกติ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักเพศเดียวกันนั้นไม่เป็นที่ยอมรับนัก
กระนั้นยังมีสิ่งหนึ่ง ค่านิยมซึ่งมีการรับเข้ามาในวัฒนธรรมตั้งแต่ยุคสิ้นสุดอิทธิพลเผ่าทะเล นั่นคือการมี 'คู่สัมพันธ์' (matelotage) ซึ่งเป็นค่านิยมเผ่าทะเลที่สืบทอดไปในหมู่โจรสลัด--และแน่นอน ในหมู่นักเดินเรือ จนถึงราชนาวีเองก็มีการจับ 'คู่สัมพันธ์' ระหว่างสหายชายเช่นกัน ผู้ที่อยู่ในความสัมพันธ์นี้ และผู้ที่รับรู้ มักไม่พูดหรือเปิดเผยอะไรมากนัก เพราะแม้ยังรับได้ในวงสังคมเดียวกัน แต่กับคนส่วนใหญ่แล้วไม่ใช่เช่นนั้น
ความเท่าเทียมทางเพศในสกอร์ปิโอมีน้อย พวกที่ออกทะเลส่วนมากจะเป็นบุรุษมากกว่าสตรี ชาวสกอร์ปิโอมักมองสตรีเป็นเพศที่อ่อนแอเนื่องจากลักษณะทางกายภาพและธรรมชาติของเพศสภาพเอง (เพราะสกอร์ปิโอเป็นสังคมที่ให้คุณค่าแก่ผู้แข็งแกร่ง) ทำให้บุรุษมักได้รับสิทธิทางการปกครองและโอกาสเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากกว่า
ทว่าก็ไม่ผิดกฎหมายหากสตรีจะออกทะเล เป็นราชนาวี หรือเป็นผู้คุมเรือ เพียงแต่เพราะสตรีไม่เป็นที่ยอมรับ การได้รับการยอมรับก็ต้องพิสูจน์ตนอย่างสาหัสกว่าผู้ชายมาก
แต่หากสตรีผู้นั้นแสดงความแข็งแกร่งของตนจนสามารถได้รับการยอมรับจากบุรุษ จะเป็นอะไรก็ล้วนเป็นได้ตามใจพวกนางทั้งนั้น
สถาบันครอบครัวและบทบาทคู่สมรส
แม้ว่าความเท่าเทียมทางเพศระหว่างหญิงชายในสกอร์ปิโอจะต่างกันมาก ทำให้มีปัญหาการเลือกปฏิบัติระหว่างเพศชายเพศหญิงบ่อยครั้ง แต่เมื่อเป็นเรื่องของสถาบันครอบครัว ชายหญิงกลับมีความเท่าเทียมกันในฐานะสมาชิก ซึ่งมีพื้นฐานที่มาสืบเนื่องตั้งแต่ยุควัฒนธรรมเผ่าทะเลที่บุรุษเผ่าทะเลออกเรือไปไกลอยู่ห่างบ้าน ดังนั้นผู้ที่ดูแลขับเคลื่อนความเป็นอยู่ของคนในบ้านระหว่างนั้นคือสตรี ดังนั้นสามีที่ไม่ให้เกียรติภรรยาจึงไม่เป็นที่ยอมรับ
การเปิดกว้างด้านการแสดงความรักต่อกันทำให้การคบหาระหว่างคนที่ยังไร้พันธะในสังคมเป็นไปด้วยความอิสระเสรีอย่างมาก โดยชาวสกอร์ปิโอบางคนอาจมีคนที่คบหาดูใจอยู่หลายคนก็จริงในเวลาที่ยังครองตัวเป็นโสด แต่หากแต่งงานไปแล้วถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง พวกเขาจะถืออย่างยิ่งในเรื่องการรักเดียวใจเดียวกับสามีภรรยาของตน และฝ่ายชายจะไม่ยอมพลาดโอกาสพูดโอ้อวดและแสดงความรักต่อภรรยาให้ผู้อื่นรับชมรับฟังอยู่เสมอ
หากบุรุษใดนอกใจภรรยาไปคบหาหญิงอื่นมักถูกประนามอย่างมาก เพราะความแข็งแกร่งของภรรยาคือความแข็งแกร่งเบื้องหลังของบุรุษ สามีภรรยาต้องส่งเสริมกันและกัน ถึงพวกเขาจะถือว่าเพศหญิงอ่อนแอกว่า แต่ในขณะเดียวกันเพศหญิงก็เป็นผู้ช่วยจัดการให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตสุขสบายและออกไปเสาะแสวงหาความสำเร็จและเกียรติยศจากนอกบ้าน
สตรีที่นอกใจเองแม้ไม่ได้ถูกประณามและตราหน้ามากเท่า กระนั้นในวงสังคมที่เจ้าหล่อนอยู่ก็จะตีตนออกห่างไปจนถึงซุบซิบนินทา อาจไม่ได้รับการยอมรับในหน้าที่การงาน กลายเป็นว่าจากที่ต้องพยายามอย่างหนักอยู่แต่เดิมก็จะต้องยิ่งเหน็ดเหนื่อยยากกว่าเดิมเสียอีก
สามีไม่มีสิทธิ์ด้อยค่าภรรยาที่ดูแลคนในบ้านอย่างเหนื่อยยากด้วยการคบหาเลี้ยงดูส่งเสียสตรีคนใหม่เสมือนเช่นตนเองมิได้มีภรรยาอยู่แล้วฉันใด ภรรยาเองก็ไม่อาจด้อยค่าผู้นำความเรืองรองและชีวิตสุขสบายเข้ามาใต้หลังคาเรือนด้วยการคบหาเลี้ยงดูบุรุษเฉกตนเองเป็นสตรีโสดสะพรั่งฉันนั้น
การทำร้ายร่างกายโดยฝีมือภรรยาที่ถูกนอกใจถือว่ายอมรับได้หากพวกนางใช้ไม้นวดแป้ง กระทะ สิ่งของไร้คมที่หาได้ในครัวเรือน สามารถโจมตีได้จนกว่าสามีจะสลบ โดยถือว่าไม่มีความผิดเพราะเป็นการบันดาลโทสะจากการถูกหมิ่นเกียรติ
และในกรณีนี้ถือว่าเป็นสิทธิ์ของภรรยาที่จะสามารถหย่าขาดจากสามีได้โดยการยื่นคำร้องเพียงฝ่ายเดียว (ตามปกติการยื่นขอหย่าร้าง(จากเหตุอื่นนอกเหลือการคบชู้)กับทางสำนักงานเมืองหรือเขตปกครองจะต้องเป็นการยื่นทั้งภรรยาและสามี)
ส่วนในกรณีภรรยานอกใจคนชู้ ตามกฏหมายให้ได้เพียงตบสามครั้ง ก่อนให้หย่าร้างและถอดถอนนางออกจากทะเบียนตระกูล
การขอหย่าร้างในกรณีนอกใจ ผู้ถูกนอกใจจะได้ส่วนแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งเช่นเดียวกับการหย่าร้างตามปกติ และจะได้รับอีก30%จากทรัพย์สินอีกครึ่งหนึ่งของอีกฝ่ายเป็นค่าเสียหาย ค่าเสียเวลา ค่าเสียความรู้สึก
ส่วนในกรณีที่ต่างฝ่ายต่างหมดรักเลิกร้างกันไป การยื่นเอกสารขอหย่าร้างที่สำนักงานเมืองหรือที่ว่าการเขตปกครองจะมีเจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยและพิจารณาส่วนแบ่งทรัพย์สินอย่างเป็นธรรม